โรคภูมิแพ้ คืออะไร อาการของโรคภูมิแพ้เป็นอย่างไร การเป็นภูมิแพ้มีอันตรายหรือไม่ แล้วเป็นภูมิแพ้ควรไปพบแพทย์เมื่อไหร่ หลาย ๆ คงสงสัยใช่ไหมว่า การเป็นภูมิแพ้มีอาการอย่างไร สาเหตุที่เกิดภูมิแพ้จากอะไร แล้วรักษาอย่างไรใช้หาย มาดูกันเลย
โรคภูมิแพ้ คืออะไร
โรคภูมิแพ้ (Allergy) คือ เป็นโรคที่ผู้ป่วยมีอาการแพ้ ไอ จาม มีน้ำมูก คัดจมูก คันรอบดวงตา น้ำตาไหล ระคายเคืองใบหน้า มีผดหรือผื่นคันแดงตามผิวหนัง ผิวหนังลอกอักเสบ หรืออาจจะแพ้รุนแรงถึงขั้น ท้องร่วง แน่นหน้าอก หรือหายใจไม่ออกหลังจากที่ได้รับสารก่อภูมิแพ้เข้าไปในร่างกาย ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้จะมีอาการแพ้สารที่แตกต่างกันออกไป เพราะโยทั่วไปแล้วสารส่วนใหญ่ที่ผู้ป่วยแพ้ จะเป็นสารที่ไม่ทำปฏิกิริยา หรือเป็นอันตรายต่อร่างกายคนส่วนใหญ่ แต่จะทำให้เกิดการเจ็บป่วยต่อผู้ที่แพ้เท่านั้น โรคภูมิแพ้เป็นโรคยอดนิยมที่พบได้ในสภาพแวดล้อมปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในในเมืองที่เต็มไปดวยมลภาวะที่ไม่พึงประสงค์ อย่างเช่น ฝุ่น ควัน สารพิษต่าง ๆ ขยะ สิ่งเหล่านี้นั้นล้วนเป็นสิ่งที่เพิ่มความเสี่ยงให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายต้องทำงานเพิ่มขึ้น และเพิ่มโอกาสในการป่วยด้วยโรคภูมิแพ้มากยิ่งขึ้นไปอีกด้วย
บทความที่เกี่ยวข้อง : แนะนำ 11 เครื่องฟอกอากาศสำหรับเด็ก ที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อย ซื้อติดบ้านได้เลย
อาการ
อาการแพ้ทำให้เกิดการอักเสบและระคายเคือง อย่างไรก็ตาม อาการเฉพาะจะขึ้นอยู่กับชนิดของสารก่อภูมิแพ้ ตัวอย่างเช่น อาการแพ้อาจเกิดขึ้นในลำไส้ ผิวหนัง ไซนัส ทางเดินหายใจ ดวงตา หรือช่องจมูก ซึ่งอาการจะแตกต่างกันไปตามสิ่งที่แพ้ ดังนี้
1. ภูมิแพ้อากาศ
ภูมิแพ้ชนิดนี้จะมีอาการที่บริวเณจมูก และ อวัยวะที่เกี่ยวกับระบบหายใจ ซึ่งเกิดจากผู้ป่วยหายใจเอาสารกระตุ้นเข้าสู่ร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกันจะทำหน้าที่ขับสารเพื่อทำปฏิกิริยากับสารก่อภูมิแพ้ และทำให้เกิดอาการแพ้ ดังนี้
- จามบ่อย
- คันรอบดวงตา จมูก ปาก และลำคอ
- คัดจมูก น้ำมูกไหล
- ไอ เจ็บคอ มีเสมหะ
- หายใจไม่ออก
- หอบหืด
- หูอื้อ
- ตาแดง
- ประสาทรับกลิ่นทำงานแย่ลง
- อาจมีไข้
2. ภูมิแพ้อาหาร
ภุฒิแพ้อาหาร มักเกิดในระบบหายใจและระบบทางเดินอาหาร แม้จะมีอาการบางอย่างใกล้เคียงกับโรคอาหารเป็นพิษ แต่อาการแพ้จะเกิดขึ้นอยู่กับร่างกาย ที่แพ้ต่อสารก่อภูมิแพ้นั้น ๆ เท่านั้น โดยอาการของโรคภูมิแพ้อาหาร มีดังนี้
- ไอ จาม
- คัดจมูก น้ำตาไหล
