5 ภัยช่วงปิดเทอม อุบัติเหตุต่าง ๆ ที่พ่อแม่ควรระมัดระวัง
5 ภัยช่วงปิดเทอม อุบัติเหตุต่าง ๆ ที่พ่อแม่ควรระมัดระวังมีอะไรบ้างนั้น..
คุณพ่อคุณแม่ทราบกันหรือไม่คะว่า ช่วงเวลาที่พบว่าเด็กได้รับอุบัติเหตุจนบาดเจ็บ หรือถึงขั้นเสียชีวิตมากที่สุดคือช่วงไหน … คำตอบก็คือ ช่วงปิดเทอมนี่แหละค่ะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็กที่มีอายุระหว่าง 1-14 ปี ทำไมน่ะเหรอคะ นั่นเป็นเพราะวัยดังกล่าวถือเป็นวัยที่มีความอยากรู้อยากเห็น ทำให้ง่ายต่อการบาดเจ็บและการเกิดอุบัติเหตุ ดังนั้น ผู้ปกครองทุกคนจะต้องดูแลเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กเล็ก อย่าให้คาดสายตาเด็ดขาด
นายแพทย์อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติหรือ สพฉ. กล่าวว่า จากสถิติอุบัติเหตุที่พบมากสุดจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน โดยเรื่องที่เกิดกับเด็กมากที่สุดมีดังนี้
1. อุบัติเหตุจากยานยนต์ จากสถิติพบว่า เกิดอุบัติเหตุยานยนต์กับเด็กกว่า 3,520 ครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากรถจักรยานยนต์ ดังนั้น หากจะเป็นที่จะต้องให้เด็กซ้อนท้าย ผู้ปกครองต้องอย่าลืมที่จะให้เด็กสวมหมวกกันน็อคทุกครั้ง และหมวกที่สวมใส่นั้น จะต้องเป็นหมวกที่ถูกต้องตามมาตรฐาน มีขนาดที่เหมาะสมสำหรับเด็ก และห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีขับขี่รถทุกประเภทโดยเด็ดขาด
2. อุบัติเหตุจากการพลัดตกจากที่สูงหรือสิ่งของล้มทับ ทราบหรือไม่คะว่า ช่วงปิดเทอม มีเด็กที่เกิดจากอุบัติเหตุดังกล่าวกว่า 2,155 ครั้งเลยทีเดียว โดยพื้นที่เสี่ยงที่มักเกิดก็คือ สนามเด็กเล่น บ้านที่มีระเบียง บันได หรืออาคารสูง ผู้ปกครองควรที่จะอยู่ดูแลอย่างใกล้ชิด และควรทำที่กั้นเพื่อป้องกันเด็กพลัดตกด้วย
3. อุบัติเหตุจากการถูกสัตว์มีพิษกัดต่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหน้าร้อน ที่ผู้ปกครองมักจะพาลูกหลานไปเที่ยวทะเล ทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะถูกแมงกะพรุน หอยเม่นทะเล หรือสัตว์มีพิษอื่น ๆ กัดเอา จากสถิตินั้นมีการเกิดอุบัติเหตุดังกล่าวกว่า 500 ครั้ง และส่วนใหญ่นั้นจะเป็นเด็กเล็กอายุระหว่าง 2-8 ปี ทั้งนี้หากลูกหลานของคุณถูกแมงกระพรุน แน่นอนว่าเด็กจะมีอาการปวดร้าวไปทั่วทั้งตัว ผู้ปกครองควรรีบนำน้ำส้มสายชูล้างแผลทันที ไม่ควรใช้น้ำจืด หลังจากนั้นรีบนำเด็กไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด ส่วนในกรณีที่เด็กถูกหอยเม่นดำตำ เด็กจะมีอาการบวมแดง เจ็บปวดและอาจะเป็นไข้ได้ ดังนั้น เมื่อเด็กถูกหนามเม่นทะเลดำให้รีบถอนหนามออก หรือไปแช่แผลในน้ำร้อน เพื่อนช่วยให้หนามย่อยสลายได้เร็วขึ้น
4. อุบัติเหตุจากการตกน้ำ หรือจมน้ำ อุบัติเหตุดังกล่าวนี้ถือเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของเด็กไทยเลยทีเดียว ดังนั้น ผู้ปกครองควรที่จะอยู่ดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด อย่าให้เด็กไปเล่นใกล้แหล่งน้ำ และหากบริเวณบ้านมีบ่อหรือตุ่ม ก็ต้องปิดฝาไว้เสมอ และควรทำรั้วกั้นสระน้ำหรือบ่อน้ำ และที่สำคัญที่สุด เราควรสอนให้เด็กรู้จักเอาตัวรอดโดยการสอนให้เด็กว่ายน้ำ และลอยตัวให้เป็น และต้องย้ำกับเด็กเสมอว่า ห้ามกระโดดน้ำลงไปช่วยเพื่อนที่จมน้ำโดยเด็ดขาด แต่ควรรีบเรียกผู้ใหญ่ให้มาช่วยแทน
