20 ประเทศ ที่มีระบบการศึกษาดีที่สุดในโลกปี 2015-2016

ใคร ๆ ก็อยากให้ลูกได้มีการศึกษาที่ดี ๆ ด้วยกันทั้งนั้น บางครอบครัวก็อยากส่งลูกเรียนต่อต่างประเทศ แต่จะมีประเทศไหนบ้างนะ ที่ติดอันดับระบบการศึกษาดีลำดับต้น ๆ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

เมื่อเร็ว ๆ นี้ MBCTime.com ได้เผยแพร่ข้อมูลถึงการจัดลำดับประเทศที่มีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2015 – 2016 โดยคุณพ่อคุณแม่เชื่อกันหรือไม่คะว่า ประเทศที่อยู่ในลำดับต้นจำนวน 5 ประเทศนั้น อยู่ในทวีปแถบเอเซียบ้านเรานี่เอง อยากรู้กันหรือยังคะว่า มีประเทศใดบ้าง ถ้าอยากรู้ มาอ่านบทความไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

ประเทศที่ติดอันดับมีระบบการศึกษาดีที่สุดคือ ประเทศเกาหลีใต้

ประเทศเกาหลีใต้ทุ่มงบประมาณการศึกษาในปีที่ผ่านมา $11,300,000,000 และมีอัตราการรู้หนังสือจำนวนทั้งสิ้น 97.9% แบ่งออกเป็น เพศชาย 99.2% และเพศหญิง 96.6% และจะเห็นได้ว่าทั้งนักเรียนและนักศึกษาของประเทศนี้จะเรียนหนังสือกันหนักมาก โดยมีการจัดตารางเรียนแน่นทุกวัน ซึ่งสามารถแบ่งระบบการศึกษาได้ดังนี้ ชั้นประถมศึกษา 6 ปี มัธยมศึกษาตอนต้น 3ปี มัธยมศึกษาตอนปลาย 3 ปี และวิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัย 4 ปี

 ประเทศที่ติดอันดับมีระบบการศึกษาดีที่สุดเป็นลำดับที่สองคือ ประเทศญี่ปุ่น

 ต้องยอมรับว่าความสำเร็จทางการศึกษาของประเทศนี้นั้น อยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับมาตรฐานสากล ยกตัวอย่างเช่น การสอบวัดความรู้ด้านวิชาคณิตศาสตร์นานาชาติ ผลปรากฎว่า เด็กญี่ปุ่นถูกจัดให้ติดอยู่ในอันดับต้น ๆ มาโดยตลอด ซึ่งวัดจากผลการสมัครเข้าเรียนตลอดจนอัตราการรับ ระบบการสอบเข้า (การสอบเอนทรานซ์) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับมหาวิทยาลัย ที่นับได้ว่ามีอิทธิพลต่อการศึกษาทั้งระบบเป็นอย่างมาก ประเทศญี่ปุ่นเป็นสังคมที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาเป็นอย่างมาก และเป็นสังคมที่มีระเบียบวินัยสูงอีกด้วย
คลิกเพื่ออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หน้าถัดไปค่ะ

 ประเทศที่สาม ที่มีระบบการศึกษาดีคือ ประเทศสิงคโปร์

แทบทุกปี ที่เราจะพบว่า ประเทศสิงคโปร์มีระบบการศึกษาที่ดีเยี่ยมติดอยู่ในลำดับต้น ๆ มาโดยตลอด  ทุกโรงเรียนจะถูกควบคุมโดยกระทรวงศึกษาธิการ สามารถแบ่งระบบการศึกษาออกเป็น ชั้นประถม 6 ปี และมัธยม 4 ปี ต่อจากนั้นก็จะเป็นการศึกษาที่สูงขึ้น เช่น จูเนียร์คอลเลจ และมหาวิทยาลัย การเรียนการสอนของประเทศนี้ จะเน้นความง่าย เรียนจากความเป็นจริง รวมถึงสิ่งที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตในโลกยุคใหม่ 4 ด้านคือ เทคโนโลยี คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษา

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ประเทศที่สี่ คือ ประเทศฮ่องกง

