3 กลเม็ดมหัศจรรย์จากผู้เชี่ยวชาญแนะ วิธีทำให้ลูกหลับง่าย แต่โดยดี

วิธีทำให้ลูกหลับง่าย แต่โดยดี กลยุทธ์ที่ใช้ได้ผลอย่างน่ามหัศจรรย์

การพาลูกวัยเบบี๋จนถึงวัยอนุบาลหรือบางคนอาจจะพาลเลยไปถึงวัยประถมเข้านอนนั้นถือเป็นงานประจำที่พ่อแม่ต้องทำ ถ้าลูกนอนหลับง่ายก็ถือเป็นเรื่องโชคดี แต่สำหรับลูกจอมกระตือรือ ปัญหาในเรื่องนี้จะแก้ไขได้ไม่ยาก ด้วยเคล็ดลับแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญซึ่งพิสูจน์แล้วว่านี่เป็น วิธีทำให้ลูกหลับง่าย ที่จะช่วยพาลูกน้อยให้เข้านอนหลับได้อย่างสงบ

ปัญหาลูกจอมกระตือรือที่ไม่ยอมนอน แก้ไขได้ไม่ยาก ผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์แล้วว่านี่เป็น 3 กลเม็ดมหัศจรรย์จากผู้เชี่ยวชาญแนะ วิธีทำให้ลูกหลับง่าย แต่โดยดี

#1 เล่านิทานให้ลูกสร้างจินตนาการก่อนนอน

Hurley นักจิตบำบัดได้แนะว่า การเล่าเรื่องหรือนิทานก่อนนอนที่ฟังแล้วรู้สึกผ่อนคลาย จะกระตุ้นจินตนาการของเด็ก ๆ และทำให้ลูกเคลิ้มง่วงได้ก่อนที่นอนหลับลงไป แถมวิธีนี้ยังเหมาะกับลูก “ที่มีปัญหาในการนอน” มากที่สุด

คุณค่าของนิทานที่คุณพ่อคุณแม่เล่าให้ลูกฟังก่อนนอนไม่ได้มีแค่สร้างความสนุกสนานเพลิดเพลิน และทำให้ลูกน้อยนอนหลับฝันดีเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างพัฒนาการด้านต่างๆให้ลูกได้ด้วย

พื้นฐานสมอง

นักวิชาการที่ทำการวิจัยเรื่องสมองเชื่อมั่นว่า การเล่านิทานช่วยให้ลูกของเราพัฒนากระบวนการทางความคิด ความเชื่อมโยงและการจัดระบบเรื่องราวที่ได้ฟัง เป็นการเพิ่มกระบวนการการทำงานของสมองและทำการเก็บข้อมูลและดึงข้อมูลออกมาใช้ได้อย่างเป็นระบบ เรื่องราวคำสอน คติเตือนใจ หรือการจำลองเหตุการณ์ต่างๆที่เราสอนลูกผ่านนิทานก่อนนอนเด็กจะทำกานรก็บข้อมูลจดจำในสมองและสามารถดึงออกมาใช้เป็นเครื่องมือแก้ไขสถานการณ์ หรือปัญหาต่างๆในชีวิตได้

ความจำ

การผูกเรื่องราว ลำดับเรื่อง วิธีการดำเนินเรื่องและชื่อตัวละครจะช่วยพัฒนาเรื่องความจำของเด็ก เนื้อเรื่องที่สนุก น่าติดตาม การปรับเปลี่ยนน้ำเสียงของพ่อแม่ขณะเล่า การแสดงท่าทางสมมุติต่างๆจะทำให้เด็กมีอารมรณ์ร่วม คล้อยตามไปกับนิทาน กระตุ้นความสนใจ ทำให้เด็กจดจำได้ง่ายขึ้น

เพิ่มสมาธิ

หากคุณพ่อคุณแม่อ่านหรือเล่านิทานให้ลูกฟัง จะเป็นการฝึกให้ลูกมีสมาธิจดจ่อกับเรื่องราวที่สนุกสนาน หากเลือกเรื่องที่มีเนื้อหาเหมาะสมกับวัย และมีวิธีเล่าเรื่องที่สนุกสนานจะสามารถตรึงให้เด็กมีสมาธิจดจ่อกับเรื่องราวที่มีความยาวมากได้นานขึ้น

