นักโภชนาการยืนยัน ประโยชน์ของนมแม่ “แม้มนุษย์จะสร้างนวัตกรรมด้านต่าง ๆ หรือ โลกจะพัฒนาแค่ไหน นมทารก แต่วันนี้ยังไม่มีนมใดมาทดแทนนมแม่หรือ เลียนแบบนมแม่ ได้ 100%
จากสถิติทั่วโลก มีทารกที่อายุต่ำกว่า 6 เดือน เพียง 43 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ได้รับการเลี้ยงด้วยนมแม่อย่างเดียว ในประเทศไทย ผลสำรวจจากจำนวนเด็กแรกเกิดทั้งหมดประมาณ 800,000 คน พบว่ามีทารกเพียง 5.4 เปอร์เซ็นต์ ในแต่ละปีที่ได้รับนมแม่เพียงอย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรกเท่านั้น ซึ่งจัดว่ามีอัตราในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ต่ำในอาเซียน
นักโภชนาการจึงได้ออกมายืนยันว่า การให้ลูกได้กินนมแม่อย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรกโดยไม่จำเป็นต้องให้น้ำตามนั้น เป็นไปตามกฎกติกาที่ออกโดยองค์การอนามัยโลกและทุกประเทศทั่วโลกได้ปฏิบัติกัน แต่หลังจาก 6 เดือนไปแล้ว หากปริมาณนมแม่ไม่พอต่อความต้องการของลูก ก็สามารถให้อาหารอื่นเสริมโดยควบคู่ไปกับนมแม่ต่อยาวไปถึง 2 ขวบ ซึ่งถือเป็นการเริ่มฝึกทารกให้รู้จักกินอาหารธรรมชาติที่ไม่ใช่แค่นมอย่างเดียว สร้างนิสัย และพฤติกรรมการกินอาหารให้กับลูกด้วย แต่ถ้าหลัง 6 เดือนยังให้กินนมแม่หรือนมผสมอย่างเดียว จะทำให้ทารกขาดสารอาหาร เจริญเติบโตไม่เต็มที่
นายสง่า ดามาพงศ์ นักโภชนาการและที่ปรึกษากรมอนามัยได้กล่าวว่า “นมแม่หลัง 6 เดือนไปแล้ว ยังมีประโยชน์อยู่และมีคุณค่าทางโภชนาการเหมือนเดิม แต่ปริมาณไม่พอสำหรับทารกจึงจำเป็นต้องให้อาหารเสริม ซึ่งแม่หลายคนมักเข้าใจผิดว่า นมแม่หลัง 6 เดือนไปแล้วไม่มีประโยชน์เลยหยุดให้นม”
4 เหตุผลใหญ่ ๆ ที่ นมทารก ไหนก็เลียนแบบนมแม่ไม่ได้
1.ในนมแม่มีหัวน้ำนม หรือน้ำนมเหลือง (colostrum) ที่ไหลออกจากนมแม่หลังคลอดประมาณ 7 วัน คนโบราณมักเข้าใจว่าเป็นน้ำนมเสียจึงบีบทิ้ง แต่ที่จริงแล้วน้ำนมเหลืองนี่คือสุดยอดภูมิคุ้มกันสำหรับทารก
2.ในนมแม่มีสารอาหารที่พอเหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของทารกที่ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป เป็นสิ่งที่ธรรมชาติจัดสรรโดยมีสารอาหารครบถ้วน
3.ในนมแม่มีสารควบคุมการเจริญเติบโตหรือ Growth Hormone ทำให้เด็กเจริญเติบโตเต็มตามศักยภาพ ควบคุมให้ลูกไม่อ้วน ไม่ผอม จนเกินไป
4.ในนมแม่มีสารแห่งความรัก ที่เรียกว่า Oxytocin และฮอร์โมนแห่งความรักคือ prolactin เวลาลูกดูดนมแม่ สาร 2 ตัวนี้จะหลั่งออกมาเพื่อจะกระตุ้นความรู้สึกของทารก เกิดสายใยเชื่อมโยง ความผูกพันระหว่างลูกกับแม่ ส่งผลทำให้เด็กที่กินนมแม่นันอารมณ์ดี จิตใตดี ระหว่างที่เขาเจริญเติบโต