- คันที่ปาก ลิ้น ลำคอ
- หน้าซีด ใจสั่น
- ชีพจรเต้นเร็ว
- อ่อนเพลีย หมดแรง
- หายใจลำบาก
- ความดันลดต่ำลง
- คลื่นไส้ อาเจียน
- วิงเวียนศีรษะ
- เกิดลมพิษ
- มีผื่นแดง
- ปวดท้อง ท้องเสีย ขับถ่ายเป็นมูก หรือ มีเลือดปน
3. ภูมิแพ้ขึ้นตา
อาการนี้จะแสดงออกที่ดวงตา โดยจะมีอาการดังนี้
- ระคายเคืองดวงตา
- แสบตา
- ตาแดง
- ตาบวม
- เปลือกตาอักเสบ
- น้ำตาไหล
- รู้สึกเหมือนมีเม็ดทรายติดอยู่ที่ดวงตา
- ตาอ่อนแอ
- ดวงตาไวต่อแสง
- มองเห็นไม่สะดวก
4. ภูมิแพ้ผิวหนัง
ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ผิวหนัง จะมีอาการบริเวณที่ได้รับสารก่อภูมิแพ้ โดยจะมีอาการคัน ผื่นแดง มีรอยนูน หรือ ตุ่มอักเสบ และเป็นแผล หรือ ผิวลอกได้ง่ายเมื่อเกา
ตัวกระตุ้นและอาการที่อาจเกิดขึ้นในผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้
ฝุ่นและละอองเกสร
- จมูกอุดตันหรือแออัด
- คันตาและจมูก
- น้ำมูกไหล
- ตาบวมและน้ำตาไหล
- ไอ
อาหาร
- อาเจียน
- ลิ้นบวม
- รู้สึกเสียวซ่าในปาก
- อาการบวมที่ริมฝีปาก ใบหน้า และลำคอ
- ปวดท้อง
- หายใจถี่
- เลือดออกทางทวารหนักส่วนใหญ่ในเด็ก
- อาการคันในปาก
- ท้องเสีย
แมลงต่อย
- หายใจดังเสียงฮืด ๆ
- บวมอย่างมีนัยสำคัญที่เว็บไซต์ของต่อย
- ความดันโลหิตลดลงอย่างกะทันหัน
- คันผิวหนัง
- หายใจถี่
- กระสับกระส่าย
- ลมพิษหรือมีผื่นแดงและคันมากที่กระจายไปทั่วร่างกาย
- อาการวิงเวียนศีรษะ
- ไอ
- แน่นหน้าอก
ยา
- หายใจดังเสียงฮืด ๆ
- อาการบวมที่ลิ้น ริมฝีปาก และใบหน้า
- ผื่น
- อาการคัน
หากมีอาการรุนแรง อาจเกิดแอนาฟิแล็กซิสได้
อาการแอนาฟิแล็กซิส
Anaphylaxisเป็นปฏิกิริยาการแพ้รูปแบบที่รุนแรงที่สุด เป็นเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ แอนาฟิแล็กซิสสามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว โดยอาการจะเกิดขึ้นภายในไม่กี่นาทีหรือหลายชั่วโมงหลังจากสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้
การวิจัยชี้ให้เห็นว่าแอนาฟิแล็กซิสมักส่งผลต่อผิวหนังและระบบทางเดินหายใจมากที่สุด
อาการบางอย่างรวมถึง:
- ลมพิษ หน้าแดง และคัน
- หายใจลำบาก
- หายใจดังเสียงฮืด ๆ
- บวม
- ความดันโลหิตต่ำ
- การเปลี่ยนแปลงของอัตราการเต้นของหัวใจ
- อาการวิงเวียนศีรษะและเป็นลม
- หมดสติ
การตระหนักถึงอาการเหล่านี้มีความสำคัญต่อการได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
สาเหตุของโรคภูมิแพ้