#2 อ่านหนังสือออกเสียงดังๆ ให้ลูกฟัง

แม้ว่าพ่อแม่หลายคนจะพยายามให้ลูก ๆ ได้อ่านหนังสืออย่างเป็นอิสระในเวลาก่อนนอน แต่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า พ่อแม่ควรเป็นคนได้อ่านหนังสือให้ลูกได้ฟัง แล้วให้ลูกได้นอนกอดกันอยู่ข้าง ๆ ตัวคุณ บอกให้เขาหลับตาและฟังขณะที่คุณอ่าน เสียงของพ่อแม่นั้นเป็นหนึ่งในเทคนิคที่ดีที่สุดในการทำให้ลูก ๆ นั้นรู้สึกสงบ แม้ในเวลาที่อ่านหนังสือออกเสียงดัง ๆ ก็ตาม อีกทั้งช่วงเวลาที่พาลูกเข้านอนนี่ยังเป็นเวลาดี ๆ ที่ได้สร้างความผูกพันกับลูกได้ดีด้วย คุณอาจจะใช้วิธีนี้กับลูกไปได้เรื่อย ๆ แม้ว่าเขาจะโตแล้วก็ตาม

เด็กเล็กเรียนรู้ผ่านความสัมพันธ์และการสื่อสารโต้ตอบ การอ่านหนังสือให้ฟังจึงช่วยพัฒนาสมองลูกได้ไม่ต่างจากการพูดคุย และไม่ใช่แค่ทำให้ทักษะภาษาดีขึ้น เช่น การอ่านออกเขียนได้ แต่ยังส่งผลดีต่อพัฒนาการทางสังคมและอารมณ์ของเด็กอีกด้วย

มีงานวิจัยแสดงให้เห็นว่า เมื่อพ่อแม่ใช้เวลาอย่างมีคุณภาพกับลูก เช่น การอ่านหนังสือ จะช่วยลดพฤติกรรมก้าวร้าว ดื้อ ซน และไม่เชื่อฟังของเด็ก และเพิ่มสมาธิ ทำให้อยู่นิ่งได้มากขึ้น

1. ช่วยกระชับความสัมพันธ์พ่อแม่ลูก

ช่วง 2-3 ปีแรกถือเป็นช่วงเวลาสำคัญ ที่ส่งผลต่อการพัฒนาสมองลูกน้อย คุณพ่อคุณแม่เริ่มอ่านหนังสือให้ลูกฟังได้ตั้งแต่ตั้งครรภ์ โดยไม่จำเป็นว่าต้องเป็นนิทานอย่างเดียวเท่านั้น คุณแม่จะอ่านป้าย นิตยสาร ใบปลิว หรือโฆษณาให้ลูกฟังก็ได้ เพราะประโยชน์แท้จริงของมันคือให้ลูกคุ้นเคยเสียงคุณพ่อคุณแม่ตั้งแต่อยู่ในครรภ์

2. พัฒนาทักษะภาษา เช่น การอ่านออกเขียนได้

เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่า การอ่านออกเสียงให้ลูกฟังทำให้ทักษะภาษาของลูกพัฒนา ถึงแม้เด็กยังไม่สามารถโต้ตอบกับเรื่องราวได้ทันที แต่ยิ่งร่างกายถูกกระตุ้นมากเท่าไร สมองก็ยิ่งพัฒนาเร็วขึ้นเท่านั้น และลูกยังจะได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ

3. พัฒนาทักษะอารมณ์และสังคม

ดร. อลัน เมนเดลซอห์น—รองศาสตราจารย์กุมารเวชศาสตร์จากโรงเรียนแพทย์ มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก (New York University School of Medicine) กล่าวหลังจากศึกษาครอบครัวกลุ่มตัวอย่าง 675 ครอบครัว ที่มีเด็กแรกเกิดจนถึง 5 ขวบว่า “เราเพิ่งค้นพบว่าการอ่านออกเสียงดังฟังชัดให้ลูกฟังและเล่นกับเขา จะช่วยพัฒนาทักษะการเข้าสังคมให้ลูกด้วย”

