ตั้งครรภ์ 37 สัปดาห์ อาการคนท้อง และพัฒนาการของทารกในครรภ์

lead image

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ตั้งครรภ์ 37 สัปดาห์ ลูกน้อยของคุณแม่มีขนาดตัวยาวประมาณ 48 ซม. มีน้ำหนักประมาณ 2,800 กรัมแล้วนะ ลูกน้อยใกล้ออกมาเจอคุณพ่อคุณแม่เข้าไปทุกที ระยะนี้คุณแม่จึงมีอาการเจ็บท้องหลอกบ่อย ๆ ช่วงนี้ต้องสังเกตตัวเองดี ๆ ดูว่ามีมูกเลือดออกเยอะหรือไม่ หรือว่ามีน้ำไหลออกมาจากช่องคลอดหรือเปล่า ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณว่าคุณแม่ใกล้คลอดลูกแล้ว

 

ตั้งครรภ์ 37 สัปดาห์ อาการคนท้อง และพัฒนาการของทารกในครรภ์

 

พัฒนาการทารกในครรภ์สัปดาห์ที่ 37

  • ทารกกลับหัวลงมาแล้ว และ ส่วนหัวตอนนี้อยู่ในตำแหน่งช่องเชิงกราน
  • ทารกมีผมยาวประมาณ 3.7 ซม.
  • ลูกน้อยจะขยับนิ้วมือได้แล้ว แถมยังชอบดูดนิ้วมือตัวเองด้วย
  • ทารกจะเริ่มหายใจโดยการสูดเอาน้ำคร่ำเข้าไป

 

อาการคนท้อง 37 สัปดาห์

  • คุณแม่จะรู้สึกอึดอัด นอนไม่ค่อยหลับ และ กังวลเกี่ยวกับการคลอดลูก หากเป็นไปได้ควรหาเวลาพักผ่อนระหว่างวัน
  • ตกขาวเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นอาการปกติของคนท้อง หากพบว่ามีเลือดออกหรือมูกเลือดแสดงว่าใกล้คลอดลูกแล้ว หากมีเลือดออกมาก ๆ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
  • จะรู้สึกถึงอาการเจ็บเตือนอยู่บ่อย ๆ แรง และ นานขึ้น

 

การดูแลตัวเองตอนท้อง 37 สัปดาห์

  • ดื่มน้ำมาก ๆ อย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน เพราะมันจะทำให้คุณแม่รู้สึกสดชื่น
  • สังเกตการดิ้นของลูกน้อยหรือการเคลื่อนไหวของลูกน้อยหรือไม่ เช่น การเตะ การยืดตัว กลิ้งตัว และ กระดิกนิ้ว หากลูกมีการเคลื่อนไหวน้อยลงควรปรึกษาคุณหมอ
  • เตรียมฝึกการหายใจ และ บริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานเตรียมสำหรับไว้ สำหรับคุณแม่ที่ต้องการคลอดธรรมชาติ

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

เรื่องที่ควรทำตอนท้อง 37 สัปดาห์

  • จัดเตรียมกระเป๋าสำหรับคลอดลูก เพื่อจะได้หยิบทันทีในกรณีเร่งด่วน
  • หาผู้ช่วยในการเลี้ยงลูกน้อยที่กำลังคลอดออกมา

 

อาการแพ้ท้องคืออะไร และ สาเหตุของการเกิดที่แม่ท้องมือใหม่ควรรู้!

  • อาการแพ้ท้องเป็นอย่างไร?

อาการแพ้ท้องเป็นอาการที่เกิดขึ้นในคุณแม่ที่เพิ่งตั้งครรภ์ไตรมาสแรก โดยจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียนศีรษะ อาการของแต่ละคนจะมีระดับความรุนแรงมากน้อยต่างกัน คุณแม่ในรายที่อาการหนักจะหนักถึงขั้นทานอาหารอะไรไม่ได้เลยก็มี โดยปกติแล้ว อาการแพ้ท้องมักเกิดขึ้นได้บ่อยที่สุดหลังจากตื่นนอนใหม่ ๆ โดยศัพท์ของทางต่างประเทศนิยมเรียกกันว่า Morning Sickness แต่แท้ที่จริงแล้ว อาการแพ้ท้องในคุณแม่ตั้งครรภ์สามารถเกิดขึ้นได้แทบทุกช่วงเวลา ไม่ว่าจะช่วงบ่ายหรือเย็นก็ตาม

 

