"เยลลี่" ขนมหวานสุดฮิตที่เด็ก ๆ หลายคนต่างก็ชื่นชอบ เพราะด้วยรูปร่างหน้าตาที่น่ารักหลากหลายรูปแบบ บวกกับความหวานอร่อยที่ละลายในปาก ทำให้เยลลี่กลายเป็นขนมหวานที่เด็ก ๆ หลายคนปรารถนาเป็นอย่างมาก แต่คุณพ่อคุณแม่รู้หรือไม่ว่า เยลลี่ มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งถ้าหากเด็ก ๆ ได้รับประทานมากเกินไป อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ เช่น น้ำหนักเกิน ฟันผุ โรคเบาหวาน เป็นต้น
นอกจากนี้ ความหนืดเหนียวของเยลลี่ที่เคลือบน้ำตาลยังอาจทำให้เด็ก ๆ เกิดอาการปวดท้องเพราะอาหารไม่ย่อยได้ เหมือนกับอุทาหรณ์ของคุณแม่ในเฟซบุ๊กรายหนึ่ง ที่ได้ออกมาแชร์ประสบการณ์ของลูกสาวที่ปวดท้องรุนแรงหลังกิน เยลลี่ลูกตา ไปเพียงเม็ดเดียว
อุทาหรณ์ลูกสาวกิน เยลลี่ลูกตา สุดท้ายเป็นลำไส้อักเสบ
เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2567 ผู้ใช้เฟซบุ๊ก "Kanittha Sarapong" ได้โพสต์อุทาหรณ์เตือนภัยผู้ปกครองเกี่ยวกับพฤติกรรมการกินของเด็ก ๆ โดยได้ระบุว่าลูกสาว นามว่า น้องธิวา ได้แอบไปซื้อขนมเยลลี่ลูกตา ซึ่งเป็นที่นิยมมาก ๆ ในหมู่เด็ก ๆ จากร้านสะดวกซื้อแถวบ้านกับคุณย่าตอนแม่ไม่อยู่ ได้มารู้เหตุการณ์อีกทีตอนเช้า เมื่อเห็นว่าขนมได้หายไปเม็ดนึง เลยถามน้องเพราะปกติคุณแม่จะไม่ซื้อให้กิน และตัวคุณย่าเองก็ไม่รู้จักว่ามันคืออะไร สุดท้ายน้องยอมรับว่ากินไปจริงๆ
คุณแม่น้องธิวาได้กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยเตือนลูกสาวไม่ให้กินขนมเยลลี่ลูกตา เพราะเคยมีข่าวออกมาว่ามันอันตรายแค่ไหน และด้วยความที่มันเคยฮิตอยู่ช่วงหนึ่ง อาจจะทำให้หลายคนอยากลอง ซึ่งเคยมีของปลอมออกมาระบาดอยู่ด้วย แต่น้องก็ไม่เคยฟัง อาจเป็นเพราะหน้าตาของขนมที่มีความแปลกใหม่และสีสันที่น่าทาน ทำให้ดึงดูดใจผู้บริโภคอยู่ไม่น้อย เหตุการณ์ในครั้งนี้จึงถือว่าเป็นบทเรียนราคาแพงที่ธิวาต้องเจอกับตัวเอง ซึ่งน้องได้กล่าวขอโทษคุณแม่และบอกว่ารู้สึกเข็ดแล้ว ทำให้คุณแม่รู้สึกที่จะอดสงสารไม่ได้ และต้องเฝ้าดูอาการของธิวากันต่อไป
บทความที่เกี่ยวข้อง : เยลลี่ลูกตา เตือนภัย ! เยลลี่สุดฮิต ทำลำไส้ลูกอักเสบ อาการหนัก
บทเรียนจาก เยลลี่ลูกตา : ทำไมการดูแลลูกถึงสำคัญเวลาทานขนมหวาน
เหตุการณ์ดังกล่าว ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น แต่เคยเกิดมาหลายครั้งแล้วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยที่ผู้ป่วยทุกคนล้วนแต่เป็นเด็กทั้งนั้น และต่างก็มีอาการปวดท้อง อาเจียน ถ่ายเหลว เหมือนกันหมด ซึ่งทางโรงพยาบาลได้ออกมาเตือนว่า ขนมเยลลี่ส่วนใหญ่มีปริมาณน้ำตาลสูง การกินน้ำตาลมาก ๆ เป็นประจำ อาจทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนักขึ้น อาจทำให้อาหารไม่ย่อยได้ และอาจทำให้เกิดอาการลำไส้อักเสบได้
ซึ่งอุทาหรณ์นี้ ได้สร้างความตกใจให้กับผู้ปกครองเป็นอย่างมาก เพราะเยลลี่เป็นขนมหวานที่เด็ก ๆ ชื่นชอบ และมักวางขายตามร้านสะดวกซื้อและซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป จึงทำให้เข้าถึงได้ง่าย เพราะฉะนั้นผู้ปกครองจึงควรระมัดระวังในการเลือกซื้อและให้ลูก ๆ กินเยลลี่อย่างปลอดภัย ที่สำคัญผู้ปกครองควรสอนให้เด็ก ๆ รู้จักคิดวิเคราะห์และตัดสินใจด้วยตัวเอง โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของตนเองเป็นสำคัญ ตัวอย่างเช่น สอนให้เด็ก ๆ รู้จักอ่านฉลากโภชนาการก่อนตัดสินใจซื้อขนมหวาน สอนให้เด็ก ๆ รู้จักเลือกซื้อขนมหวานที่มีปริมาณน้ำตาลต่ำ และสอนให้เด็ก ๆ รู้จักกินขนมหวานอย่างมีสติ ไม่กินมากเกินไป
รวมถึงพฤติกรรมการกินของเด็ก ว่ามีความสะอาดมากน้อยเพียงใด และในเด็กหรือคนบางกลุ่มอาจจะมีอาการแพ้สีผสมอาหาร หรือ รสผลไม้ในขนม รวมถึงแพ้เจลาตินในอาหารด้วย
จากเหตุการณ์นี้ คุณแม่ของน้องธิวาได้ฝากเตือนผู้ปกครองว่า
