5 วิธีพัฒนาสมองลูกรัก
สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับคุณแม่ทุก ๆ คนที่จะทำให้ลูกเกิดมามีพัฒนาการทางสมองที่ดีได้นั้น ต้องหัดฝึกทักษะพัฒนาสมองลูกรักกันตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เรามาดู 5 วิธีพัฒนาสมองลูกรัก กัน
1.สภาพแวดล้อมที่ดี
เนื่องจากเด็กทารกต้องอาศัยอยู่ภายในร่างกายของคุณแม่ แน่นอนค่ะว่าบ้านที่สะอาดใครๆ ก็อย่างอยู่อาศัย ร่างกายคุณแม่ก็เช่นกัน และแม้ว่ารกจะเป็นตัวกรองสารพิษได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดจะส่งผ่านเข้ามาไม่ได้ สารพิษที่ลูกจะได้รับก็อย่างเช่น ยาเสพติด ยารักษาโรค เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ สารเคมี สารพิษ และสารอันตรายต่างๆ ที่สามารถส่งผ่านถึงลูกผ่านการกินหรือสัมผัสของคุณแม่
สารพิษที่คุณแม่นึกไม่ถึงอย่าง สารเคมีจากสีและน้ำยาทำความสะอาด สามารถส่งผลกระทบต่อการสร้างเนื้อเยื้อสมองที่สมบูรณ์ได้ ในยุโรปมีรายงานการพบสารเคมีในร่างกายของทารก 100% นั่นหมายความว่า เด็กทารกแรกเกิดทุกคนมีสารเคมีอยู่ในร่างกาย ตั้งแต่น้อยที่สุดคือ 12 ชนิด ไปจนถึงมากที่สุดคือ 238 ชนิด และสารเคมีที่พบในร่างกายของเด็กๆ มากที่สุดคือ สารเคมีที่มีอยู่ในน้ำยาทำความสะอาดค่ะ
2.โภชนาการที่ดี
อาหารการกินของคุณแม่มีผลอย่างมากต่อลูกในท้องนะคะ การบริโภควิตามินเสริมนั้นดีกว่าร่างกายที่ไม่ได้รับวิตามินเลย แต่แหล่งวิตามินและแร่ธาตุที่ดีที่สุดนั้นมาจากผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์ค่ะ อาหารแปรรูปนั้นมีสารเคมีและปนเปื้อนสารพิษมากเกินไป ส่วนขนมหวาน น้ำหวาน และไอศกรีม นอกจากจะไม่มีคุณค่าทางอาหารแล้วยังเต็มไปด้วยน้ำตาล คุณแม่อาจจะเสี่ยงเป็นเบาหวานได้หากไม่ควบคุมปริมาณการกินนะคะ
การอยากอาหารนั้นมักจะเป็นสัญญาณของการขาดแร่ธาตุนะคะ หากไม่แน่ใจให้ปรึกษานักโภชนาการหรือนักกำหนดอาหารหรือแม้แต่คุณสูติ-นรีแพทย์ดูนะคะ
ในช่วงที่กำลังตั้งครรภ์นั้น คุณแม่ต้องการสารอาหารเพิ่มขึ้นมาแค่ 300 กิโลแคลอรี่เท่านั้นค่ะ โดยไม่จำเป็นต้องรีบเพิ่มน้ำหนักเพื่อลูกในท้อง แต่ควรกินอาหารให้มีความสมดุล และ กินผักผลไม้ให้หลากหลายเข้าไว้ค่ะ โดยสารอาหารที่คุณแม่ขาดไม่ได้ ก็ได้แก่อย่างเช่น คาร์โบไฮเดรตจำพวกข้าวไม่ขัดสีหรือธัญพืชต่างๆ โปรตีน ผักไม่จำกัดและผลไม้ แหล่งโปรตีนต่างๆ โดยแร่ธาตุที่สำคัญก็อย่างเช่น ธาตุเหล็ก แคลเซียม ไอโอดีน กรดโฟลิค วิตามินซีและเอ
3.ดื่มน้ำมาก ๆ
คนจำนวนกว่า 78% ในสหรัฐอเมริกาดื่มน้ำไม่เพียงพอต่อร่างกาย และ ในช่วงฤดูร้อนนั้นตัวเลจจะพุ่งสูงขึ้นเป็น 90% เลยนะคะ อาการของการขาดน้ำนั้น คุณแม่จะปวดที่บริเวณข้อต่อต่างๆ เพิ่มโอกาสในการเป็นความดันโลหิตสูง เมื่อยล้า ปวดหัว และทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายนั้นมีภาวะซึมเศร้าได้เช่นกันนะคะ หากคุณแม่ขาดน้ำหรือดื่มน้ำไม่เพียงพอ ก็จะส่งผลกระทบโดยตรงกับลูก เนื่องจากทำให้น้ำคร่ำข้นหนาขึ้น ลูกจะอึดอัด และมีพัฒนาการที่ช้าลง โดยปริมาณที่แนะนำคือประมาณ 12 แก้วต่อวันนะคะ
4.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