นอกจากนมแม่ที่ประโยชน์สู่ลูกแล้ว การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จะช่วยให้ครอบครัวประหยัดเงินได้ถึง 3,000-4,000 บาทต่อเดือน และยังช่วยป้องกันมะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านมในผู้หญิง และควบคุมระยะการมีบุตรได้ จึงเห็นกันชัด ๆ เลยว่า ประโยชน์ของนมแม่มหัศจรรย์จริงๆ
สารอาหารและประโยชน์ของนมแม่
นมแม่มีประโยชน์อย่างไรบ้าง? ในนมแม่นั้นนอกจากจะอุดมไปด้วยสารอาหารที่สำคัญและจำเป็นทั้งต่อการเจริญเติบโตของร่างกายแล้ว ยังช่วยในเรื่องของการพัฒนาสมองของลูกน้อยอีกด้วย เช่น
1.เอ็มเอฟจีเอ็ม(MFGM)
สารอาหารสมองที่นักวิทยาศาสตร์ค้นพบล่าสุดว่า เมื่อกรดไขมันทุกชนิดรวมทั้งดีเอชเอและเออาร์เอถูกผลิตออกมาจากต่อมผลิตน้ำนม จะถูกห่อหุ้มด้วยเยื่อบาง ๆ เรียกว่า MFGM (Milk Fat Globule Membrane) ซึ่งนับเป็นสารอาหารสมองในประโยชน์ของนมแม่ที่อุดมไปด้วยโปรตีนและไขมันกว่า 150 ชนิด ทำหน้าที่ช่วยสร้างปลอกไขมันหุ้มเส้นใยสมอง (Myelin Sheath) เพิ่มประสิทธิภาพการส่งสัญญาณประสาทเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมอง
2.ดีเอชเอ(DHA หรือ Docosahexaenoic Acid)
คือ กรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิดโอเมก้า 3 ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของไขมันในสมองและจอประสาทตา ซึ่งลูกจะได้รับโดยตรงจากนมแม่ ที่สำคัญ DHA ในน้ำนมแม่ยังเพิ่มขึ้นตามปริมาณอาหารที่คุณแม่รับประทานด้วย
3.ทอรีน (Taurine)
ทอรีน เป็นกรดอะมิโนที่ช่วยบำรุงสมองและช่วยพัฒนาเรื่องการมองเห็นของลูกได้ดี
4.แลคโตเฟอร์ริน(Lactoferrin)
โปรตีนที่ย่อยได้ง่ายกว่าโปรตีนในนมผสม ทนต่อกรดในกระเพาะอาหาร และยังมีคุณสมบัติพิเศษ คือ จับกับธาตุเหล็กในลำไส้ได้ ทำให้แบคทีเรียซึ่งต้องใช้โมเลกุลของธาตุเหล็กอิสระช่วยในการเจริญเติบโตไม่ สามารถเติบโตต่อได้ จึงช่วยปกป้องลูกจากการติดเชื้อ
5.ไลโซไซม์(Lysozyme)
เป็นเอนไซม์ที่มีในน้ำนมแม่มากกว่านมวัวถึง 3,000 เท่า มีฤทธิ์ย่อยสลายผนังเซลล์ของเชื้อแบคทีเรียตัวร้าย ทำให้เชื้อตาย แถมยังเติมลงในนมผงไม่ได้ เพราะเอนไซม์ต่างๆ จะถูกทำลายด้วยความร้อนในขั้นตอนที่นำนมผงไปฆ่าเชื้อก่อนบรรจุกระป๋องด้วย
ความสำคัญของนมแม่
นมแม่มีโคลอสตรัม
ประโยชน์ของนมแม่จำเป็นต่อลูกน้อยมาก ในช่วง 2-3 วันหลังคลอด แม่จะหลั่ง “โคลอสตรัม” (Colostrum) ออกมา คือน้ำนมใสสีเหลืองที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่านมเหลืองหรือหัวน้ำนม น้ำนมชนิดนี้จะมีภูมิคุ้มกันจากแม่สูงที่สุด ซึ่งจะช่วยให้ลูกมีภูมิต้านทานโรคหลายอย่าง เช่น โรคอุจจาระร่วง โรคหูน้ำหนวก โรคทางเดินหายใจ และโรคภูมิแพ้ เป็นต้น
นมแม่ป้องกันโรคภูมิแพ้