  • ระยะเวลาในการแพ้ท้องนานเท่าไหร่

อาการแพ้ท้องมักเกิดในช่วงอายุครรภ์ได้ 6 สัปดาห์ และ ยังเกิดยาวนานได้อีกประมาณ 6 – 12 สัปดาห์ ด้วยเพราะฮอร์โมนที่เกิดขึ้นจากการตั้งครรภ์ เข้าไปรบกวนระบบทางเดินอาหาร จนทำให้คุณแม่รู้สึกคลื่นไส้ พะอืดพะอมหรือบางครั้งก็จะอาเจียนร่วมด้วย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

  • อาการแพ้ท้องเกิดขึ้นจากสาเหตุใด

อาการคนท้องหลัก ๆ ที่หลายคนรู้กันดีก็คือ อาการแพ้ท้องนั่นเอง โดยมีสาเหตุในการเกิดที่ยังไม่ทราบกลไกชัดเจนแน่นอน หากก็พบว่าอาการคลื่นไส้อาเจียนมักเกิดขึ้นจากภาวะต่าง ๆ ดังนี้

1. ระดับฮอร์โมนซึ่งสร้างขึ้นจากรกที่เรียกว่า Chorionic Gonadotropin เพิ่มระดับขึ้นสูงอย่างรวดเร็วในช่วงเดือนแรก ๆ ของการตั้งครรภ์ โดยส่งผลให้คุณแม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียนได้เป็นอย่างมาก แต่ภายหลังจากพ้น 3 เดือนไปแล้ว ระดับฮอร์โมนนี้จะลดระดับลง อาการคลื่นไส้อาเจียนก็จะลดน้อยลงหรือหายไปได้

2. อาการคนท้องในคุณแม่ที่มีปัญหาแพ้ท้องมาก บางท่านอาจเกิดขึ้นจากภาวะการตั้งครรภ์ที่มีความผิดปกติ เช่น ตั้งครรภ์แฝด (สังเกตว่ารกจะใหญ่กว่าปกติ) และ ครรภ์ไข่ปลาอุก (รกเจริญผิดปกติแต่ไม่มีตัวเด็กทารก) โดยทั้งสองภาวะนี้จะมีฮอร์โมนจากรกฝังตัวอยู่ภายในกระแสเลือดของแม่ในปริมาณสูง จนทำให้คุณแม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียนมากกว่าปกติ และ อาการอาจจะยังเป็นอยู่ต่ออีกได้นานกว่าคนที่ตั้งครรภ์ปกติอีกด้วย

3. คุณแม่มีสภาพจิตใจที่ไม่เป็นปกติ เช่น กลัวการคลอด ไม่อยากมีลูก หรือครอบครัวกำลังประสบปัญหาก็อาจจะส่งผลกระทบต่อความเครียด ทำให้จิตใจย่ำแย่ และ มีอาการคลื่นไส้อาเจียนออกมา ตรงกันข้าม คุณแม่ที่อยากมีลูกหรือมีความรู้สึกดีใจมาก ๆ ก็อาจมีอาการแพ้ท้องขึ้นได้ด้วยเช่นกัน

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

อาการคนท้องไม่ได้มีแค่อาการแพ้ท้องเฉพาะในคุณแม่ตั้งครรภ์แต่เพียงเท่านั้น แต่บางรายยังสามารถเกิดขึ้นในคุณพ่อที่มักมีอาการแพ้ท้องแทนคุณแม่ได้ด้วย โดยมีสาเหตุการเกิดแบบเดียวกัน นั่นก็คือ เกิดจากสภาพจิตใจของคุณพ่อเอง ซึ่งหากอยากจะมีลูกมาก ๆ หรือแม้แต่วิตกกังวลมากจนเกินไปอาการแพ้ท้องแทนคุณแม่ก็ย่อมเกิดขึ้นได้

 

 

ว่าที่คุณแม่มือใหม่หลายคน อาจจะมีความกังวลก่อนการคลอดเพราะไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง ไหนจะกลัวเจ็บ กลัวลูกไม่ปลอดภัย และสิ่งที่หลายคนกังวลอย่างมากก็คือการเลือกวิธีการคลอด ซึ่งวิธีที่คนส่วนใหญ่แนะนำก็คือ “การคลอดแบบธรรมชาติ” โดยปกติแล้วคุณแม่ตั้งครรภ์จะใช้เวลาในการตั้งครรภ์ทั้งหมด 40 สัปดาห์ นับจากประจำเดือนครั้งสุดท้าย ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ไตรมาส คือ

  • ไตรมาสแรก คือ 12 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์
  • ไตรมาสที่ 2 คือ 12 – 28 สัปดาห์
  • หลังจากนั้นจะเข้าสู่ไตรมาสที่ 3 ซึ่งถือว่าครบกำหนดตั้งแต่อายุครรภ์ 37 สัปดาห์เป็นต้นไป

ในระยะนี้คุณแม่อาจมีอาการเจ็บท้องคลอด ซึ่งควรรีบมาพบแพทย์เมื่อมีอาการ

 

คลอดธรรมชาติคืออะไร?

