คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกคนเดียว ไม่ได้มีเวลาว่างเหมือนอย่างที่ใครหลาย ๆ คนคิด นอกจากพวกเขาจะต้องดูแลลูกแล้ว พวกเขายังต้องหาวิธีป้องกันไม่ให้ลูกคนเดียวของเขาต้องกลายเป็นเด็กที่เอาแต่ใจตัวเองด้วย เพราะหากลูกถูกตามใจมากเกินไป อนาคตก็คงจะอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นลำบาก ดังนั้น เพื่อให้การดำรงชีวิตของคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกคนเดียว สามารถดำเนินชีวิตได้ง่ายขึ่น เรามาดูคำแนะนำสำหรับพ่อแม่ที่มีลูกคนเดียวกันเลยค่ะ
เทคนิค 12 ข้อ สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกคนเดียว มีดังนี้
1. ตั้งกฎระเบียบและขอบเขต จริงอยู่ที่การจัดการอารมณ์ที่เกรี้ยวกราดของลูกคนเดียวนั้นไม่ยากเท่ากับการมีลูก ๆ หลายคน แต่นั่นไม่ได้หมายถึงว่า ลูกคนเดียวจะมีสิทธิพิเศษเหนือใคร ดังนั้น เพื่อสอนให้ลูกเป็นเด็กไม่เอาแต่ใจตัวเอง คุณพ่อคุณแม่ก็ควรที่จะตั้งกฎระเบียบและให้ลูกอยู่ในกฎระเบียบนั้น ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการสอนให้ลูกรู้จักปฏิบัติตามกฎตั้งแต่พวกเขายังเล็ก
2. สอนให้รู้จักมีความรับผิดชอบ คุณพ่อคุณแม่สามารถสามารถสอนให้ลูกมีความรับผิดชอบได้ตั้งแต่พวกเขายังเล็กค่ะ ยกตัวอย่างเช่น เวลาลูกดื่มนมกล่องเสร็จ ก็ให้ลูกนำเอาไปทิ้งขยะด้วยตัวเอง หรือตื่นมาจะต้องรู้จักพับผ้าห่ม ไม่ต้องกังวลไปนะคะ ตอนนี้พวกเขาอาจจะยังพับไม่สวย แต่แน่นอนว่า เด็ก ๆ จะต้องรู้ตัวเองว่า ตื่นมานั้นสิ่งที่พวกเขาจะต้องทำเป็นอย่างแรกคืออะไร เป็นต้น
3. สอนอิสรภาพ จริงอยู่ที่คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกคนเดียวนั้น สามารถมีเวลาสอนลูกได้อย่างเต็มที่มากกว่า แต่การสอนลูกโดยการที่คุณพ่อคุณแม่ลงมือทำแทน ยกตัวอย่างเช่นการบ้าน หรือสิ่งประดิษฐ์ นั้นเป็นสิ่งที่ไม่สมควรค่ะ คุณพ่อคุณแม่ควรปล่อยให้ลูกได้ทำทุกอย่างและเรียนถูกเรียนผิดด้วยตัวเองดีกว่านะคะ
4. ไม่ตามใจลูกมากเกินไป คงไม่มีคุณพ่อคุณแม่คนไหนอยากให้ลูกเป็นเด็กที่เอาแต่ใจใช่ไหมคะ เวลาที่ลูกคนเดียวต้องการอะไร ส่วนใหญ่แล้วเพียงแค่เอ่ยปากขอ ก็มักจะได้ จนทำให้ของบางอย่างที่ได้มาง่าย ๆ นั้นดูไม่มีค่า ดังนั้น เรามาเปลี่ยนวิธีกันใหม่ดีกว่าค่ะ ให้ลูก ๆ ได้รู้จักทำงานก่อน แล้วคุณพ่อคุณแม่ค่อยให้รางวัล แต่! พยายามหลีกเลี่ยงที่จะให้ทุกครั้งไปนะคะ มิเช่นนั้น ลูกจะทำทุกอย่างเพราะหวังผลตอบแทน ซึ่งมันจะส่งผลไม่ดีกับลูกในอนาคตได้ ดังนั้นให้เท่าที่จำเป็นและตามความเหมาะสมจะดีกว่าค่ะ