5. อุบัติเหตุจากไฟดูด ไฟช็อต จากสถิติพบว่า มีการเกิดอุบัติเหตุจากสาเหตุดังกล่าว 86 ครั้ง โดยเกิดจากการที่เด็กนำนิ้วหรือวัตถุอื่น ๆ ไปแหย่รูปลั๊กไฟ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรหาอุปกรณ์มาครอบปลั๊กไฟภายในบ้าน และถ้าหากเกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง ก็ให้ใช้วัสดุที่ไม่นำกระแสไฟฟ้า เช่นไม้ เชือกที่แห้ง ผ้าแห้งผลักหรือฉุดตัวผู้ประสบเหตุให้หลุดออกมาโดยเร็วที่สุด
วัยเด็กเป็นวัยที่มีการเจริญเติบโตและเรียนรู้ อยากรู้อยากเห็น สนใจสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัว ไม่อยู่นิ่ง ซุกซน จึงเป็นวัยที่เสี่ยงจะได้รับอันตรายจากอุบัติเหตุได้ง่าย เป็นเหตุผลให้คนเป็นแม่ต้องดูแลลูกรักอย่างไม่ให้คลาดสายตา เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้น บางครั้งก็มีสาเหตุจากการขาดความระมัดระวังของคนเป็นแม่เอง เหมือนอย่างหลาย ๆ ข่าวที่เห็นกันตามหน้าหนังสือพิมพ์หรือตามโซเชียลต่าง ๆ สร้างความสูญเสียจนคนเป็นแม่แทบจะขาดใจ จะดีกว่าไหมถ้ารู้ทัน ระวังภัยและป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นตั้งแต่เนิ่น ๆ
จากสิ่งที่เรากล่าวมาด้านบน ทั้งหมดเป็นอุบัติเหตุที่มักเกิดกับลูกในวัยซุกซน รู้แบบนี้แล้วคุณแม่ต้องไม่นิ่งนอนใจนะคะ เพราะถ้าสังเกตดูจะพบว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น นอกจากจะมีสาเหตุมาจากความซุกซนตามวัยแล้ว บางครั้งก็มีสาเหตุจากการขาดความระมัดระวังของคนเป็นแม่เองด้วยเช่นกัน ถ้าไม่อยากให้ลูกรักเกิดอันตราย คุณแม่ก็ต้องเพิ่มความใส่ใจและรอบคอบให้มากยิ่งขึ้นนะคะ
อย่างไรก็ตาม หากพบผู้ป่วยฉุกเฉินควรรีบโทรแจ้งสายด่วนที่เบอร์ 1669 เพื่อขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ บริการฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง สำคัญที่สุด อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ หากเราประมาท
The Asianparent Thailand เว็บไซต์ข้อมูลคุณภาพและสังคมคุณแม่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและเอเชีย เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ แหล่งความรู้แม่และเด็ก รวมถึงแอพพลิเคชั่น The Asianparent ที่ติดตามการตั้งครรภ์ให้คุณแม่ได้ลงทะเบียนใช้งานฟรี เพื่อติดตามพัฒนาการทารกตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงติดตามหลังคลอดที่ครอบคลุมที่สุดและผู้ใช้งานสูงสุดในประเทศไทย นอกจากความรู้ยังมีไลฟ์สไตล์และสื่อมัลติมีเดียหลากหลาย ไม่ว่าสุขภาพแม่และเด็ก โภชนาการแม่และเด็ก กิจกรรมสำหรับครอบครัว
การวางแผนครอบครัวไปจนถึง การดูแลลูก การศึกษา และจิตวิทยาเด็ก The Asianparent เราพร้อมสนับสนุนพ่อแม่ทุกท่าน ให้มีความรู้และมีสุขภาพกายใจเข้มแข็ง เพื่อเสริมสร้างครอบครัวอย่างแข็งแรง
เพราะเราเชื่อว่า “พ่อแม่เข้มแข็ง ครอบครัวแข็งแรง”
ที่มา: Thaiemsinfo
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:
เช็กลิสต์ ลูกของคุณพร้อมเรียนกวดวิชาหรือไม่
งานบ้านง่าย ๆ สำหรับลูกอายุ 2-8 ขวบ