คลอดธรรมชาติ หมายถึง การคลอดลูกเองโดยที่แม่เบ่งคลอดลูกเองทางช่องคลอด หรือที่เรียกว่าเป็นการคลอดปกติ วิธีนี้เป็นวิธีที่คนส่วนใหญ่แนะนำเพราะดีต่อทารกและแม่ แต่ก็มีบางกรณีที่แม่ไม่สามารถคลอดธรรมชาติได้ เช่น เด็กไม่กลับหัว เบ่งไม่ออก หรือแม่มีภาวะแทรกซ้อน แพทย์อาจต้องใช้วิธีผ่าคลอด หรือใช้เครื่องมืออื่น ๆ ช่วย เช่น คีม หรือเครื่องดูดสุญญากาศช่วยคลอดออกมา กรณีนี้มักจะพบในกรณีที่คุณแม่ไม่มีแรงเบ่ง เบ่งไม่เป็น หรือลูกหัวหมุนผิดทาง แทนที่จะก้มหัวคลอดออกมา กลับแหงนหน้าออกมาแทน เป็นต้น

บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณแม่คลอดธรรมชาติ ควรจัดกระเป๋าเตรียมคลอดอย่างไร?

 

สัญญาณเตือนที่บอกว่าคุณแม่กำลังจะคลอด…

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

เมื่อคุณแม่ตั้งท้องถึงกำหนดครบอายุครรภ์ตั้งแต่ 37 สัปดาห์เป็นต้นไป ก่อนคลอดก่อนคลอดคุณแม่จะมีอาการเหล่านี้ที่เป็นสัญญาณเตือนว่าคุณแม่จะคลอดแล้ว หากพบ 1 ใน 4 อาการเหล่านี้แนะนำว่าให้รีบไปโรงพยาบาลทันที

  • เจ็บท้องคลอด อาการเจ็บท้องคลอดจะมีการบีบ และคลายตัวของมดลูกเป็นจังหวะ ในระหว่างตั้งครรภ์มดลูกจะมีการบีบตัวบ้างเป็นระยะอยู่แล้วเมื่อเข้าสู่ไตรมาส 3 แต่เป็นอาการที่มาแล้วหายไป เมื่อไรก็ตามที่มดลูกบีบแล้วคลายต่อเนื่อง บีบประมาณ 45 – 60 วินาที แล้วคลายตัวประมาณ 2 – 3 นาที จนครบ 1 ยกเป็นเวลา 10 นาที ถ้าเป็นแบบนี้ 2 – 3 ยกแสดงว่าคุณแม่กำลังจะคลอดแล้วซึ่งมักจะเกิดขึ้นหลังอายุ ตั้งครรภ์ 37 สัปดาห์
  • มีมูกออกจากช่องคลอด หรืออาจจะมีเลือดปนออกมา โดยปกติมูกจะอุดอยู่บริเวณปากมดลูก พอมดลูกเปิดมูกที่อยู่ปากมดลูกก็จะหลุดออกมา แสดงว่าปากมดลูกเริ่มเปิดแล้ว
  • มีน้ำคร่ำออกมา มีลักษณะเป็นน้ำใส ๆ ไม่จำเป็นต้องรอให้เกิดน้ำคร่ำมาก เพราะคุณแม่บางคนก็มีน้ำคร่ำมาก บางคนก็น้อย แตกต่างกันไป
  • รู้สึกว่าลูกดิ้นน้อยลง

บทความที่เกี่ยวข้อง : รวม ! ของเตรียมคลอด ปี 2023 เป็นเซต ครบชุด น่ารัก ราคาไม่แพง

 

คลอดธรรมชาติดีกับแม่และเด็กอย่างไร?

