โรคมะเร็งรังไข่เกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทั่วโลกและเป็นโรคร้ายที่พบมากในอันดับต้น ๆ ของหญิงไทย ซึ่งปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุการเกิดโรคนี้ได้อย่างแน่ชัด แต่ความเสี่ยงที่หญิงไทยมีโอกาสเกิดโรคมะเร็งรังไข่ที่คือ
1.มักพบโรคในผู้หญิงที่มีอายุเฉลี่ย 50 – 55 ปีขึ้นไปหรือมากกว่า
2.ผู้หญิงที่มีแม่ พี่สาว น้องสาว หรือในญาติสายตรงที่เป็นเพศหญิงที่มีประวัติเป็นโรคมะเร็งรังไข่ จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งในรังไข่สูงขึ้น
3.สำหรับผู้หญิงที่เคยเป็นมะเร็งรังไข่ข้างหนึ่งมาแล้ว หรือเคยเป็นโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ หรือมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก อย่างใดอย่างหนึ่ง มีความเสี่ยงในการพัฒนาเกิดเป็นโรคมะเร็งรังไข่ได้อีก
4.สำหรับหญิงที่ไม่มีลูกหรือมีลูกน้อย อาจมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งรังไข่มากกว่าคนที่มีลูกเยอะ แต่สำหรับคุณแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่พบว่าจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งรังไข่น้อยลง
5.ผู้หญิงที่มีน้ำหนักตัวมากหรือเป็นโรคอ้วน ที่ดัชนีมวลกาย (BMI) อยู่ที่ 30 หรือสูงกว่า อาจมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งรังไข่มากขึ้น
6.อาจเกิดโรคมะเร็งรังไข่ได้จากการใช้ยากระตุ้นการตกไข่ ที่ช่วยในการกระตุ้นให้เกิดการตั้งครรภ์ เช่น การใช้ยาในภาวะมีบุตรยาก
7.ผู้หญิงที่มีประจำเดือนมาเร็วและผู้หญิงที่หมดประจำเดือนช้า คือช้ากว่าอายุประมาณ 55 ปี มีโอกาสเสี่ยงสูงต่อการเป็นโรคมะเร็งรังไข่
อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่สำคัญของการเกิดโรคมะเร็งรังไข่ พบว่าผู้ป่วยมักเจออาการผิดปกติช้าและมาพบแพทย์ในระยะลุกลาม ดังนั้นการผ่าตัดก้อนเนื้อมะเร็งให้หมดจึงมักเป็นไปได้ยาก แต่หากถ้าพบเจออาการผิดปกติเร็วและรีบพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยก็สามารถทำการผ่าตัด และรักษาต่อเนื่องด้วยยาเคมีบำบัด หรือการฉายรังสีรักษา (คีโม) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุยลพินิจของแพทย์
Credit : haamor.com
อ่านข่าวพิมพ์-พิมพ์มาดา ตรวจเจอมะเร็งรังไข่ระยะแรก ต้องทำคีโม 6 ครั้ง เผยถึงกับช็อกแต่ใช้สติ >>
พิมพ์-พิมพ์มาดา อดีตนักร้องวงซาซ่า เปิดเผยอาการ “มะเร็งรังไข้” หลังตรวจพบก้อนเนื้อร้ายในรังไข่เมื่อช่วงเดือน ต.ค.2558 ซึ่งพอรู้ว่าเป็นถึงกับช็อกและตกใจ แต่ใจสู้และยอมรับการรักษาด้วยวิธีการทำคีโมบำบัด 6 ครั้ง เหลือเพียงครั้งเดียวก็จะเสร็จสิ้นการรักษา และแพทย์เผยมีโอกาสหายขาด 90% ซึ่งตอนนี้ก็รอดูอาการ พร้อมมีกำลังใจดี ๆ จากคนรอบข้าง
พิมพ์ได้เปิดเผยว่า ได้ไปตรวจร่างกายหลังรู้สึกมีความผิดปกติ ท้องบวม จึงพบว่ามีก้อนเนื้องอกในรังไข่ และหมอก็ผ่าตัดออกมาพบว่ามีก้อนเนิ้อใหญ่มาก จึงนำไปตรวจอย่างละเอียด และวินิจฉัยว่าอาจพัฒนาเป็นเซลล์มะเร็ง จึงให้คำแนะนำว่าควรต้องทำคีโมเพื่อรักษา “สุดท้ายก็ต้องยอมรับและใช้ชีวิตอยู่กับมะเร็งอย่างเข้าใจว่ามันต้องหาย” พิมพ์กล่าว
ซึ่งตอนนี้อาการของพิมพ์ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะพอพบว่ามีโรคแบบนี้อยู่ในร่างกาย เจอเร็วเลยรักษาได้ยังไม่ทันที่จะเป็นมะเร็งและยังไม่ได้กัดกินทำลายร่างกาย สิ่งที่ต้องเจอก็คือการต่อสู้กับการทำคีโมและการแพ้ยา สิ่งที่โชคร้ายในความโชคดีคือ การที่ได้หันมาดูแลสุขภาพร่างกายตัวเองมากขึ้น ใช้ชีวิตอย่างมีสติและปกติ ส่วนเรื่องการมีบุตรในอนาคตหมอกบอกว่าสามารถมีลูกได้เพราะตัดรังไข่แค่ข้างเดียว
Credit : www.thairath.co.th
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
อันตราย!!!ทาแป้งฝุ่นให้น้องหนู (จิ๊มิ)เสี่ยงเป็นมะเร็งรังไข่
ระวัง! 9 ของใช้ในบ้าน ตัวการก่อมะเร็ง