แม้คุณแม่จะมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายอยู่แล้ว เช่น เท้าที่บวมขึ้นมามาก รู้สึกเหนื่อยง่าย แต่การออกกำลังกายเบาๆ สม่ำเสมอเป็นการช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น เพิ่มการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์ กล้ามเนื้อได้มีการเคลื่อนไหว ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตชของลูก แม้ในอดีตจะคุณแม่จะไม่ต้องการการออกกำลังกาย แต่นั่นเป็นเพราะว่าการดำเนินชีวิตที่ต้องเคลื่อนไหวเยอะอยู่แล้ว
การออกกำลังกายที่เหมาะสมกับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ เช่น โยคะ และว่ายน้ำ ขณะที่ว่ายน้ำนั้น จะเป็นการช่วยกระชับกล้ามเนื้อไปด้วยเนื่องจากในน้ำมีแรงต้าน และ ยังเป็นการรักษาอุณหภูมิของร่างกาย ไม่อันตรายต่อทารกในครรภ์อีกด้วยนะคะ กลับกันโยคะก็เป็นการกระตุ้นกล้ามเนื้อในส่วนต่างๆ เพื่อเพิ่มความสมดุลและการทำงานประสานงานของอวัยวะส่วนต่างๆ ทำให้เกิดความสงบ โยคะสามารถบรรเทาอาการปวดครรภ์ เเละนอกจากนี้ หากคุณแม่ออกกำลังกายระหว่างการตั้งครรภ์ เมื่อโตขึ้นเด็กๆ ก็มีแนวโน้มที่จะเป็นคนชอบเล่นกีฬาและชอบออกกำลังกายอีกด้วยนะคะ
5.กระตุ้นการทำงานของสมองผ่านกิจกรรมต่าง ๆ
นอกจากการฟังเพลงคลาสสิกแล้ว เพลงบรรเลง หรือเพลงแจ๊ซก็ให้ผลที่ไม่ต่างกันเท่าไรนัก ดนตรีจะช่วยเพิ่มการทำงานของสมองและ กระตุ้นส่วนต่างๆ ที่ไม่สามารถกระตุ้นได้ในการทำกิจกรรมอย่างอื่น นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่พบว่า สมองของนักดนตรีจะมีการเชื่อมโยงมากกว่าสมองของคนที่ไม่เล่นดนตรีถึง 5 เท่าเลยทีเดียวค่ะ
แม้ว่าลูกจะไม่ใช่นักดนตรีที่มีพรสวรรค์หรือคลานออกมาบรรเลงเปียโนได้ในทันที แต่เด็กที่เริ่มเล่นดนตรีในระยะเวลาหนึ่งจะมีไอคิวสูงกว่าเด็กที่ไม่เล่นดนตรีเลยถึง 11 คะแนนเลยนะคะ
ที่มา Developing humanbrain
The Asianparent Thailand เว็บไซต์ข้อมูลคุณภาพ และสังคมคุณแม่ที่ใหญ่ที่สุด ในประเทศและเอเชีย เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ แหล่งความรู้แม่ และเด็ก รวมถึงแอพพลิเคชั่น The Asianparent ที่ติดตามการตั้งครรภ์ให้คุณแม่ได้ลงทะเบียนใช้งานฟรี เพื่อติดตามพัฒนาการทารกตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงติดตามหลังคลอดที่ครอบคลุมที่สุด และผู้ใช้งานสูงสุดในประเทศไทย นอกจากความรู้ยังมีไลฟ์สไตล์ และสื่อมัลติมีเดียหลากหลาย ไม่ว่าสุขภาพแม่และเด็ก โภชนาการแม่และเด็ก กิจกรรมสำหรับครอบครัว
การวางแผนครอบครัวไปจนถึง การดูแลลูก การศึกษา และ จิตวิทยาเด็ก The Asianparent เราพร้อมสนับสนุนพ่อแม่ทุกท่าน ให้มีความรู้และมีสุขภาพกายใจเข้มแข็ง เพื่อเสริมสร้างครอบครัวอย่างแข็งแรง
เพราะเราเชื่อว่า “พ่อแม่เข้มแข็ง ครอบครัวแข็งแรง”
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
สอนลูกร้องเพลง กิจกรรมง่าย ๆ ที่ช่วยปลูกฝัง ความเป็นศิลปิน และ พัฒนาสมองลูกน้อย
70 ประโยคภาษาอังกฤษคุยกับลูก จำง่าย ๆ ใช้ในชีวิตประจำวัน ให้ลูกเก่งภาษา ได้ไม่ยาก
ข้อคิดสอนลูกสาวจากมู่หลาน เราจะเรียนรู้อะไร จากการ์ตูนมู่หลานได้บ้าง?