โรคภูมิแพ้นั้น เกิดจาการที่ร่างกายผลิตภูมิคุ้มกันเพื่อขจัดสิ่งแปลกปลอมที่ได้รับเข้ามาด้วย การขับสารภูมิต้านทานออกมาด้วยสิ่งแปลกปลอมเหล่านั้น และสารภูมิต้านทานนั้นก็ก่อให้เกิดการอักเสบ และอาการแพ้แก่ร่างกายด้วยได้ การเกิดโรคภูมิแพ้เป็นเหตุมาจากภูมิคุ้มกันของร่างกายที่ทำงานนั้นมากจนเกินไป ทำให้เกอดอาการแพ้ต่อบางสิ่งที่อาจจะไม่เป็นอันตรายต่อคนทั่วไป แต่กับเป็นอันตรายต่อบุคคลที่แพ้เท่านั้น
สารที่ร่างกายได้รับเข้ามา และทำการกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ในลักษณะต่าง ๆ เรียกว่า สารก่อภูมิแพ้ โดยร่างกายจะมีปฏิกิริยาต่อสารก่อภูมิแพ้ด้วยการแสดงอาการแพ้ในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป โดยสารภูมิต้านทานซึ่งเป็นโปรตีนที่อยู่ในเลือด มีหน้าที่คอยป้องกัน รวมทั้งขจัดเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย ทำปฏิกิริยาตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้บางชนิดที่ผู้ป่วยแพ้
การรักษาภูมิแพ้
หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ และสารระคายเคือง
เนื่องจากการรักษาที่ดีที่สุดของโรคภูมิแพ้ คือการหลีกเลี่ยงสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ก็จำเป็นต้องใช้ยาเพื่อการรักษา หรือเพื่อบรรเทาและควบคุมอาการที่จะเกิดขึ้น
การใช้ยารักษา
แพทย์จะวินิจฉัยและจ่ายยาให้ผู้ป่วยอย่างเหมาะสม เพื่อบรรเทาและควบคุมอาการที่จะเกิดขึ้น ผู้ที่มีอาการคัดจมูกมากอาจจะต้องใช้ยาลดอาการคัดจมูก สำหรับผู้ที่มีอาการเรื้อรังอาจจะต้องใช้ยาพ่นจมูก
การฉีดวัคซีนรักษาโรคภูแพ้
โดยผู้ป่วยจะได้รับการฉีดสารก่อภูมิแพ้เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันชนิด IgG การฉีดจะเลือกฉีดเฉพาะสารก่อภูมิแพ้ที่ทดสอบทางผิวหนังแล้วพบว่าแพ้ จากนั้นแพทย์จะเพิ่มขนาดยาตามตารางเวลา ซึ่งผลข้างเคียงจากการฉีดจะมีรอยผื่นแดง ผื่นคัน นานประมาณ 4-8 ชั่วโมง ส่วนผลข้างเคียงอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น คือ การคัดจมูก น้ำมูกไหล อาการเหล่านี้มักจะเกิดภายใน 30 นาทีหลังฉีด มีส่วนน้อยที่อาจจะแพ้ยาที่ฉีดชนิดรุนแรง แต่อาการมักเป็นชั่วคราวและหายได้หลังจากแพทย์ให้ยาแก้แพ้
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ไข้หวัดใหญ่ สังเกตอาการไข้หวัดใหญ่ พร้อมวิธีป้องกัน ดูแลตัวเองอย่างไร ให้ห่างไกลโรค
มะเร็งลำไส้โรคร้าย ใกล้ตัวกว่าที่คุณคิด ทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยว กับมะเร็งลำไส้ใหญ่
ไซนัสอักเสบ อารการเป็นอย่างไร โรคไซนัสอักเสบรักษาอย่างไร เหตุเกิดจากอะไร
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : medicalnewstoday.com , pobpad.com , paolohospital.com