คงเหมือนเด็กที่ไม่ได้ตั้งใจจะงอแง คุณเองก็คงไม่ได้ตั้งใจจู้จี้ มันเป็นแค่พฤติกรรมที่เกิดขึ้นเองโดยไม่รู้ตัว แต่คุณเองก็หยุดพฤติกรรมได้ เพียงแค่ลองทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
#1 แน่วแน่
ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะเลิกทำตัวจู้จี้ หรือรับปากว่าจะไม่ทำนิสัยแย่ ๆ อีก คุณภรรยาบางคนพยายามจะแก้ตัวว่าที่พวกเธอต้องจุกจิก ก็เพราะคุณสามีไม่สนใจ ขี้เกียจ และไม่ช่วยแบ่งเบางานบ้านเลยต่างหาก ฟังดูมีเหตุผล แต่ผิดประเด็น ประเด็นคือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะทำตัวจู้จี้หรือไม่จู้จี้
#2 สื่อสาร
เมื่อคุณตัดสินใจว่าจะไม่จุกจิกอีก บอกให้คุณสามีรู้ถึงปณิธานอันแรงกล้าของคุณด้วย บอกเขาว่าคุณรัก เคารพเขาและความสัมพันธ์ของคุณทั้งคู่ คุณไม่เคยอยากเป็นภรรยาที่จุกจิกจู้จี้
คุณควรบอกเขาด้วยว่า อะไรทำให้คุณต้องจู้จี้ (เช่นเสื้อผ้าวางระเกะระกะ ของเสียแล้วไม่ซ่อม บ้านรก ฯลฯ) และขอให้เขาพยายามเลิกทำสิ่งเหล่านั้น
#3 คำวิเศษ
โอเค สมมติว่าคุณสองคนได้จับเข่าคุยกัน และตกลงกันว่าจะช่วยกันคนละไม้คนละมือเพื่อให้ภรรยาเลิกบ่น แต่เรารู้ว่ามันก็ต้องมีช่วงที่คุณเผลอทำตัวจู้จี้ หรือคุณสามีลืมทำตามที่สัญญาไว้ และทำให้คุณเริ่มบ่นอีก วิธีแก้คือ ให้คิดคำวิเศษขึ้นมาหนึ่งคำ เพื่อพูดเตือนสติเวลาเผลอ เช่น คุณณเดชไม่ชอบกินแอปเปิ้ลเลย เมื่อคุณญาญ่าเริ่มทำตัวจุกจิก เขาก็จะบอกให้เธอช่วยไปปอกแอปเปิ้ลมาให้กิน หรือเมื่อคุณณเดชไม่ยอมเอาเสื้อผ้าสกปรกไปใส่ตะกร้า จนคุณญาญ่ารำคาญ คุณญาญ่าก็จะถามเขาว่าอยากกินแอปเปิ้ลมั้ย? สำหรับคู่นี้ การกินหรือปอกแอปเปิ้ลเป็นคำวิเศษที่เค้าคิดขึ้นมาเพื่อเตือนสติทั้งคู่
ถึงจะฟังดูเพี้ยน ๆ ตลก ๆ ชอบกล แต่เรารับรองว่ามันได้ผล ถึงจะพิลึก แต่ก็ยังดีกว่าต้องจู้จี้นะคะ
#4 ประนีประนอม
เมื่อคุณบอกว่าคุณรักสามีของคุณ นั่นหมายถึงคุณรักในตัวเขาและรักในสิ่งที่เขาเป็น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องทนอยู่กับผู้ชายขี้เกียจที่คิดว่าเมียคือแม่ แต่คุณต้องเข้าใจว่าการเป็นภรรยาที่จู้จี้ขี้บ่นนั้นไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น
ชีวิตคู่คือการประนีประนอม ไม่ใช่การพบกันคนละครึ่งทางอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่เป็นการทุ่มเทให้กันเต็มร้อยทั้งสองฝ่าย เช่น ถ้าเขาเห็นว่าการกวาดเศษอาหารในจานทิ้งก่อนที่จะวางแช่ไว้ในอ่างเป็นเรื่องไม่จำเป็น และคุณก็ทนไม่ได้ถ้าต้องล้างจานโดยยังมีเศษอาหารติดอยู่ที่จาน ก็ทำให้เขาเถอะค่ะ มันไม่ได้ลำบากอะไรมากมาย
คุณไม่ควรจุกจิกกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ แค่แก้ปัญหาด้วยความรัก เอาเวลาบ่นไปทำอย่างอื่นดีกว่า ยังมีเรื่องอื่นให้คิดอีกมากมาย ดังนั้นจึงไม่ควรเสียเวลาคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องแบบนี้
#5 เอ่ยปากชม
การจู้จี้จุกจิกคือการพยายามหาจุดบกพร่องในสิ่งที่อีกฝ่ายทำ ถ้าคุณไม่อยากเป็นเช่นนั้น ก็ทำตัวตรงกันข้ามซะ เอ่ยปากชมคุณสามีในสิ่งที่เขาทำให้คุณภูมิใจ ทำให้ครอบครัว หรือสิ่งที่เขาสอนลูก ถ้าคุณสนใจในด้านดีของสามีมากกว่า (ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดี) คุณก็จะมีเวลานึกถึงเรื่องแย่ ๆ ที่เขาทำน้อยลง
ภัยร้ายของการเป็นภรรยาจู้จี้ หน้าถัดไป >>>
ภรรยาจอมจุกจิกคือภัยร้ายของชีวิตคู่
การทำตัวจุกจิกมาก ๆ จะสร้างปัญหาให้กับชีวิตคู่ ครอบครัว และตัวคุณเอง เมื่อคุณทำตัวจู้จี้กับสามี มันเป็นการบอกให้เขารู้เป็นนัยว่า
- คุณไม่เคารพเขา
- เขาไม่ดีพอ
- คุณคิดว่าคุณดีกว่าเขา
และการทำให้คุณสามีรู้สึกเช่นนี้นาน ๆ จะทำให้เขาเลิกล้มความพยายาม และชีวิตคู่ ไม่น่าเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อ ว่าภรรยาที่จุกจิกจู้จี้สามารถทำลายชีวิตคู่ได้ด้วยเพียงคำพูดเท่านั้น
ภรรยาที่จุกจิกยังสามารถทำลายครอบครัวโดยการส่งสัญญาณบอกลูก ๆ ว่าพ่อเป็นคนโง่ ไร้ความสามารถ และไม่ควรได้รับความเคารพ เด็กที่อยู่ในครอบครัวที่มีแม่ชอบบ่นใส่พ่อ มักเติบโตขึ้นเป็นเด็กไม่มีมารยาท เห็นแก่ตัว ปฏิบัติตัวกับผู้อื่นไม่ดี และมักมีปัญหาด้านความสัมพันธ์
คนจุกจิกยังบั่นทอนตัวเองโดยการไม่เปิดโอกาสให้ตัวเองมีชีวิตคู่ที่มีความสุข ภรรยาที่เห็นแต่ข้อเสียของสามีจะมองไม่เห็นข้อดีของเขา ไม่เห็นความรัก ความเอาใจใส่ที่เขาต้องการจะให้ แต่ไม่กล้าเพราะกลัวว่าจะถูกวิจารณ์หรือปฏิเสธ
คนที่บอกว่า “คำพูดก็เป็นแค่ลมปาก” คงไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ บาดแผลอาจเลือนหาย แต่คำพูดจะติดตรึง และไม่อาจลบไปจากใจได้สิ้นเชิง
บทความใกล้เคียง: พ่อแม่มือใหม่เถียงกันเรื่องอะไร