หลังจากที่ประเทศฮ่องกงได้ทำการปฏิรูประบบการศึกษาใหม่ โดยยกเลิกระบบการศึกษาแบบเดิมของประเทศอังกฤษ ก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จนสามารถติดอยู่ในอันดับต้น ๆ ของโลก โดยขยายการศึกษาภาคบังคับจาก 9 ปี เป็น 12 ปี ขยายเวลาเรียนจบในระดับปริญญาตรีจาก 3 ปี เป็น 4 ปี และใช้ภาษาอังกฤษและภาษาจีนกวางตุ้งเป็นภาษาหลักในตำราเรียน

ประเทศที่ห้า คือ ประเทศฟินแลนด์

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

เชื่อหรือไม่คะว่า โรงเรียนในประเทศฟินแลนด์นั้น ไม่มีเครื่องแบบนักเรียน ไม่มีการสอบเข้าสถานศึกษา ไม่มีค่าธรรมเนียมทางการศึกษา ไม่มีการจัดอันดับสถานศึกษา ไม่มีหน่วยงานคอยควบคุมวัดระดับเพื่อประเมินผล โดยการศึกษาภาคบังคับเริ่มต้นเมื่อเด็กอายุ 7 ปี ไม่เน้นการเรียนอนุบาล แต่จะเน้นให้อยู่กับครอบครัวให้มากที่สุด ซึ่งระดับประถมจะใช้เวลาเรียนน้อย และให้เด็กได้ทำในสิ่งที่สนใจมากกว่า ที่สำคัญจะไม่เน้นเรื่องการแข่งขัน นั่นถึงเป็นสาเหตุที่ทำไม ประเทศนี้จึงไม่มีเกรดเฉลี่ย

คลิกเพื่ออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หน้าถัดไปค่ะ

 
อันดับที่ 6 คือ ประเทศสหราชอาณาจักร โดยเริ่มให้ศึกษาตั้งแต่เด็กมีอายุได้ 5 ปี ไปจนถึง 16 ปี โรงเรียนมีทั้งประเภทโรงเรียนรัฐบาลและโรงเรียนเอกชน
อันดับที่ 7 คือ ประเทศแคนนาดา ประเทศนี้ถูกจัดว่านักเรียนชั้นระดับประถมศึกษา เป็นหนอนหนังสือมากที่สุดในโลกเช่นเดียวกับประเทศสหราชอาณาจักร โดยมีอัตราการอ่านออกเขียนได้ไม่น้อยกว่า 99%
อันดับที่ 8 คือ ประเทศเนเธอร์แลนด์ การศึกษาของประเทศนี้จะแตกต่างจากที่อื่น เพราะที่นี่มุ่งเน้นให้อิสระโรงเรียน ในการจัดการเรียนการสอนได้อย่างเต็มที่ โดยที่รัฐบาลจะไม่เข้าไปแทรกแซงเรื่องการบริหารจัดการแต่อย่างใด

อันดับที่ 9 คือ ประเทศไอร์แลนด์ รัฐบาลของประเทศนี้ มุ่งมั่นที่จะสร้างประเทศให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ที่ทันสมัย และจัดได้ว่าเป็นประเทศหนึ่งที่มีผู้นิยมมาเรียนภาษาอังกฤษมากที่สุดอีกประเทศหนึ่งด้วย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
อันดับที่ 10 คือ ประเทศโปแลนด์ สาขาวิชาที่ขึ้นชื่อมากที่สุดคือ “สาขาวิชาการแพทย์” ได้รับการรับรองจากแพทย์สภา และเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการแลกเปลี่ยนด้านการศึกษาและด้านอื่น ๆ มากที่สุดแห่งหนึ่งด้วย

และอีก 10 ประเทศที่เหลือได้แก่ ประเทศเดนมาร์ก ประเทศเยอรมัน ประเทศรัสเซีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศออสเตรเลีย ประเทศนิวซีแลนด์ ประเทศอิสราเอล ประเทศเบลเยียม ประเทศสาธารณรัฐเช็ก และประเทศสวิตเซอร์แลนด์เป็นลำดับสุดท้าย

ที่มา: Terrabkk และ mbctimes
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:

บทความโดย

Muninth