การพัฒนา IQ และ EQ จะไม่เวิร์ค กับ 5 ความเชื่อผิดๆ ในการเลี้ยงลูก
ก่อนที่เราจะมาดู 5 ความเชื่อผิดๆ ในการเลี้ยงลูก อาจส่งผลเสียกับ การพัฒนา IQ และ EQ ของลูก ดังนั้น เรามาทำความรู้จักกับ IQ แล EQ กันก่อนดีกว่าค่ะ ว่าคืออะไร
รู้จัก IQ และ EQ
IQ : Intelligent Quotient หมายถึง ความฉลาดทางปัญญา ความจำ ความคิด เป็นความสามารถในการเรียนรู้ การจำ การคิดอย่างมีเหตุผล การตัดสินใจ ความสามารถในการสื่อสาร IQ เป็นตัวทำนายความสามารถในการเรียนของเด็ก IQ เป็นสิ่งที่ติดตัวเด็กมาตั้งแต่กำเนิด สามารถถูกพัฒนาได้ตามศักยภาพของเด็ก ซึ่งรับการกระตุ้นอย่างเหมาะสม
องค์ประกอบของ ไอคิว ที่มีความสำคัญต่อเด็กวัยแรกเกิด – 5 ปีที่พ่อแม่ควรเสริมสร้างให้ลูก คือ
1.ความช่างสังเกต เป็นความสามารถในการรับรู้คุณลักษณะของสิ่งของ รวมถึงการแยกแยะเชื่อมโยง การค้นหาส่วนที่ผิด ส่วนที่หาย การเปรียบเทียบขนาด ปริมาณ ความยาว เป็นต้น ถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการแก้ปัญหาหรือการหาทางเลือกที่เหมาะสม
2.การถ่ายทอดจินตนาการ เป็นการเชื่อมโยงประสบการณ์ โดยอาศัยทักษะทางด้านภาษาในการสื่อสารที่ถูกต้อง การเรียนรู้ทางด้านทักษะสังคม การควบคุมอารมณ์ การถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิด การอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข
3.การคิดเชื่อมโยงเหตุผล เป็นความสามารถในการเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ที่สัมพันธ์กัน หรือสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัว
4.การทำงานประสานระหว่างมือและตา เป็นการแสดงความสามารถทางสติปัญญาด้านการกระทำที่อาศัยการทำงานประสานกันระหว่างประสาทสัมผัสในการลงมือปฏิบัติ
EQ : Emotional Quotient หมายถึง ความฉลาดทางอารมณ์ ไม่กังวลไม่เครียด รู้จักการระงับความโกรธเป็น เป็นความสามารถในการจัดการกับอารมณ์ตนเอง รู้จักควบคุมและแสดงออกอย่างเหมาะสม EQ สามารถพัฒนาได้จากการเลี้ยงดู กระตุ้นพัฒนาเด็กอย่างถูกต้อง เด็กที่มีความฉลาดทางอารมณ์ย่อมเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุขและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างราบรื่น
องค์ประกอบของ อีคิว ที่มีความสำคัญต่อเด็กวัยแรกเกิด – 5 ปี พ่อแม่ควรเสริมสร้างให้กับลูกดังนี้
1.การรู้จักและควบคุมตนเอง เริ่มต้นด้วยการฝึกให้เด็กรู้ว่าเขากำลังมีอารมณ์อย่างไร ให้รู้จักถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกออกมาเป็นคำพูด เพื่อที่เด็กจะได้รู้เท่าทันอารมณ์ของตนเองก็จะสามารถควบคุมอารมณ์ได้เมื่อโตขึ้น
2.การเรียนรู้ระเบียบวินัย เรียนรู้ว่าอะไรผิด อะไรถูก การยอมรับผิด พ่อแม่ควรกำหนดเบื้องต้นว่าให้เด็กรู้ว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ในเรื่องง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน และที่สำคัญต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่เด็กและควรสอนคุณธรรม จริยธรรมในชีวิตประจำวัน สำหรับการฝึกวินัย คือ พ่อแม่ควรฝึกให้เด็กควบคุมความประพฤติของตนเอง การปฏิบัติตามกฎระเบียบ รู้จักกาลเทศะ ทำกิจวัตรตามเวลา และช่วยเหลือตนเองได้ตามวัย
3.ความสนุกสนานร่าเริง คือ สุขสนุกจากการเล่นไม่ว่าจะเล่นตามลำพังหรือเล่นกับเพื่อน เด็กที่มีโอกาสได้เล่นสนุกสนานจะร่าเริงแจ่มใส มีพื้นฐานทางอารมณ์ที่ดี หากเด็กได้รับการกระตุ้นพัฒนาอย่างถูกต้องเหมาะสม ย่อมทำให้เด็กได้พัฒนาทั้ง IQ และ EQ ไปพร้อมกัน
