8 วิธีรับมือเเบบธรรมชาติเมื่อทารกโดน ยุงกัด

lead image

อยู่เมืองร้อนถ้าลูกไม่เเพ้ยุงก็ดีไปนะคะ เเต่สำหรับเด็กๆ ที่เเพ้ยุง โดนยุงกัดเเล้วตุ่มบวมขึ้นมา คันคะเยอ กว่าจะหายก็นาน เเล้วการห้ามเด็กๆ ไม่ให้เกานั้นก็ยากมาก จะทายาทีก็กลัวจะไม่ปลอดภัย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

วิธีรักษาเเละบรรเทาอาการคันจาก ยุงกัด ตามธรรมชาติ

ยุงกัด

เมื่อทารกถูก ยุงกัด ใช้ของที่หาง่ายๆ ในครัวเรือนนี่เเหละค่ะ ทั้งปลอดภัยเเละหายคันได้อีกด้วย

  1. ใช้น้ำส้มสายชูหมักทาบาง ๆ บริเวณตุ่มยุง จากนั้นให้ผสมน้ำส้มสายชูหมัก 2-3 ช้อนชาลงในน้ำที่ลูกอาบเพิ่มผลลัพที่ดีขึ้นค่ะ
  2. เอาสบู่ก้อนมาถูบริเวณตุ่มยุงให้เร็วที่สุดโดยไม่ต้องผสมน้ำ จะช่วยไม่ให้คันบริเวณนั้นชั่วคราวได้
  3. ใช้ยาสีฟันสะระเเหน่หรือสะเดาทาบริเวณที่ยุงกัด ปล่อยให้เเห้งก่อนจะล้างออก
  4. ใช้น้ำผึ้งดิบทาบริเวณที่ยุงกัด เพื่อกำจัดน้ำลายของยุง เนื่องจากมีคุณสมบัติต้านเชื้อจุลินทรีย์ ช่วยป้องกันการติดเชื้อได้
  5. ใช้น้ำเกลือละลายน้ำทาบริเวณที่ยุงกัดจะช่วยเเก้คันได้
  6. ใช้เจลใสๆ จากต้นว่านหางจระเข้ทาบริเวณที่ยุงกัด เนื่องจากช่วยรักษาตุ่มยุงให้หายเร็วขึ้นได้ค่ะ
  7. ล้างหัวหอมรอบนึงก่อนจะเอามาทาบริเวณที่โดนยุงกัด ช่วยล้างน้ำลายยุงที่ทำให้คันได้
  8. น้ำมะนาวหรือน้ำเลมอนทาบางๆ บริเวณที่ยุงกัดก็ช่วยได้เช่นกัน เนื่องจากคุณสมบัติที่เป็นกรดเเละมีวิตามินซี

