ข้อห้ามหลังผ่าคลอด เป็นแนวทางปฏิบัติตัวในช่วงพักฟื้นร่างกายที่คุณหมอและพยาบาล จะให้คำแนะนำในการดูแลตัวเอง เริ่มตั้งแต่ 1 ชั่วโมงแรกหลังเสร็จสิ้นการผ่าตัดคลอด ไปจนถึงการฟื้นฟูร่างกายหลังกลับมาอยู่บ้าน โดยข้อห้ามที่คุณแม่ผ่าคลอดไม่ควรทำ มีดังนี้
10 ข้อห้ามหลังผ่าคลอด แม่ผ่าคลอดไม่ควรทำอะไร กิจกรรมไหนห้ามทำเด็ดขาด
- นอนทั้งวัน ไม่ยอมขยับร่างกาย แม้ว่าจะเจ็บแผลผ่าคลอดมากแค่ไหนก็ตาม คุณหมอและพยาบาลจะแนะนำให้พยายามขยับร่างกายเล็ก ๆ น้อย ๆ การพลิกตัวบ่อย ๆ จะช่วยให้ลำไส้สามารถเคลื่อนตัวได้ดีขึ้น รวมทั้งยังช่วยลดโอกาสในการเกิดพังผืดในช่องท้องบริเวณแผลผ่าตัดกับอวัยวะภายใน ซึ่งหากคุณแม่ไม่ยอมขยับตัวเลยจนเกิดพังผืดขึ้นมา อาจส่งผลให้ปวดท้องเรื้อรัง และไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
- อาบน้ำทันที แผลที่เปียกน้ำอาจกลายเป็นแผลติดเชื้อและเกิดการอักเสบได้ คุณแม่จะสามารถอาบน้ำได้หลังจากตัดไหมไปแล้ว 1 วัน หรือหากเป็นไหมละลายก็ควรรอให้ครบ 7 วัน ในระหว่างนี้คุณแม่ควรใช้วิธีทำความสะอาดร่างกายด้วยการเช็ดตัวไปก่อน
- ไม่รักษาความสะอาดบริเวณแผล ในช่วงก่อนตัดไหม หรือ 7 วันหลังผ่าคลอด ไม่ควรให้แผลโดนน้ำ เมื่อเข้าสู่วันที่ 8 หรือหลังตัดไหม 1 วัน จึงสามารถอาบน้ำได้ แต่ไม่จำเป็นต้องถูสบู่บริเวณแผล และควรใช้ผ้าสะอาดซับแผลให้แห้งทุกครั้ง นอกจากนี้ควรหมั่นสังเกตแผลทุกวัน หากพบว่าแผลอักเสบ บวมแดง มีเลือดซึม มีไข้สูง ปวดท้อง ปัสสาวะแสบขัด หรือน้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็นผิดปกติ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
- ยกของหนัก เดินขึ้นลงบันไดบ่อย ๆ แม้ว่าแผลผ่าคลอดภายนอกจะดูแนบสนิทกันดีแล้ว แต่แผลที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนังไปจนถึงอวัยวะภายใน ยังคงต้องใช้เวลาในการสมานแผลไปอีกประมาณ 3 เดือน หากฝืนยกของหนัก หรือเดินขึ้นลงบันไดบ่อย ๆ อาจทำให้เนื้อเยื่อภายในเกิดฉีกขาดได้ หากพบว่ามีอาการผิดปกติ เช่น ปวดท้อง หรือมีเลือดออก ให้รีบมาโรงพยาบาลทันที
- หักโหมออกกำลังกาย คุณแม่ผ่าคลอดสามารถออกกำลังกายเบา ๆ ได้หลังจากผ่าคลอดมาแล้ว 1 เดือนขึ้นไป โดยให้เริ่มจากการเดินช้า ๆ เล่นโยคะเบา ๆ หากไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ ก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นการเดินเร็ว วิ่ง หรือเล่นโยคะท่าที่ยากขึ้น