5. สอนให้รู้จักคุณค่า แน่นอนว่าลูกคนเดียวมักจะมีเสื้อผ้าหรือของเล่นเยอะเป็นพิเศษ ของบางชิ้นอยากได้มาก พอได้มาแล้วกลับไม่สนใจเสียอย่างนั้น บางชิ้นเล่นไปก็เกิดความรู้สึกเบื่อ ไม่เอาเสียให้ดื้อ ๆ ดังนั้น หน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกรู้จักคุณค่าของ ๆ ที่เขามีอยู่ ชิ้นไหนที่ลูกเบื่อไม่ชอบ หรือเสื้อผ้าตัวไหนที่ใส่ไม่ได้ ก็ให้นำไปบริจาคให้กับเด็กคนอื่นได้ใช้ต่อไป แน่นอนว่า แรก ๆ ลูกอาจจะยังไม่เข้าใจ แต่ของแบบนี้ต้องใช้เวลาค่ะ คุณพ่อคุณแม่ต้องอดทน และค่อย ๆ อธิบายให้เขาเข้าใจ หรือของชิ้นไหนที่สามารถขายได้ก็ควรบอกลูกว่า “ของชิ้นนี้ แม่/พ่อ เอาไปขายนะ ขายได้เงินมาจะได้เอามาเป็นค่านม ค่าเทอมให้หนูไงละจ๊ะ” รับรองว่าลูกต้องเข้าใจและเผลอ ๆ อาจจะช่วยคุณพ่อคุณแม่เลือกของเสียด้วยซ้ำนะคะ
6. มีเวลาส่วนตัวบ้าง การมีลูกคนเดียว ไม่ได้หมายความว่า คุณพ่อคุณแม่จะต้องเอาเวลาของตัวเราเองไปผูกติดกับลูกตลอดเวลานะคะ เพราะการทำเช่นนั้น จะเท่ากับเป็นการปลูกฝังลูกว่า เวลาเขาจะทำอะไร เขาจะต้องมีคุณพ่อคุณแม่อยู่ด้วยเสมอ เขาถึงจะทำได้ การทำเช่นนี้จะทำให้ลูกขาดความมั่นใจในตนเองเอาเสียได้ง่าย ๆ ค่ะ อีกทั้งการเอาเวลาของเราไปผูกติดกับลูกนั้น จะทำให้เราสูญเสียความส่วนตัวไปด้วยเช่นกัน หาเวลาให้กับตัวเองและสามีหรือภรรยาได้มีเวลาอยู่ด้วยกันสองคนบ้างนะคะ เพื่อชีวิตของครอบครัวที่สมบูรณ์
คลิกเพื่ออ่านเทคนิคเพิ่มเติมได้ที่หน้าถัดไปค่ะ
7. คาดหวังบนพื้นฐานของความเป็นจริง คุณพ่อคุณแม่บางท่านอาจจะตั้งความหวังไว้กับลูกคนเดียวสูงมาก ๆ โดยที่ในบางครั้งก็ลืมไปว่า ลูกของเรานั้นมีความสามารถหรือสนใจในสิ่งที่เราอยากให้เขาเป็นหรือไม่ อย่าลืมนะคะ ลูกจะเก่งและประสบความสำเร็จได้ หากคุณพ่อและคุณแม่ให้การสนับสนุน เพราะฉะนั้นทางที่ดี คุณพ่อคุณแม่ก็ควรสังเกตลูกของเราดูค่ะว่า พวกเขาชอบอะไร และทำอะไรได้ดี หากทราบแล้วก็ลุยเลยค่ะ สนับสนุนในสิ่งที่เขาต้องการอย่างเต็มที่ แล้วเราลองมาดูผลลัพธ์กันดูสิคะว่า ผลที่ได้ออกมานั้นจะดีขนาดไหน รับรองว่าภูมิใจทั้งคุณพ่อคุณแม่และคุณลูกแน่ ๆ