รู้ได้อย่างไรว่าแพ้น้ำลายยุง

สาเหตุของการคันคือ น้ำลายของยุง โดยที่ ยุงกัด จะฉีดน้ำลายลงไปในบริเวณที่เจาะดูดเลือด เพื่อ
ทำให้เลือดเจือจางลง จะได้ดูดขึ้นไปได้ง่าย น้ำลายของยุงทำให้คนเราเกิดอาการแพ้ต่างๆ กัน บางคนแค่มีอาการคัน แต่บางคนแพ้มากเกาจนเป็นแผลลุกลาม ติดเชื้อได้ง่าย จริงๆ แล้วยุงไม่ได้กัดเราหรอกแต่ใช้ปากแหลมๆ ของมันแทงลงไปใต้ผิวหนังเพื่อดูดเลือดขึ้นมา 1-2 หยด โดยระหว่างการดูดนั้นยุงจะปล่อยของเหลวในปากออกมาเพื่อป้องกันไม่ให้เลือดแข็งตัว และเพื่อให้เลือดเจือจางจะได้ดูดขึ้นได้ง่าย ในน้ำลายของยุงมีโปรตีนบางอย่างที่ซึ่งจะติดค้างอยู่รอยที่มันเจาะ ทำให้ร่างกายของเราหลั่งสารฮีสตามีน (Histamine) ออกมาบริเวณผิวหนังตรงนั้น ฮีสตามีนจะไปกระตุ้นประสาท ทำให้สมองสั่งว่าคัน อาการคันจึงเกิดหลังจากที่ถูกยุงกัดซึ่งมักเรียกว่า แพ้น้ำลายยุงปฏิกิริยานี้เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแต่ละคนที่มีต่อน้ำลายยุงโดยปฏิกิริยานี้ไม่จำเป็นต้องเกิดกับทุกคน อาจพบเพียงคนเดียวในขณะที่คนอื่นถูกยุงกัดพร้อมๆ กันไม่ได้รู้สึกคันอะไรมากมาย น้ำลายยุงยังอาจเป็นตัวนำพาโรคร้ายที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ เช่น เชื้อไวรัสแดงกี ไวรัสเจอี เชื้อสปอร์โรชัว หรือหนอนพยาธิ ก่อให้เกิดโรคต่างๆ เช่น โรคไข้เลือดออก โรคไข้สมองอักเสบเจอี โรคมาลาเรีย โรคฟิลาเรียหรือโรคเท้าช้าง เป็นต้น โปรตีนในน้ำลายยุงจะกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้บริเวณที่โดนกัดอาการบวมแดง เป็นผื่น บางครั้งก็เป็นตุ่มน้ำ แม้ว่าอาการบวมแดงจะหายไป แต่อาการคันจะยังอยู่เรื่อยๆ จนกว่าภูมิคุ้มกันของเราจะกัดโปรตีนนั้นให้สลายไปหมด บางคนอาจมีอาการคัดและมีผื่นอยู่ได้นานถึงสัปดาห์ หรืออาจเป็นเดือนเลยก็มี คนที่ไม่แพ้เมื่อโดนยุงกัดจะมีตุ่มนูนแดง คัน สักประมาณ 20-30 นาทีก็จะค่อยๆ ยุบและหายคัน ซึ่งอาการนี้ไม่ถือว่าเป็นอาการแพ้ เพียงแต่เป็นปฏิกิริยาที่ร่างกายมีต่อน้ำลายยุงเท่านั้น ส่วนคนที่แพ้จริงๆ จะเป็นตุ่มนูนแดงหลายวันหรือเป็นสัปดาห์ ตุ่มแดงที่ว่าจะนูนและใหญ่กว่า บางครั้งใหญ่กว่า 5 ซม. เป็นตุ่มน้ำ มีอาการช้ำเป็นจ้ำๆ ตรงที่โดนกัด บางคนอาจมีลมพิษขึ้นลามทั้งตัว หากไม่แน่ใจว่าแพ้น้ำลายหรือไม่ อาจทำการทดสอบภูมิแพ้ผิวหนัง (Skin Prick Test) โดยแพทย์ผู้ตรวจจะใช้สารที่สกัดจากน้ำลายยุงมาสะกิดที่ผิวหนังบริเวณท้องแขนหรือหลัง แล้วสังเกตปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น ซึ่งการตรวจวิธีนี้ไม่ได้เจ็บปวดอะไร หรือจะตรวจแบบวิธีเจาะเลือกเพื่อดูค่าภูมิคุ้มกันต่อยุง (Specific lge) ก็ได้ครับถ้าไม่กล้วเข็ม

ผื่่นแพ้ยุง รักษา หรือ ป้องกันอยางไร

   ช่วงน้ำท่วมเช่นนี้ หลายคนคงมีปัญหารบกวนจากกองทัพยุงเป็นแน่  ยุงที่กัดส่วนใหญ่ในบ้านเราคือ ยุงรำคาญ (Culex quinquefasciatus) เป็นยุงเพศเมียเพราะต้องการเลือดในการสร้างไข่ เมื่อยุงกัดจะปล่อยน้ำลายออกมาซึ่งในน้ำลายนี้เองมีสารโปรตีนที่เป็นสาเหตุของผื่นคันและการแพ้

