3 วิธีเลี่ยงไม่ให้ต้องผ่าคลอด
1. เลี่ยงการบล็อกหลัง ด้วยการหาวิธีบรรเทาความเจ็บปวดแบบธรรมชาติก่อน
การบล็อกหลังในช่วงแรกของการคลอด (ก่อนปากมดลูกเปิดขยายเกิน 4 เซนติเมตร) นั้น เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้คุณแม่อาจต้องผ่าคลอด แทนที่จะได้คลอดธรรมชาติ ดังนั้น หากใช้วิธีบรรเทาความเจ็บปวดด้วยวิธีอื่นได้ก็จะช่วยเลี่ยงการผ่าคลอดได้มากขึ้น ยกตัวอย่างวิธีบรรเทาความเจ็บปวดแบบอื่น ๆ เช่น การขยับตัวหรือเปลี่ยนตำแหน่งร่างกายไปมาบ่อย ๆ การนวดโดยผู้เชี่ยวชาญ การบำบัดและผ่อนคลายผิวด้วยน้ำ (การอาบน้ำ แช่น้ำอุ่น) การเปลี่ยนบรรยากาศ การฟังเพลง การบำบัดด้วยกลิ่นหอม (Aromatherapy) การใช้อุปกรณ์ประคบเย็นและร้อน เป็นต้น
2. เลี่ยงการใช้เครื่องมืออิเลคโทรนิคในการเฝ้าระวังทารกในครรภ์ (EFM)
พยายามเลี่ยงการใช้เครื่องมืออิเลคโทรนิคในการเฝ้าระวังทารกในครรภ์แบบต่อเนื่อง (Continuous Electronic fetal monitoring หรือ EFM) ข้อมูลจาก Official Lamaze Guide ระบุว่า “ผลการวิจัยตลอด 30 ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าผู้หญิงมีโอกาสต้องผ่าคลอดมากกว่าเมื่อมีการใช้เครื่องมืออิเลคโทรนิคในการเฝ้าระวังทารกในครรภ์ (EFM)”
ดังนั้นแทนที่จะใช้ เครื่องมืออิเลคโทรนิคในการเฝ้าระวังทารกในครรภ์ (EFM) อาจเปลี่ยนไปใช้เครื่องมือที่ใช้ในการตรวจสุขภาพทารกในครรภ์แบบอื่น เช่น เครื่องมือที่เรียกว่า hand-held Doppler แทน
3. เลี่ยงการกระตุ้นให้เจ็บครรภ์คลอด (labor induction)
ควรปล่อยให้การคลอดเป็นไปโดยธรรมชาติ และพยายามเลี่ยงการกระตุ้นให้เจ็บครรภ์คลอด (labor induction) การใช้ยาอย่าง misoprostol (Cytotec) และ oxytocin (Pitocin) เพื่อกระตุ้นการคลอดจะทำให้การหดรัดตัวของกล้ามเนื้อมดลูกรุนแรงขึ้น และเมื่อมีการกระตุ้นให้เจ็บครรภ์คลอด (labor induction) ในผู้หญิงที่ร่างกายยังไม่พร้อมสำหรับการคลอดจริง ๆ โอกาสที่จะคลอดธรรมชาติไม่สำเร็จจึงมีมากกว่า เมื่อคลอดธรรมชาติไม่สำเร็จ สุดท้ายก็ต้องมาผ่าคลอดแทนในที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.healthnews.com