  • ข้อดีสำหรับแม่ที่คลอดธรรมชาติ คือ แม่จะฟื้นตัวได้เร็ว เสียเลือดน้อย และน้ำนมมาเร็ว ในช่วงที่คลอดแม่จะเจ็บมาก แต่เจ็บครั้งเดียวเท่านั้น หลังจากลูกออกมาแล้วหากแม่แข็งแรงดีก็แทบไม่มีอาการเจ็บอีกเลย
  • ข้อดีสำหรับลูก คือ เด็กจะได้ผ่านช่องคลอดของแม่ ซึ่งเป็นช่องทางธรรมชาติที่มีงานวิจัยเชื่อว่าทำให้ปอดของเด็กแข็งแรงกว่าการผ่าตัดคลอด

 

ข้อดีของการ “คลอดธรรมชาติ”

  • คุณแม่มีแผลเล็ก บางคนอาจสงสัยว่าทำไมคลอดเองถึงยังต้องมีแผล นั่นก็เป็นเพราะการคลอดธรรมชาติโดยท้องแรกนั้น ปากช่องคลอดจะมีความยืดหยุ่นไม่เยอะเท่าคนที่เคยผ่านการคลอดมาแล้ว จึงทำให้มีแผลที่ฝีเย็บเพื่อช่วยเปิดช่องทางคลอด ซึ่งส่วนใหญ่แผลจะอยู่ที่ประมาณ 2 – 4 เซนติเมตร ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสรีระของคุณแม่และขนาดของทารกด้วย
  • ฟื้นตัวเร็ว เนื่องจากขนาดของแผลที่เล็ก ส่งผลให้คุณแม่ไม่ได้มีอาการเจ็บมากเหมือนอย่างการผ่าตัดทำคลอด คุณแม่จึงสามารถเคลื่อนไหว ลุก นั่ง เดิน ได้คล่อง การฟื้นตัวก็รวดเร็ว
  • ลดภาวะเสี่ยงได้ ทุกครั้งที่มีการเคลื่อนผ่านของตัวทารกผ่านทางช่องคลอด จะมีการรีดน้ำในช่องอกของทารก ทำให้ช่วยลดภาวะการหายใจเร็วหรือเหนื่อยหอบหลังจากที่คลอดได้
  • เสริมสร้างภูมิคุ้มกันอย่างต่อเนื่อง มีการศึกษาว่าทารกจะได้รับ Probiotic มากกว่าการผ่าคลอดทางหน้าท้อง จึงเป็นเหมือนการเสริมสร้างภูมิของทารกในครรภ์ ที่เมื่อคลอดแล้วก็จะมีภูมิอย่างต่อเนื่อง

 

“คลอดธรรมชาติ” มีข้อเสียอย่างไร?

  • ไม่สามารถกำหนดเวลาคลอดได้ เช่น อยากให้ลูกคลอดในวันไหน วันที่เท่าไหร่ของเดือน หรือเวลาช่วงไหนของวัน เพราะต้องรอวันที่คุณแม่รู้สึกเจ็บท้องและ ปากมดลูกเปิดเต็มที่จึงจะคลอดได้
  • ต้องรอเวลาคลอด ไม่ใช่ว่าเจ็บท้องมาโรงพยาบาลแล้วจะคลอดได้เลย เพราะในการคลอดนั้นมีทั้งระยะเฉื่อยและระยะเร่ง บางคนเจ็บท้องมาโรงพยาบาลแต่ยังอยู่ในระยะเฉื่อย ปากมดลูกเปิดน้อย ก็แปลว่าอย่างน้อยต้องรออีก 4 – 5 ชั่วโมงเพื่อรอให้ปากมดลูกเปิดถึง 10 เซนติเมตร แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการหดรัดตัวของมดลูก ความกว้างของเชิงกราน น้ำหนักตัว และ ขนาดของทารก ว่าสามารถลอดผ่านทางช่องคลอดทางเชิงกรานได้หรือไม่

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

ตั้งครรภ์ 36 สัปดาห์ อาการคนท้อง และพัฒนาการของทารกในครรภ์

ตั้งครรภ์ 38 สัปดาห์ อาการคนท้อง และพัฒนาการของทารกในครรภ์

น้ำเดินเป็นแบบไหน จะรู้ได้อย่างไรว่าน้ำเดินหรือปัสสาวะเล็ด

คลอดธรรมชาติ เจ็บแน่เลย มีวิธีระงับปวดระหว่างรอคลอดและตอนคลอดบ้างไหม ?

ที่มา : Bangkok Hospital, mamastory

บทความโดย

Khunsiri