ผื่นยุงกัดลักษณะเป็นอย่างไร
ผื่นยุงกัดมีอาการแสดงได้หลายรูปแบบ และอาการขึ้นกับปริมาณยุงที่กัดด้วย ส่วนใหญ่เมื่อโดนกัดซ้ำหลายๆครั้ง อาการมักจะน้อยลง โดยทั่วไปจะเห็นเป็นตุ่มนูน แดง คัน ขึ้นอยู่นานประมาณ 20 นาที และค่อยๆยุบไปได้เอง ตำแหน่งที่พบบ่อยคือบริเวณขา ซึ่งอาการเหล่านี้ไม่ถือว่าเป็นการแพ้ แต่เป็นปฏิกริยาต่อน้ำลายยุงเท่านั้น ส่วนในคนที่แพ้ยุงจริงๆนั้นหลังถูกกัดจะพบตุ่มนูนแดงคงอยู่นานหลายวัน หรือพบตุ่มนูนแดงขนาดใหญ่ (บางครั้งใหญ่เกิน 5 เซนติเมตร) ตุ่มน้ำพอง จ้ำเลือด ในบริเวณที่โดนกัด ในบางรายมีผื่นลมพิษทั่วตัวหรือลมพิษชนิดลึกร่วมกับมีอาการหมดสติได้ ซึ่งในกลุ่มนี้มักมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนจากการแกะเกาและมีรอยดำตามมาได้บ่อย

ใครคือบุคคลที่เสี่ยงต่อการแพ้ยุง
– 
เด็กเล็กซึ่งยังไม่เคยโดนยุงกัดมาก่อนเนื่องจากมีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติต่อยุงน้อย จะสังเกตเห็นว่าเด็กมักมีผื่นยุงกัดมากกว่าผู้ใหญ่ หรือนักท่องเที่ยวที่ไม่เคยสัมผัสกับยุงในสถานที่นั้นๆมาก่อน
– 
คนที่มีโรคเกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันเช่น โรคเอดส์ โรคมะเร็งเม็ดเลือดบางชนิด
– 
คนที่ใช้ชีวิตหรือทำงานนอกบ้านเป็นส่วนใหญ่

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

วินิจฉัยได้อย่างไรว่าเราแพ้ยุง
อาศัยทั้งจากประวัติ ลักษณะตุ่มที่โดนกัดว่ารุนแรงกว่าคนทั่วไป นอกจากนั้นอาจทำการตรวจเพิ่มเติมเช่นทำการทดสอบภูมิแพ้ผิวหนังที่เรียกว่า skin prick test โดยใช้สารสกัดจากน้ำลายยุงมาสะกิดผิวหนังในบริเวณท้องแขนและดูปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น ในรายที่มีประวัติแพ้รุนแรงมาก อาจใช้วิธีเจาะเลือดดูค่าภูมิคุ้มกันต่อยุงได้ (specific IgE)

การรักษา
ในรายเป็นตุ่มยุงกัดธรรมดา อาจใช้ยาทากลุ่ม calamine หรือ menthol เพื่อให้รู้สึกเย็นสบาย ลดอาการคัน หรือยาทากลุ่ม สเตียรอยด์ ส่วนในรายที่เป็นตุ่มขนาดใหญ่ อาจใช้ยาทากลุ่มสเตียรอยด์ โดยเลือกความเข้มข้นให้เหมาะสม เช่นในเด็กควรใช้ยาที่มีความแรงอ่อนเช่น ไฮโดรคอร์ติโซน (hydrocortisone) ร่วมกับรับประทานยาแก้แพ้เช่น chlorpheniramine, cetirizine บางครั้งถ้ามีอาการรุนแรงมากอาจจำเป็นต้องรับประทานยาสเตียรอยด์ร่วมด้วยซึ่งควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง

ยุงกัดจนแขนขาลาย รักษาอย่างไรดี
รอยดำจากยุงกัด เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ป่วยกังวลมาก เนื่องจากเป็นเรื่องของความสวยงาม ซึ่งการรักษา แพทย์อาจใช้ยาทาที่ช่วยลดการสร้างเม็ดสีและที่สำคัญต้องป้องกันอย่างถูกวิธีเพื่อไม่ให้มีรอยโรคจากยุงกัดเพิ่ม

