5 วิธีเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกรัก เสริมเกราะป้องกันในช่วง โควิด-19 และฝุ่น PM 2.5

เนื่องจากในขณะนี้ วิกฤตโควิด-19 เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกวันจนไม่อาจละเลยการดูแลตัวเองได้เลยสักวินาที ส่วนสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 เองก็ยังไม่น่าไว้วางใจ การกำชับให้ลูกรักสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่นอกบ้าน และล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอลล์เป็นประจำ อาจยังไม่สามารถป้องกัน โควิด-19 ได้ 100% เพราะตราบใดที่ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ร่างกายไม่แข็งแรง ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะล้มป่วยด้วยโรคติดเชื้อ และมลภาวะจากอากาศที่ปนเปื้อนฝุ่นละอองขนาดเล็กอยู่ดี

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายของลูกรัก จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ช่วยให้เจ้าตัวเล็กไม่พ่ายแพ้ให้กับเชื้อไวรัส และช่วยให้ภูมิต้านทานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่ง วิธีเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกรัก สามารถทำได้ ดังนี้

5 วิธีเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกรัก เสริมเกราะป้องกันในช่วง โควิด-19 และฝุ่น PM 2.5

  • พักผ่อนให้เพียงพอ เด็ก ๆ ควรนอนหลับอย่างมีคุณภาพให้ได้วันละ 6 – 8 ชั่วโมง เพราะการนอนหลับสนิท นอกจากจะช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าแล้ว ยังส่งผลให้เซลล์ภูมิคุ้มกันแข็งแกร่ง พร้อมต่อสู้กับเชื้อโรคอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เด็ก ๆ ควรออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 3 – 5 วัน จะช่วยกระตุ้นให้เซลล์ได้รับออกซิเจนมากขึ้น ระบบไหลเวียนของเลือดทำงานได้ดีขึ้น และระบบภูมิคุ้มกันโรคพร้อมต่อสู้กับเชื้อโรคอยู่ตลอดเวลา
  • ล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อสุขอนามัยของเด็ก ๆ ควรให้ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร รวมไปถึงล้างมือหลังจากหยิบจับสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นของใช้ ของเล่น และสิ่งของสาธารณะที่มีคนใช้บริการจำนวนมาก เพื่อป้องกันการได้รับเชื้อโรคต่างๆ เข้าสู่ร่างกาย
  • ดื่มน้ำเปล่าเยอะ ๆ การดื่มน้ำสะอาดให้ได้วันละ 8 แก้ว จะช่วยเพิ่มสารคัดหลั่งและเพิ่มความชุ่มชื้นของเยื่อบุผิวในท่อทางเดินหายใจส่วนบน ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดักจับฝุ่นละออง หรือเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายได้ดียิ่งขึ้น
  • รับประทานอาหารต้านโรค เด็ก ๆ จำเป็นต้องทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบทั้ง 5 หมู่ ได้แก่ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต เกลือแร่ วิตามิน และแร่ธาตุต่าง ๆ พร้อมกับเสริมด้วยอาหารที่ช่วยสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกัน อย่าง วิตามินซี ซึ่งมีส่วนช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายแข็งแรง และทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

เนื่องจากร่างกายมนุษย์ไม่สามารถผลิตวิตามินซีขึ้นเองได้ ทว่าสามารถทดแทนได้ด้วยการทานผักผลไม้วิตามินซีสูง เช่น สัปปะรด มะขาม ส้ม ฝรั่ง มะนาว มะเขือเทศ ฯลฯ เป็นประจำ แต่สำหรับเด็ก ๆ แล้ว อาจไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะให้ทานผักและผลไม้ทุกวัน ส่งผลให้มีเด็กจำนวนมาก ประสบปัญหา “ขาดวิตามินซี” มีภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรงพอจะต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ รวมถึงสิ่งแปลกปลอม อาทิ ฝุ่นละออง ควัน สารเคมี ฯลฯ ที่เข้าสู่ร่างกาย ส่งผลให้ป่วยง่าย เจ็บออด ๆ แอด ๆ และเสี่ยงต่อการติดเชื้อในช่วงที่มีโรคระบาด อย่าง ไวรัสโคโรน่า (Covid-19) ได้ง่ายมากกว่าเด็กที่ได้รับวิตามินซีสม่ำเสมอ

เมื่อการบังคับให้ลูกทานผักผลไม้เป็นเรื่องยาก คุณแม่สามารถเลือกให้ลูกดื่ม เดลี่-ซี เครื่องดื่มวิตามินซี 200% เป็นประจำทุกวันได้ เพราะนอกจากจะมีปริมาณวิตามินซี 120 mg. ซึ่งเป็นปริมาณที่เพียงพอต่อร่างกายลูกต้องการแล้ว และยังอยู่ในรูปแบบน้ำ ช่วยให้ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้เร็วขึ้น ดีต่อสุขภาพ และช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของเจ้าตัวเล็กทำงานได้เป็นปกติแล้ว เดลี่-ซี เครื่องดื่มวิตามินซี 200% ยังมีรสชาติอร่อยถูกปาก เปรี้ยวหวานลงตัว สดชื่น ดื่มง่าย ดื่มได้บ่อย อร่อยได้ทุกวัน บรรจุในกล่องเล็ก ขนาดกะทัดรัด พกใส่กระเป๋าให้ลูกรักหยิบดื่มได้ทุกที่ทุกเวลาอีกด้วย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

เดลี่-ซี เครื่องดื่มวิตามินซี 200% เครื่องดื่มคุณภาพจาก บริษัท ดัชมิลล์ จำกัด บรรจุในบรรจุภัณฑ์ทึบแสง จึงป้องกันการสูญเสียวิตามินเมื่อโดนแดดและความร้อนได้ดี ช่วยให้คงคุณค่าและคุณภาพของวิตามินได้ครบถ้วน มี 2 รสชาติให้เลือกอร่อย คือ รสเลมอน และรสออเร้นจ์ ราคากล่องละ 5 บาท (ชนิด UHT ขนาด 90 ml.) ได้ปริมาณวิตามินซี 200% Thai RDI* เท่ากับเครื่องดื่มวิตามินซีทั่วไปที่อยู่ในท้องตลาด ไม่ใส่วัตถุกันเสีย และได้รับตรารับรองสินค้าทางเลือกสุขภาพ อร่อยและดีต่อสุขภาพ ในราคาสุดคุ้มแบบนี้ แม่ยิ่งต้องเลือกให้เด็ก ๆ ดื่มทุกวัน เพื่อช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของลูกรักแข็งแรง พร้อมสู้โควิด-19 และฝุ่น PM 2.5 อย่างมีประสิทธิภาพ

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

สั่งซื้อออนไลน์ได้ที่ Dutch Mill Delivery

 

*Thai Recommended Daily Intakes (Thai RDI) คือ ปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน สำหรับคนไทยอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

บทความโดย

theAsianparent Editorial Team