เทคนิคการพัฒนาไอคิวและอีคิว
เทคนิคสำคัญ คือ การสร้างให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีความสุข พ่อแม่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการเลี้ยงดูลูกแต่ละช่วงวัย พ่อแม่ต้องมีความเข้าใจและทักษะในการเลี้ยงดูลูกอย่างถูกต้องจะนำไปสู่การสร้างไอคิว และ อีคิวได้อย่างมีประสิทธิภาพตามพัฒนาการของลูก
รศ.ดร.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ แพทย์ประจำแผนกกุมารเวชศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดีให้ข้อคิดในการเลี้ยงดูลูกว่า การที่เด็กคนหนึ่งจะเติบโตขึ้นมาเป็นเด็กที่มีสุขภาพจิตดีเป็นทั้งคนเก่ง คนดีและมีความสุขนั้น ขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยหลัก คือ
1.สมองและระบบประสาทที่ดี ได้รับสารอาหารเพียงพอ และได้รับการกระตุ้นอย่างเหมาะสม เพื่อให้เด็กเติบโตขึ้นมามีไอคิว ที่ดี
2.การอบรมเลี้ยงดูที่ดี ช่วยสนับสนุนอีคิวที่ดี
3.การเรียนรู้อย่างมีความสุข จะช่วยเสริมสร้างทั้งไอคิว และ อีคิว ในทุก ๆ ช่วงวัย
“เด็กที่โตขึ้นมาหน่อยรู้เรื่องอะไรได้มากพอ พ่อแม่มักจะเป็นห่วงเรื่องความฉลาดของลูกมากที่สุด ก็เลยส่งลูกไปเรียนไปฝึกต้องบอกว่า ความพยายามที่จะสอนอย่างเดียวอาจทำให้เกิดผลเสีย ต้องแสดงความรักลูกด้วย เช่น การกอด การพูดคุยกันบ่อย ๆ ให้เขาได้รับความอบอุ่นในครอบครัวและเปิดโอกาสให้ลูกได้แสดงออก อย่าเคร่งครัดจนเกินไป ให้ได้ลูกในสิ่งที่ตนเองชอบ” คุณหมอกล่าวในตอนท้าย
อ่าน 5 ความเชื่อผิด ๆ ในการเลี้ยงดูส่งผลเสียต่อ IQ และ EQ ของลูกได้ คลิก
การพัฒนา IQ และ EQ จะไม่เวิร์ค กับ 5 ความเชื่อผิดๆ ในการเลี้ยงลูก
มาดูกันว่า ความเชื่อผิด ๆ ในการเลี้ยงลูกที่ไปสกัดกั้นการพัฒนาไอคิวและอีคิวมีอะไรบ้าง
1.ความเชื่อที่ผิด การรักลูก คือ การเลี้ยงดูลูกให้สบายทุกอย่าง หากพ่อแม่ทำทุกอย่างให้ลูก หรือทำแทนลูก เช่น ลูกเล่นของเล่นแล้วไม่ต้องเก็บก็ได้ พ่อกับแม่ยินดีช่วยเก็บให้นะจ๊ะ หรือลูกโตพอสมควรที่ทำกิจวัตรประจำวันได้ เช่น แปรงฟัน อาบน้ำ แต่งตัว ใส่รองเท้า แต่พ่อแม่ก็ยังจัดแจงทำทุกอย่างให้ เป็นต้น
ความจริงที่ถูกต้อง การรักลูก คือ การเลี้ยงดูให้ลูกสามารถช่วยเหลือตนเองได้ ซึ่งเด็กจะรู้สึกอิสระ มีความภาคภูมิใจในตนเอง เพราะเด็กที่ได้รับการเลี้ยงแบบสบายมากเกินไป ไม่เรียนรู้ที่จะช่วยเหลือตนเองและรับผิดชอบในหน้าที่ของตน มักจะเป็นเด็กที่ขาดความอดทน แก้ปัญหาและเผชิญปัญญาไม่ได้
2.ความเชื่อที่ผิด การให้สิ่งของทุกอย่างที่ลูกต้องการ คือ การแสดงออกว่าพ่อแม่รักลูกมาก ลูกอยากได้อะไรก็ให้ทุกอย่างหรืออะไรเกินความจำเป็นก็ยังให้ เช่น ซื้อของเล่นก็ซื้อมาเต็มบ้าน ลูกอยากได้ก็ซื้อให้อีกทันที ซื้อขนมขบเคี้ยวมาเต็มบ้าน เพราะเห็นว่าลูกชอบกิน ลูกอยากได้อะไร อยากไปเที่ยวไหนตามใจทุก การทำเช่นนี้เป็นการปลูกฝังให้จับจ่ายใช้สอยเกินตัว หรือใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยต่อไปในอนาคต
ความจริงที่ถูกต้อง คือ การให้ความรักทางจิตใจ เช่น การโอบกอด คำพูดชื่นชมเมื่อเด็กทำความดี คำพูดให้กำลังใจเพื่อให้ลูกเกิดความพยายาม จะเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและเด็กจะได้รับรู้ความรักของพ่อแม่มากกว่าการให้ความรักด้วยสิ่งของ เด็กที่พ่อแม่ให้แต่สิ่งของ เงินทอง มักจะเป็นเด็กที่เอาแต่ใจตัวเอง ไม่รู้จักการเป็นผู้ให้ และเด็กจะไม่สามารถควบคุมความต้องการ ความอยากของตนเองได้ จะกลายเป็นการปลูกฝังค่านิยมการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยให้กับลูกโดยไม่รู้ตัว