สำหรับลูกวัยทารก น้ำย่อยอาหารในกระเพาะและลำไส้ยังทำงานไม่เต็มที่ อีกทั้งภูมิคุ้มกันที่คอยดักจับสารแปลกปลอมในร่างกายก็ยังพัฒนาไม่ดีพอ โปรตีนแปลกปลอมจึงมีโอกาสเล็ดลอดเข้าไปกระตุ้นให้เกิดภูมิแพ้ได้ง่าย ซึ่งประโยชน์ของนมแม่นอกจากจะช่วยสร้างโปรตีนชนิดที่ทำให้ไม่เกิดการแพ้แล้ว ยังมีสารภูมิคุ้มกันที่จะไปเคลือบเยื่อบุลำไส้ ทำให้ไม่แพ้ด้วย
นมแม่คือวัคซีนธรรมชาติ
ลูกน้อยวัยทารกยังสร้างภูมิคุ้มกันเองได้ไม่ดี จึงมีภูมิต้านทานเชื้อโรคน้อยมาก แต่ลูกก็รับภูมิต้านทานโรคได้โดยตรงจากน้ำนมแม่ ซึ่งนับว่าเป็นประโยชน์ของนมแม่ที่สำคัญและจำเป็นต่อลูกน้อยอย่างมาก
นมแม่มีสารช่วยป้องกันแบคทีเรีย
ประโยชน์ของนมแม่ที่สำคัญมาก ๆ อีกข้อหนึ่งคือ การช่วยป้องกันแบคทีเรีย เนื่องจากในนมแม่มี Bifidus Growth Factor หรือสารที่กระตุ้นการเจริญเติบโตของเชื้อแล็กโตบาซิลลัส (ซึ่งไม่มีในน้ำนมวัว) ซึ่งเป็นเชื้อที่ช่วยให้เกิดกรดอินทรีย์ในลำไส้ ทำให้แบคทีเรียชนิดร้ายอยู่ไม่ได้ นอกจากนี้ แลคโตสในน้ำนมแม่เองก็ยังเปลี่ยนเป็นกรดแลกติกที่ช่วยให้ลำไส้มีสภาพเป็นกรดจนแบคทีเรียไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกแรงหนึ่งด้วย
นมแม่ช่วยให้ลูกมีระบบขับถ่ายดี
นอกจากประโยชน์ของนมแม่ทั่ว ๆ ไป นมแม่เป็นอาหารธรรมชาติ สะอาด และย่อยง่าย ทั้งยังมีสารที่ช่วยให้ลำไส้แข็งแรง มีสารช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ชนิดดีที่ไม่ก่อให้เกิดโรคในลำไส้ ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคที่ทำให้เกิดท้องเสีย และช่วยลดโอกาสการติดเชื้อในลำไส้ลงได้มาก เด็กที่กินนมแม่นอกจากจะไม่มีปัญหาท้องผูกแล้ว ยังมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดท้องเสียน้อยลงด้วย
ดีต่ออารมณ์และจิตใจของลูก
อีกหนึ่งประโยชน์ของน้ำนมแม่คือการให้นมแม่แต่ละครั้งแม่จะต้องโอบกอดลูกแนบอก ความสุขใจ ความไว้เนื้อเชื่อใจ ความอบอุ่นจะถูกปลูกฝังไว้ในจิตใจลูกตั้งแต่วัยแรกเริ่มของชีวิต ช่วยให้เด็กเติบโตขึ้นอย่างมีความมั่นคงทั้งทางอารมณ์และจิตใจ
ดีต่อสมองของลูก
เนื่องจากในนมแม่ตั้งแต่หยดแรกจะมี MFGM และดีเอชเอที่เป็นสารที่มีส่วนช่วยพัฒนาสมองได้โดยตรง โดยมีงานวิจัยชี้ว่าเด็กที่ดื่มนมที่เสริม MFGM จะมีพัฒนาทางด้านสติปัญญาดีกว่าเด็กที่ดื่มนมสูตรปกติที่เพิ่มแต่ดีเอชเอเพียงอย่างเดียวถึง 4 จุด
ดีต่อพัฒนาการของลูกน้อย
เด็กกินนมแม่อย่างสม่ำเสมอจะได้รับการกระตุ้นพัฒนาการอย่างรอบด้านผ่านการดื่มนม ไม่ว่าจะเป็นการรับรู้กลิ่นของแม่ผ่านการโอบกอดใกล้ชิด การใช้ปากและอวัยวะในช่องปาก การสบตากับแม่ การเห็นหน้าแม่ขณะดูดนม การพัฒนากล้ามเนื้อแขนขาเมื่อเล่นกับแม่ และพัฒนาการของระบบการย่อยอาหาร
ที่มา : www.hfocus.org
บทความอื่นที่น่าสนใจ :
อันตรายไหม แม่เป็นหวัด ต้องกินยา แล้วยังให้นมลูกได้ไหม?
วิธีเรียกน้ำนมแม่กลับคืนหลังหยุดให้นมลูก
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!