- มีเพศสัมพันธ์ทันที การมีเพศสัมพันธ์หลังผ่าคลอด ควรรอให้ควร 6 สัปดาห์เสียก่อน เพราะหากมีเพศสัมพันธ์ทั้ง ๆ ที่น้ำคาวปลายังไม่หมด หรือแผลยังไม่ปิดสนิทดี อาจทำให้เกิดการติดเชื้อ และบาดแผลภายในฉีกขาดได้
- หยุดยาปฏิชีวนะเอง การหยุดทานยาที่คุณหมอแนะนำให้ทานจนครบอย่างยาปฏิชีวนะ อาจส่งผลเสียในระยะยาว เพราะถ้าหากเชื้อแบคทีเรียเกิดการดื้อยาขึ้นมาในภายหลัง ก็จะทำให้การรักษาโรคในอนาคตทำได้ยากขึ้น
- รับประทานของไม่มีประโยชน์ การทานอาหารไม่มีประโยชน์ ไม่สะอาด เป็นของหมักดอง ปรุงสุก ๆ ดิบ ๆ มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ หรือมีรสจัด นอกจากจะไม่ดีต่อสุขภาพของคุณแม่แล้ว ยังอาจเป็นอันตรายต่อลูกน้อยที่ทานนมแม่อีกด้วย
- หลีกเลี่ยงการให้นมบุตร คุณแม่ผ่าคลอดหลายท่านมักประสบปัญหาน้ำนมมาช้า และเข้าใจว่าไม่มีน้ำนมจึงไม่พยายามให้ลูกทานนมแม่อีกต่อไป ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การให้ทารกทานนมแม่ให้ไวที่สุด นอกจากจะช่วยกระตุ้นให้น้ำนมไหลเยอะขึ้นด้วยวิธีธรรมชาติแล้ว เด็ก ๆ ยังจะได้รับสุดยอดสารอาหาร และภูมิคุ้มกันตั้งต้นที่มีอยู่ในนมแม่อีกด้วย
- ละเลยการดูแลแผลผ่าคลอดหลังตัดไหม การละเลยไม่ดูแลแผลผ่าคลอดหลังตัดไหม อาจสร้างแผลเป็นขนาดใหญ่ไว้ให้คุณแม่ดูต่างหน้าไปตลอดกาล ดังนั้น เมื่อแผลผ่าคลอดเริ่มแห้งสนิทดีแล้ว ควรเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลแผลผ่าคลอดที่มีความปลอดภัย เหมาะกับคุณแม่ที่อยู่ในช่วงกำลังให้นมบุตร ดูแลแผลเป็นอย่างต่อเนื่องไปอีก 3 – 6 เดือน
เพราะการดูแลตัวเองหลังผ่าตัดคลอดเป็นเรื่องสำคัญ เช่นเดียวกับการเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลแผลผ่าคลอด
จะเห็นได้ว่าขั้นตอนการดูแลแผลเป็นหลังผ่าตัดคลอด เป็นช่วงเวลาสำคัญที่ต้องพิถีพิถันเป็นพิเศษ เพราะหากละเลยขั้นตอนนี้ไป จากแผลผ่าคลอดที่น่ากังวลอยู่แล้ว อาจกลายเป็นรอยแผลเป็นที่ไม่น่าอภิรมย์ไว้บนหน้าท้องของคุณแม่ไปตลอดกาล ดังนั้น การเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลแผลผ่าคลอด จึงต้องเน้นที่มีคุณสมบัติช่วยให้แผลเป็นนุ่ม สีจางลง ช่วยให้แผลเรียบเนียน และที่สำคัญผลิตภัณฑ์นั้นต้องมีความปลอดภัยกับลูกรักที่ทานนมแม่อยู่ด้วย
ข้อมูลอ้างอิง medthai
บทความที่เกี่ยวข้อง
รู้ก่อนพร้อมก่อน 5 สิ่งที่แม่ท้องทุกคนต้องรู้ก่อนผ่าคลอด และ เทคนิคดูแลแผลผ่าคลอดให้สวยเนียน