อย่าปล่อยให้เด็ก ๆ คลาดสายตา เพราะเด็ก ๆ อาจแอบกินขนมหวานโดยไม่ได้รับอนุญาต ที่สำคัญคุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้เด็ก ๆ รู้จักกินขนมหวานอย่างมีสติ ไม่กินมากจนเกินไป ไม่ควรกินขนมหวานแทนอาหารมื้อหลัก แต่ควรกินร่วมกับอาหารอื่น ๆ และควรเลือกซื้อขนมหวานที่มีปริมาณน้ำตาลต่ำ ไม่มีสารเติมแต่งที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
นอกจากนี้ คุณแม่ของน้องธิวายังได้ฝากถึงร้านค้าว่า
ทางร้านค้าควรทำการตรวจสอบคุณภาพของสินค้าก่อนนำมาวางจำหน่าย ยิ่งถ้าเป็นประเภทอาหารการกินควรยิ่งตรวจสอบระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะขนมหวานที่เป็นที่ชื่นชอบของเด็ก ๆ ซึ่งมีส่วนผสมของน้ำตาลสูงและอาจมีสารเติมแต่งที่เป็นอันตราย ถ้าหากสินค้าเหล่านี้ไม่ปลอดภัยหรือไม่มีแหล่งที่มา ไม่ควรนำมาขายให้เสี่ยงต่อสุขภาพของผู้บริโภคโดยเด็ดขาด และที่สำคัญควรติดฉลากโภชนาการของสินค้าให้อย่างถูกต้อง เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบข้อมูลโภชนาการก่อนตัดสินใจซื้อได้
5 ขนมทางเลือกที่มีประโยชน์ของลูกน้อยแทน เยลลี่ลูกตา
1. ผลไม้อบแห้ง
ถึงแม้ว่าผลไม้อบแห้งอาจจะไม่มีวิตามินมากเท่ากับผลไม้สด แต่ก็เป็นแหล่งไฟเบอร์ที่มีส่วนช่วยระบบการย่อยอาหาร และการขับถ่าย ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินต่าง ๆ ที่มาจากผลไม้ที่ยังคงอยู่ เช่น ลูกเกด หรือมะม่วงอบแห้ง
2. กล้วยอบแห้ง
กล้วยถือว่าเป็นผลไม้ที่เต็มไปด้วยแร่ธาตุ และวิตามินที่สำคัญ ๆ เช่น วิตามินเอ วิตามินบี6 และวิตามินบี12 ที่สำคัญยังช่วยป้องกันไม่ให้ลูกน้อยเกิดอาการท้องผูกได้อีกด้วย แถมยังช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น และเป็นแหล่งที่ช่วยเติมเต็มพลังงานชั้นดีอีกด้วย
3. ปลาเส้นอบแห้ง
ปลาเส้นอบแห้ง ขนมที่นิยมในคนทุกรุ่น ทุกวัย ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าในเนื้อปลานั้นมีโปรตีน โอเมก้า 3 และแคลเซียม ที่ช่วยในการเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงขึ้น และยังมีไขมันต่ำอีกด้วย
4. โยเกิร์ต
โยเกิร์ต มีจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมาก ๆ เช่น แลคโตบาซิลลัส ซึ่งมีส่วนช่วยในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายต่อลำไส้ และแก้อาการท้องอืดได้ดีมาก นอกจากนี้โยเกิร์ตยังมีโปรตีนจากนมอีกด้วย ซึ่ง แม่ ๆ สามารถดัดแปลง เพิ่มรสชาติความอร่อยของโยเกิร์ต เช่น ทำเป็นสลัดผลไม้ก็ได้ หรือกินกับน้ำผึ้ง หรือคอร์นเฟลกก็ได้ วิธีนี้ถูกใจคุณลูกแน่นอน!
5. เมล็ดทานตะวันอบแห้ง
เมล็ดทานตะวันนั้นอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก โปรตีน ฟอสฟอรัส และวิตามินอีที่สูง แถมยังมีกรดไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งสามารถช่วยในการบำรุงสายตา และลดไขมันในเส้นเลือดได้ดีอีกด้วย
โดยสรุปแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับน้องธิวานั้น ถือว่าเป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับคุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ คนและรวมไปถึงร้านค้าอีกด้วย ควรตระหนักถึงอันตรายของขนมหวานที่มีส่วนผสมของน้ำตาลสูง และควรช่วยกันดูแลเด็ก ๆ โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่มีระบบย่อยอาหารยังไม่สมบูรณ์ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการแพ้หรืออันตรายต่อสุขภาพได้เช่นกัน
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
แม่แชร์อุทาหรณ์ หยิบของเข้าปากไม่ระวัง ลูกชักเกร็ง ลำไส้อักเสบติดเชื้อ
ลูกปวดท้อง แบบไหนเป็นสัญญาณของ 4 โรคร้าย ที่พ่อแม่ต้องระวัง
โนโรไวรัส เชื้อไวรัสที่ทำให้เด็กท้องเสียและอาเจียนรุนแรง
ที่มา : Thairath.com, Breeze