รู้ทั้งรู้ว่าไม่ควรทะเลาะกันต่อหน้าลูก เข้าใจในหลักของทฤษฎีนะ แต่พอถึงสถานการณ์จริง มันเป็นไปได้ยาก แล้วแบบนี้จะให้พ่อแม่อย่างเรา ๆ ทำอย่างไรกันดี
1. พุ่งประเด็นไปที่ปัญหาเป็นหลัก
เวลาที่คุณทะเลาะกัน พยายามอย่าที่จะตะโกน ขึ้นเสียง หรือข่มขู่ใส่กันต่อหน้าลูก คุณควรที่จะมุ่งไปถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ณ ตอนนั้นเป็นหลัก อย่าไปรื้อฟื้นเรื่องที่เก่า ๆ มาเป็นปัญหาอีกถ้าหากสามารถทำได้ เพราะการส่งเสียงดังอาจจะทำให้ลูกของเราคิดได้ว่าพ่อแม่ของเขานั้นไม่รักกันแล้ว
2. หลีกเลี่ยงเรื่องของผู้ใหญ่
เรื่องของผู้ใหญ่ในที่นี่หมายถึง เรื่องที่อาจจะเกี่ยวข้องกับการมีเพศสัมพันธ์ ชู้สาว การพนัน การดื่มของมึนเมามากเกินไป หรือว่าบุคคลที่สามที่เป็นบุคคลในครอบครัวของฝ่ายให้ฝ่ายหนึ่งให้ลูกได้ยินเช่น ปู่ ย่า ตา ยาย เป็นต้น เพราะเด็ก ๆ ยังมีวุฒิภาวะไม่มากพอที่จะเข้าใจหรือรับฟังปัญหานี้ ถ้าอยากที่จะพูดคุยกันถึงปัญหาเรื่องนี้จริง ๆ แล้วละก็ ควรที่จะไปคุยกันในที่ส่วนตัวสองคนมากกว่าค่ะ
3. เรื่องการตัดสินใจของลูก
ในบางครั้งการตัดสินใจของลูก อาจจะเป็นที่ไม่พอใจของพ่อหรือแม่ โดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจเห็นด้วยและพร้อมที่จะเคารพการตัดสินใจของลูก แต่อีกฝ่ายหนึ่งอาจจะไม่เห็นด้วย ทั้ง ๆ ที่บางครั้งเหตุผลของการไม่เห็นด้วยนั้นจะเป็นเหตุผลที่ถูกต้องและสมควรก็ตาม แต่การที่พ่อแม่ทะเลาะกันด้วยเรื่องนี้ต่อหน้าลูกนั้น อาจจะทำให้ลูกรู้สึกไม่ดีกับฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยได้นะคะ ยกตัวอย่างเช่น ที่พ่อหรือแม่ไม่เห็นด้วยนั้นต้องเป็นเพราะไม่รักและไม่เข้าใจเขาแน่ ๆ
4. รีบแก้ปัญหาก่อนที่ทุกอย่างจะบานปลาย
ทุกครั้งที่ทะเลาะกัน อย่าลืมที่จะเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้นให้เรียบร้อยก่อนที่ทุกอย่างจะบานปลาย แรกเริ่มลูกรับรู้แล้วถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ณ จุดนั้นความสดใสร่าเริงของลูกอาจจะเริ่มลดลง และถ้าหากปัญหาดังกล่าวนั้นยังไม่สิ้นสุด ลูกยังคงเห็นว่า พ่อกับแม่ยังไม่คุยกันทั้งยังมีท่าทีไม่พอใจใส่กันด้วยแล้วนั้น กิริยาเหล่านี้แหละค่ะที่จะยิ่งทำให้ลูกของเรารู้สึกแย่และกลายเป็นเด็กเก็บตัวมากขึ้น
5. ให้แน่ใจว่าลูกรับรู้ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นแก้ไขแล้ว
พ่อแม่บางคนอาจจะคิดว่า ทำไมฉันจะต้องบอกลูกด้วยละ ว่าทุกอย่างระหว่างพ่อกับแม่เคลียร์กันได้แล้ว อย่าลืมนะคะว่า คุณทั้งสองคนทะเลาะและมีปากมีเสียงต่อหน้าพวกเขา จริงอยู่ที่ลูกเล็ก ๆ อาจจะยังไม่เข้าใจ แต่เมื่อลูกโตขึ้นมาในระดับหนึ่ง แน่นอนว่าในใจลึก ๆ ของพวกเขานั้น ต้องรู้สึกเหมือนมีบางอย่างที่เข้าไม่ชอบใจเท่าไรนักเกิดขึ้น ไม่มีเด็กคนไหนหรอกค่ะที่อยากเห็นพ่อแม่ไม่รักกัน ดังนั้นหากปัญหาของคุณแก้ไขหรือตกลงกันได้แล้วนั้น คุณก็ควรที่จะบอกลูก ๆ ด้วยนะคะว่า พ่อกับแม่เข้าใจกันแล้วนะลูก เราสองคนรักกันเหมือนเดิม และที่สำคัญพวกเรารักลูกมากนะจ้ะ