3.ความเชื่อที่ผิด คนที่เก่งและประสบความสำเร็จในชีวิต คือ คนที่เรียนดี ดังนั้น พ่อแม่จึงคาดหวังลูกในเรื่องการเรียนมาก ให้ลูกเอาแต่เรียนอย่างเดียวโดยไม่ต้องรับผิดชอบเรื่องอื่น ไม่ว่าจะเป็นงานบ้านหรือกิจกรรมอื่น ๆ รวมถึงให้ลูกตั้งใจเรียนไม่ต้องทำกิจกรรมของโรงเรียนเพราะจะทำให้เสียเวลาเรียน
ความเชื่อที่ถูกต้อง คนที่เก่งหรือประสบความสำเร็จในชีวิตจะต้องมีความสามารถหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการคิดการวางแผน การแก้ไขปัญหา ทั้งยังต้องมีทักษะพื้นฐาน เช่น การช่วยเหลือตนเอง และการสร้างสัมพันธ์กับผู้อื่น การที่เด็กมุ่งเรียนอย่างเดียว จะสูญเสียโอกาสในการพัฒนาทักษะทางด้านอารมณ์และสังคม ทำให้เด็กเป็นคนเคร่งเครียด และไม่สามารถปรับตัวได้เมื่อพบกับความผิดหวังในการเรียนหรือการทำงาน
4.ความเชื่อที่ผิด การให้ลูกเรียนรู้จากสื่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทีวี อินเตอร์เน็ต การเล่นเกมคอมพิวเตอร์ เพราะคิดว่าจะทำให้เด็กใช้เวลาว่างได้ดี มีความสนุกสนานเพลิดเพลิน ไม่รบกวนพ่อแม่และทำให้เป็นเด็กฉลาดรู้ทันโลก
ความเชื่อที่ถูกต้อง สื่อต่าง ๆ มีทั้งด้านดีและด้านเสีย แต่เด็กยังไม่สามารถแยกแยะได้ว่าอะไรดี หรือไม่ดี และที่สำคัญเด็กยังไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เด็กจึงมักเลือกที่จะรับสื่อที่ไม่มีประโยชน์เพราะสนุกสนานมากกว่า ผลเสียคือ ทำให้เป็นเด็กเจ้าสำราญ คิดแต่เรื่องไร้สาระและยังขาดโอกาสที่จะทำกิจกรรมอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ ดังนั้น หน้าที่ของพ่อแม่ควรเลือกสื่อที่เหมาะสมให้ลูกว่าอะไรดูได้ กำหนดเวลาที่เหมาะสมและให้อยู่ในสายตาเพื่อที่พ่อแม่จะได้ชี้แนะสิ่งที่เหมาะสมกับลูก
5.ความเชื่อที่ผิด เด็กยังเล็กไม่ต้องสอนอะไรมาก เพราะโตขึ้นเด็กจะเรียนรู้เองและคิดอะไรด้วยตนเอง ว่าสิ่งใดควร สิ่งใดไม่ควร พ่อแม่จึงมักปล่อยปละละเลย ไม่ว่ากล่าวตักเตือนหรือจัดการอะไรเมื่อเห็นลูกทำไม่ถูกต้อง เช่น เมื่อลูกพูดคำหยาบกับเพื่อน พ่อแม่ก็หัวเราะขบขันเพราะคิดว่าเป็นเรื่องน่ารักน่าเอ็นดูและยินยอมให้เด็กทำเช่นนั้นต่อไป
ความเชื่อที่ถูกต้อง ช่วงวัยเด็กเล็กเป็นช่วงเวลาของการเรียนรู้สิ่งที่อยู่รอบตัว การเรียนรู้เป็นรากฐานของวัยเด็ก โดยเฉพาะการเรียนรู้ทักษะทางด้านอารมณ์และสังคม รู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด อะไรควร อะไรไม่ควร การมีระเบียบวินัย สิ่งเหล่านี้หากไม่ได้ปลูกฝังจะทำให้เด็กนิสัยเสียและยากที่จะแก้ไขในตอนโต
การเลี้ยงดูลูกในช่วงวัยเด็กถือเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิต หากพ่อแม่วางแบบแผนในทิศทางที่ถูกต้องและเหมาะสม ลูกจะซึมซับเอา คำสอนนั้นติดตัวไปจนโต เรียกว่าเป็นพื้นฐานทางนิสัยและพฤติกรรมของลูกก็ว่าได้ มาร่วมมือกันพัฒนาลูกด้วยการเลี้ยงดูที่ถูกต้องกันค่ะ
อ้างอิงข้อมูลจาก
เอกสารคู่มือเสริมสร้างไอคิวและอีคิวเด็กวัยแรกเกิด – 5 ปี สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครอง กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
เสริม IQ และ EQ ให้ลูกน้อย ด้วยของเล่นง่ายๆจำนวนน้อยชิ้น
20 สัญญาณ บ่งบอกว่าลูกคุณคือเด็กอัจฉริยะ