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

การป้องกัน
นอกจากการใส่เสื้อผ้าปกปิด หลีกเลี่ยงแหล่งที่มียุงชุม รวมถึงกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง ใช้ยาจุดกันยุงแล้ว บางครั้งอาจจำเป็นต้องยาทากันยุง (insect repellants) บริเวณผิวหนังร่วมด้วย ปัจจุบันสารเหล่านี้เริ่มใช้กันแพร่หลาย มีหลายยี่ห้อในท้องตลาด ทั้งครีม โลชั่น สเปรย์ แป้งและแผ่นอาบน้ำยา ซึ่งสารเหล่านี้จะระเหยเป็นกลิ่นที่ยุงไม่ชอบทำให้ยุงเข้ามากัดเราน้อยลง สารที่นิยมใช้มีดังนี้
1. DEET 
(N,N-diethyl-3-methylbenzamide)  สามารถทาที่ผิวหนังโดยตรงหรือใช้พ่นที่เสื้อผ้าหรืออุปกรณ์ต่างๆได้ ระยะเวลาป้องกันยุงขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของสาร โดยถ้าความเข้มข้นน้อยกว่า 10% จะป้องกันยุงได้ประมาณ 1-3 ชั่วโมง ถ้าความเข้มข้น 10-30% ป้องกันยุงได้ประมาณ 4-6 ชั่วโมง ไม่ควรทาบริเวณใกล้ตาหรือผิวหนังที่เป็นแผล ในเด็กเล็กควรใช้สารนี้เมื่ออายุมากกว่า 2 เดือนเพื่อป้องกันผลข้างเคียงต่อระบบประสาทและเลือกใช้ความเข้มข้นที่น้อยกว่า 10%
2. ตะไคร้หอม
 สามารถนำมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหย citronella oil และ geraniol  ข้อดีคือเป็นสารสกัดจากพืชธรรมชาติ แต่ป้องกันยุงได้ในช่วงสั้นประมาณ 20-30 นาที
3. น้ำมันยูคาลิปตัส
 (lemon eucalyptus oil) เป็นสารสกัดจากธรรมชาติเช่นกัน ป้องกันยุงได้ในช่วงประมาณ 2-5 ชั่วโมง
4. Permethrin
 นิยมใช้ฉีดพ่นที่ข้าวของเครื่องใช้เช่นเสื้อผ้า รองเท้า มุ้ง สามารถติดทนแม้จะทำการซักไปแล้วหลายครั้ง
5. Picaridin
 เป็นสารตัวใหม่ที่นิยมใช้ในต่างประเทศ มีประสิทธิภาพดี ไม่มีกลิ่นและระคายเคืองต่อผิวหนังน้อยกว่า DEET

ผู้ป่วยที่แพ้ยุงนั้นพบได้ไม่บ่อยแต่มักทำให้เกิดผลกระทบต่อการดำรงชีวิต รวมถึงผลข้างเคียงในด้านความสวยงาม นอกจากนั้น ยุงยังเป็นพาหะของโรคต่างๆอีกหลายโรค ดังนั้นทุกคนที่แพ้หรือไม่แพ้ยุงจึงควรหลีกเลี่ยงและป้องกันไม่ให้โดนยุงกัดเช่นกัน

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ที่มา Momjunction

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

“พืชสมุนไพรไล่ยุง” ติดบ้านไว้ปลอดยุงกวนใจปลอดภัยลูกน้อย

หน้าฝน น้ำท่วม น้ำขัง ต้องระวัง! 3 โรคร้ายทำร้ายลูก

ใช้ดีจึงบอกต่อ White Papel จบปัญหา รอยดำจากยุงกัด แผลฟกช้ำ ลูกผิวแห้ง คืนผิวนุ่มชุ่มชื่นให้เบบี๋