เพราะการอ่านออกเสียงและเล่นด้วยการให้เด็กใช้จินตนาการ เป็นเหมือนการจำลองการเข้าสังคม จำลองอารมณ์ความรู้สึกตามตัวละครในเรื่องหรือบทบาทสมมติ ซึ่งดร. อลันคิดว่าจะช่วยให้เด็กรู้จักเลือกใช้คำพูด เพื่ออธิบายความรู้สึกหรือสิ่งต่างๆ ได้ และทำให้รู้จักคิดและควบคุมพฤติกรรมตัวเองเมื่อโกรธ เศร้า หรือไม่พอใจ ทำให้ลูกเข้าใจตัวเองและคนอื่นมากขึ้น

นอกจากนี้ยังช่วยให้เด็กมีสมาธิ เป็นผู้ฟังที่ดี และรับมือกับอารมณ์ความรู้สึก เช่น เครียดและวิตกกังวลได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งหนังสือยังพาเด็กๆ ไปยังสถานที่และช่วงเวลาแปลกใหม่ ซึ่งช่วยเสริมจินตนาการและขยายขอบเขตโลกของเขาให้กว้างขึ้น

#3 ใช้การระบายสี

การระบายสีเป็นกิจกรรมที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยบำบัดความเครียดและเป็นกิจกรรมที่สงบ ซึ่งถ้าใช้ได้ผลกับผู้ใหญ่ก็น่าจะได้ผลดีกับเด็ก ๆ ด้วย ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญนั้นควรลองใช้กิจกรรมระบายสีหลังอาบน้ำและแต่งตัวให้ลูกได้อยู่ในชุดนอน การชวนลูกวาดระบายสีแบบเร็ว ๆ ในตอนกลางคืนเพื่อให้เข้าสู่กิจวัตรการนอน จะช่วยให้ลูกผ่อนคลายความตื่นตัว และทำให้ลูกได้นอนหลับปุ๋ยได้อย่างสุขสงบในยามค่ำคืน

กิจกรรมการวาดภาพร่วมกับเด็กนั้น มีความจำเป็นและเป็นประโยชน์ต่อลูก ๆ ของคุณ มันจะช่วยให้พัฒนาสมองของเด็ก ๆ ได้เร็วขึ้น

• การวาดภาพฝึกสมองของเด็กเป็นอย่างมาก กิจกรรมสร้างสรรค์ เช่น การวาดภาพใช้ส่วนต่าง ๆ ของสมองมากกว่าการอ่านและหรือคิดเลข สมองด้านขวาคือ ความคิดสร้างสรรค์ และอีกครึ่งคือทักษะการมองเห็นและความเข้าใจในสิ่งที่เราเห็นผ่านสายตา กิจกรรมการเล่นและการวาดภาพที่สร้างสรรค์ช่วยให้สมองของคุณนำไปสู่การพัฒนาที่ดีต่อสุขภาพ
• ลูกของคุณเรียนรู้วิธีการแสดงความรู้สึกของตนเองโดยเปลี่ยนความคิดและความรู้สึกของตนเองลงบนกระดาษ
• ภาพวาด สร้างความนับถือตนเอง การจัดกิจกรรมการวาดภาพปลายเปิดให้ลูก ๆ ของคุณ ไม่มีทางที่จะถูกหรือผิด การเน้นคือกระบวนการเพื่อให้เด็กทุกคนประสบความสำเร็จไม่ว่าจะมีระดับทักษะหรือขั้นตอนการพัฒนาแค่ไหนก็ตาม
• ลูกของคุณเรียนรู้วิธีการตัดสินใจและการแก้ปัญหา

ที่มา : 1

บทความเกี่ยวข้องที่น่าสนใจ :

อยากให้ลูกนอนยาว ทำได้ไม่ยาก ลูกหลับสนิทให้แม่ได้พักเหมือนได้ขึ้นสวรรค์

สูตรมหัศจรรย์!! ทําให้ลูกหลับง่าย หลับปุ๋ยภายในไม่กี่นาที

7 เตียงเด็กสุดน่ารัก ซื้อไปใช้ลูกชอบแน่นอน นอนหลับ ยิ้มได้ สบายใจ