อ่านคำแนะนำข้อต่อไป คลิกหน้าถัดไปค่ะ
6. พูดคุยกับลูก
หลังจากที่คุณทะเลาะกันต่อหน้าลูกแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่คุณควรทำก็คือ เข้าไปพูดคุยกับเขาค่ะ ไม่จำเป็นที่คุณจะเข้าไปคุยพร้อมกันสองคน เพราะมันจะดูเป็นทางการจนเกินไป ผลัดกันเข้าไปคุยกับเขา โดยอาจจะเริ่มประโยคที่ว่า “พ่อ/แม่ ขอโทษนะลูก ที่ต้องให้หนูมาเห็นเหตุการณ์ที่พ่อกับแม่ทะเลาะกันเมื่อสักครู่นี้ ไม่ต้องกลัวว่าพ่อแม่จะไม่รักหนูนะจ้ะ พ่อกับแม่ไม่เข้าใจกันนิดหน่อย แต่เดี๋ยวทุกอย่างก็จะเคลียร์และดีขึ้นได้เอง หนูไม่ต้องห่วงนะ” การพูดในลักษณะนี้กับลูก จะทำให้ลูกรู้สึกว่าตัวเองนั้นยังสำคัญอยู่ และเขาก็ไม่ได้สูญเสียใครคนใดคนหนึ่งไป
7. อย่าบังคับให้ลูกต้องเป็นฝ่ายเลือก
ไม่ใช่แค่เฉพาะแต่การหลีกเลียงที่จะทะเลาะกันต่อหน้าลูกเท่านั้นนะคะ อีกสิ่งที่พวกเราทุกคนไม่ควรทำก็คือ บังคับให้ลูกเลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง การบังคับให้ลูกตัดสินใจเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำมาก ๆ ค่ะ เพราะการที่ลูกต้องเลือกทั้ง ๆ ที่่ใจไม่อยากทำนั้น จะไปส่งผลถึงจิตใจของลูกซึ่งอาจจะทำให้พวกเขารู้สึกลำบากใจ และรู้สึกผิดกับอีกฝ่ายที่พวกเขาไม่ได้เลือกได้
8. หากิจกรรมอะไรให้ลูกทำ
แน่นอนว่า เด็ก ๆ ย่อมรู้สึกเครียดกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่พวกเขาไม่รู้ว่าควรที่จะกำจัดความรู้สึกเหล่านั้นได้อย่างไร สิ่งนี้เป็นหน้าที่ของพ่อแม่แล้วละค่ะ ที่จะต้องเป็นฝ่ายช่วยพวกเขา ดังนั้นหลังจากที่ทะเลาะกันแล้ว ไม่ว่าปัญหาจะจบสิ้นแล้วหรือยัง สิ่งที่พวกเราควรทำก็คือ หากิจกรรมอะไรให้ลูกทำ เพื่อให้ลูกรู้สึกผ่อนคลายและไม่หมกมุ่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากจนเกินไป โดยคุณอาจจะพาลูกไปดูหนัง ทานข้าว เล่นเกมส์ ว่ายน้ำ หรือกิจกรรมอะไรก็ได้ที่มั่นใจว่าลูกจะสามารถลดความเครียดดังกล่าวได้
จะเห็นแล้วว่า การทะเลาะกันต่อหน้าลูกนั้นเปรียบเสมือดาบสองคม คมแรกก็ส่งผลดีให้กับพวกเขาได้เข้มแข็งพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เพราะลูก ๆ รู้แล้วว่า ทุกปัญหาสามารถแก้ไขได้ ไม่ว่าจะช้าหรือว่าเร็ว และปัญหาก็ไม่ใช่จุดจบของทุกสิ่ง แต่คมดาบสุดท้ายที่อันตรายที่สุดก็คือ ลูก ๆ ของเราอาจจะกลายเป็นเด็กเก็บความรู้สึก ไม่ร่าเริงแจ่มใสเหมือนปกติ และอาจจะแสดงพฤติกรรมที่ก้าวร้าวต่อคนในครอบครัว คนรอบข้าง รวมถึงคุณครูและเพื่อน ๆ ที่โรงเรียน หรือแย่ที่สุดคือ ลูก ๆ หันไปคบเพื่อนที่ไม่ดี หรืออาจจะหันไปพึ่งยาเสพติดเพื่อเป็นที่พักทางใจก็เป็นได้
ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุด ที่พ่อแม่ควรคำนึงถึงหลังจากที่ทะเลาะกันแล้วก็คือ ความรู้สึกของลูก นั่นเอง
ที่มา: WomansDay
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:
10 สาเหตุยอดฮิตทำให้สามีภรรยาทะเลาะกัน
คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ชอบ “เถียงกัน” เรื่องอะไร