8. ไม่ปลูกฝังแต่ความสำเร็จเพียงอย่างเดียว คุณพ่อคุณแม่ทุกท่านคะ คุณพ่อคุณแม่คงไม่อยากให้ลูกรู้จักแต่ความสำเร็จเพียงอย่างเดียวใช่ไหมคะ แต่ควรสอนให้ลูกรู้ถึงวิธีการที่จะนำไปสู่ความสำเร็จด้วย ทำให้ลูก ๆ เห็นว่ากว่าจะสำเร็จได้นั้น ต้องใช้เวลาและความอดทนมากขนาดไหน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถบอกลูก ๆ ได้นะคะว่า ไม่ว่าลูกจะทำสำเร็จหรือไม่ก็ตาม อยากให้รู้ว่า ถึงอย่างไรคุณพ่อกับคุณแม่ก็รักลูกเสมอไม่เสื่อมคาย
9. ทำทุกอย่างให้เป็นระบบ การปลูกฝังให้ลูกทำทุกอย่างเป็นเวลา ยกตัวอย่างเช่น การเข้านอน การตื่นนอน เวลาไหนควรรับประทานอาหาร เวลาไหนควรเล่น และเวลาไหนควรทำกิจกรรม การสอนเช่นนี้จะช่วยให้ลูกรู้จักที่จะบริหารเวลาตั้งแต่พวกเขายังเล็กค่ะ
10. หาเวลาไปพบปะผู้คนบ้าง อย่าให้การอยู่บ้านเลี้ยงลูกนั้น เป็นการปิดหูปิดตาเราและลูก ๆ ได้ค่ะ พาลูกไปพบปะสังสรรค์ญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูงมี่อยู่ในวัยเดียวกันหรือใกล้เคียงกันบ้าง ลูกของเราจะได้รู้จักวิธีการเข้าสังคมแล้วอยู่ร่วมกันกับผู้อื่น
11. ทำตัวเป็นแบบอย่าง ไม่ว่าคุณพ่อคุณแม่จะชอบหรือไม่ก็ตาม การเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก คือสิ่งที่พวกเราทุกคนควรปฏิบัติ ทำให้เขาเห็นว่า เราปฏิบัติตัวอย่างไรเวลาที่อยู่กับคนอื่น เราพูดหรือวางตัวอย่างไร ยกตัวอย่างเช่น ทำให้ลูกเห็นว่า เวลาที่อยากจะได้อะไรจากผู้อื่น เราควรที่จะขอเขาดี ๆ ไม่ใช่หยิบหรือแย่งมา โดยที่เจ้าของเขายังไม่อนุญาต เป็นต้น
12. จำไว้ว่าลูกไม่ใช่เพื่อน ปกติเวลาที่เรามีเรื่องทุกข์ร้อนใจอะไร เราก็มักจะคุยกับคนในครอบครัว ยกตัวอย่างเช่น สามีหรือภรรยาเป็นต้น แต่ถ้าหากวันไหนที่คนใดคนหนึ่งไม่อยู่ และในตอนนั้นคุณกำลังมีเรื่องทุกข์ใจอยู่ และคุณก็ได้นำสิ่งเหล่านี้ไปพูดคุยกับลูก ใช่ค่ะ คุณได้ระบายให้ใครสักคนได้รับฟัง แต่อย่าลืมนะคะ ลูกยังเด็ก พวกเขายังไม่มีวุฒิภาวะมากพอที่จะมารับรู้เรื่องพวกนี้ เพราะสิ่งเหล่านี้จะไปทำให้ลูกรู้สึกไม่สบายใจ และไม่มีความสุขตามไปด้วย
ที่มา: Newagepregnancy
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:
รักลูก อย่าเป็น “พ่อแม่เฮลิคอปเตอร์”