โรคไข้อีดำอีแดงคืออะไร? น่ากลัวแค่ไหน?

เมื่อต้นเดือนมิถุนายน 2558 มีการระบาดของโรคไข้อีดำอีแดง ที่จังหวัดพิจิตร ในเด็ก โดยพบพร้อมกันถึง 11 ราย จึงเป็นข่าวใหญ่พอสมควร เรามาทำความรู้จักโรคนี้ให้ดียิ่งขึ้นกันค่ะ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

โรคไข้อีดำอีแดง เกิดจากอะไร? ไข้อีดำอีแดง หรือ Scarlet fever เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ชื่อ สเตรปโตคอคคัส กรุ๊ปเอ (Group A streptococcus) ซึ่งเป็นแบคทีเรียแกรมบวกที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจตอนบน เช่น คออักเสบ ร่วมกับมีผื่นจากพิษของเชื้อโรค ที่มีลักษณะจำเพาะเจาะจงกับโรค ซึ่งผื่นนี้เป็นที่มาของชื่อว่า”โรคไข้อีดำอีแดง” นั่นเองค่ะ โรคนี้พบได้บ่อยในเด็กวัยเรียน อายุประมาณ 5-15 ปี

อาการของโรคไข้อีดำอีแดง ไข้ดำแดง เป็นอย่างไร?

ผู้ป่วยโรคไข้อีดำอีแดงจะมีอาการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจส่วนบน เจ็บคอ ต่อมทอนซิลบวมแดงหรือมีจุดหนอง มีไข้สูง ร่วมกับผื่นที่มีลักษณะเฉพาะของโรค เป็นเม็ด คลำดูจะหยาบๆ สากคล้ายกับกระดาษทราย โดยเริ่มขึ้นที่บริเวณรอบคอ แล้วกระจายไปทั่วตัวและแขนขา และอาจมีเส้นสีแดงขึ้นที่บริเวณข้อพับด้านใน เช่น ใต้วงแขน หรือ ขาหนีบ หลังผื่นขึ้น 3-4 วัน จะลอกออก จากลำคอ ลงมาเรื่อยๆ จากนั้น มือ เท้า ปลายมือ ปลายเท้า และเล็บจะลอก อาจพบลักษณะแก้มแดง และรอบปากซีด ลิ้นแดงมาก ลักษณะลิ้นเป็นฝ้าหนาขึ้นและมีสีออกชมพูคล้ายผลสตรอเบอรี่ อาจมีต่อมน้ำเหลืองโต มีอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ด้วยนะคะ

โรคไข้อีดำอีแดงติดต่อได้ทางไหน?

การติดต่อของโรคนี้เกิดจากการติดเชื้อเชื้อสเตรปโตคอกคัส กรุ๊ปเอ ผ่านทางเดินหายใจ โดยเด็กที่ป่วยเป็นโรคนี้จะสามารถแพร่กระจายเชื้อผ่านทางน้ำลาย น้ำมูก โดยการไอ จาม ทำให้ติดต่อไปยังผู้ที่ใกล้ชิด เช่น ที่โรงเรียน ที่บ้าน หรือในที่ชุมชนอื่นๆ โรคนี้มีระยะฟักตัวของเชื้อโรคประมาณ 1-3 วัน จึงแสดงอาการออกมาค่ะ

 

คุณหมอจะสามารถวินิจฉัยโรคไข้อีดำอีแดงได้อย่างไร?

คุณหมอจะวินิจฉัยโรคนี้โดยอาศัยการประวัติอาการที่เข้าได้กับโรค และการตรวจร่างกายเป็นหลัก โดยดูจากลักษณะผื่นผิวหนัง ลิ้น และคออักเสบ นอกจากนี้หากอาการไม่ชัดเจนคุณหมออาจทำการเพาะเชื้อจากในคอส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อหาเชื้อสเตรปโตคอกคัส กรุ๊ปเอได้ค่ะ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

การรักษาโรคไข้อีดำอีแดงทำได้อย่างไร?

โรคไข้อีดำอีแดง สามารถรักษาได้ไม่ยากโดยการรับประทานยาปฏิชีวนะกลุ่มเพนนิซิลิน และรักษาตามอาการโดยพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากๆ เช็ดตัวลดไข้ รับประทานยาลดไข้พาราเซตามอล โดยผู้ป่วยควรรับประทานยาปฏิชีวนะให้ครบตามที่คุณหมอสั่งเพื่อผลการรักษาที่ดี ป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรค เช่น หูชั้นกลางอักสบ ไซนัสอักเสบ ปอดอักเสบติดเชื้อ รวมถึงภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น โรคไข้รูมาติก ติดเชื้อในกระแสเลือด ติดเชื้อที่กระดูกและข้อ ติดเชื้อในสมอง หลังรับประทานยาฆ่าเชื้อครบอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ก็ลดโอกาสในการแพร่เชื้อไปได้มากแล้วค่ะ

 

การป้องกันโรคไข้อีดำอีแดงทำได้อย่างไร?

เนื่องจากโรคนี้สามารถติดต่อได้ทางการสัมผัสใกล้ชิดหรือหายใจเอาละอองฝอยที่ติดเชื้อเข้าทางระบบทางเดินหายใจ
การป้องกันจึงทำได้โดย การสอนเด็กๆ ให้ล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการสัมผัสเสมหะหรือน้ำลายของผู้ป่วย และที่สำคัญคือไม่คลุกคลีใกล้ชิดกับเพื่อนที่ป่วยนะคะ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

เห็นไหมคะว่าโรคนี้ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด เพราะไม่ใช่โรคที่ร้ายแรงหากได้รับการรักษาอย่างถูกต้องค่ะ

ไข้อีดำอีแดงคืออะไร

ไข้อีดำอีแดง (Scarlet Fever) หรือที่เรียกกันว่าสการ์ลาติน่าเป็นเชื้อที่เกิดมาจากการเริ่มต้นของผู้ป่วยที่มีคออักเสบ จะมีลักษณะอาการเป็นผื่นแดงตามร่างกาย ผู้ป่วยจะมักมีไข้สูงและมีอาการเจ็บคอร่วมด้วย   และมีการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัสกรุ๊ปเอ (Group A Streptococcus) ไข้อีดำอีแดง (Scarlet Fever) มักเกิดขึ้นกับเด็กอายุตั้งแต่ 5 ขวบ ถึง 15 ปี

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

สาเหตุของไข้อีดำอีแดง

ไข้อีดำอีแดงเกิดจากแบคทีเรียกลุ่ม A Streptococcus หรือแบคทีเรีย Streptococcus pyogenes ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่สามารถมีชีวิตอยู่ในปากและจมูกของผู้ป่วยได้ แบคทีเรียเหล่านี้สามารถผลิตสารพิษหรือพิษที่ทำให้เกิดผื่นแดงตามร่างกาย

 

อาการของไข้อีดำอีแดง

ผื่นไข้อีดำอีแดง จะเกิดทั่วลำตัว ภายในเวลา 24-48 ชั่วโมงหลังการมีไข้  ลักษณะผื่นจะเป็นสีแดงมาก ผื่นมีสัมผัสที่หยาบ ผู้ป่วยจะมีหน้าแดงและปากซีด รวมถึงมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วยดังนี้

  • ผู้ป่วยจะเริ่มมีไข้สูงเกิน 38 องศา
  • มีอาการเจ็บคอ
  • คลื่นไส้และอาเจียน
  • ลิ้นเป็นสีแดงที่เรียกว่า (Strawberry Tongue)
  • ลิ้นจะเป็นตะปุ่มตะป่ำและมีฝ้าขาวขึ้นในช่วงแรก
  • ต่อมทอมซิลโตและอักเสบ
  • ปวดศรีษะ
  • หนาวสั่น

 

ไข้อีดำอีแดงสามารถติดต่อได้หรือไม่ 

ไข้อีดำอีแดงสามารถแพร่กระจายหรือติดต่อได้จากการสัมผัสเชื้อจากจมูก หรือคอ ผ่านละอองจากการไอหรือจาม ของผู้ป่วยที่เป็นอยู่ก่อนแล้ว บางครั้งอาจจะเกิดจากการใช้แก้วน้ำหรือช้อนร่วมกัน หรือการสัมผัสโดยน้ำมูก เสมหะ หรือน้ำลาย การติดเชื้อสามารถแพร่กระจายได้สองถึงห้าวันก่อนที่ผู้ป่วยจะมีอาการ

นอกจากนี้แบคทีเรียกลุ่ม A Streptococcus สามารถก่อให้เกิดโรคผิวหนังติดเชื้อที่เรียกกันว่าโรคเซลล์เนื้อเยื่ออักเสบ(Cellulitis)

 

การรักษาไข้อีดำอีแดง (Scarlet Fever)

ไข้อีดำอีแเดงสามารถรักษาได้ด้วยการให้ยาปฎิชีวนะ เพื่อจัดการกับเชื้อแบคทีเรีย แพทย์อาจจะสั่งจ่ายยา จำพวก:

  • ibuprofen
  • acetaminophen (Tylenol)
  • cephalosporin
  • amoxicillin
  • clindamycin
  • penicillin

ที่มาจาก :https://bupa.co.th/scarlet-fever-0097/

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

โรคที่พ่อแม่ควรทำความรู้จัก : โรคคาวาซากิคืออะไร?

5 โรคฮิตในช่วงหน้าฝน เด็กเล็กและแม่ท้องต้องระวัง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา