โรคติดต่อในสถานศึกษา โรคติดต่อในสถานศึกษา 5 โรคติดต่อในศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียนอนุบาล โรคติดต่อในโรงเรียน มีอะไรบ้าง รวมโรคที่พบบ่อยในโรงเรียนหรือสถานศึกษา โรคติดต่อในโรงเรียน
5 โรคติดต่อในสถานศึกษามีอะไรบ้าง โรคติดต่อในโรงเรียน โรคติดต่อในเด็ก
เด็กเล็กหรือเด็กที่อยู่ในวัยเตาะแตะ มักจะเจ็บป่วยได้ง่ายอยู่แล้ว ยิ่งไปอยู่รวมกันในศูนย์เด็กเล็กและโรงเรียนอนุบาล ก็ยิ่งทำให้เชื้อโรคแพร่กระจาย ติดเด็กคนอื่นได้ง่ายขึ้น จนทำให้เด็กจำนวนมากต้องหยุดเรียน และบางครั้งก็ถึงกับต้องปิดโรงเรียนชั่วคราว สำหรับโรคติดต่อในสถานศึกษาที่พบบ่อยมีดังนี้
โรคมือ เท้า ปาก ติดต่อในสถานศึกษา โรคติดต่อในโรงเรียน โรคติดต่อในเด็ก
โรคติดต่อในสถานศึกษามือ เท้า ปาก เกิดจากเชื้อไวรัสในกลุ่ม เอนเทอโรไวรัส พบได้มากในช่วงหน้าฝน เนื่องด้วยยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคมือ เท้า ปาก การป้องกันโรคมือเท้าปากทำได้โดยการสอนเด็กให้รู้จักล้างมือ ทำความสะอาด ดูแลสุขอนามัยทั่วไป ไม่พาเด็กไปที่ ๆ มีคนเยอะ อากาศไม่ถ่ายเท เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ ในช่วงที่มีการระบาด นอกจากนี้ หากเป็นการติดเชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 อาจมีอาการรุนแรงจนถึงแก่ชีวิตได้
วิธีสังเกตว่าลูกเป็นโรคมือ เท้า ปาก
- เด็กมักมีไข้ต่ำ ๆ
- มีผื่นเป็นจุดแดงหรือตุ่มน้ำใสที่บริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า ซึ่งเห็นได้ชัด
- อาจมีผื่นที่รอบก้น อวัยวะเพศ ลำตัว และแขน ขา
- เจ็บปาก น้ำลายไหล มีแผลที่กระพุ้งแก้มและเพดานปาก
โรคไข้หวัดใหญ่ ติดต่อในสถานศึกษา
โรคติดต่อในสถานศึกษาไข้หวัดใหญ่ เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายจากทางเดินหายใจ ทางน้ำมูก น้ำลายหรือเสมหะของผู้ป่วย หรือไปจับสิ่งของที่ปนเปื้อนน้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย การป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ ทำได้โดยการฉีดวัคซีนที่ สอนให้ลูกล้างมือให้สะอาด ไม่เอามือไปแคะจมูกหรือเอามือเข้าปาก ไม่คลุกคลีกับเพื่อนที่ป่วย
วิธีสังเกตว่าลูกเป็นโรคไข้หวัดใหญ่
- มักเริ่มจากมีไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดตามตัว
- อ่อนเพลีย คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ
- อาจมีอาการของระบบร่างกายอื่น ๆ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ร่วมด้วยได้
โรคอีสุกอีใส ติดต่อในสถานศึกษา
โรคติดต่อในสถานศึกษาอีสุกอีใส เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชื่อว่า วาริเซลล่า (Varicella) ซึ่งติดต่อได้ง่าย ๆ โดยการหายใจรดกัน ไอจามใส่กัน และการสัมผัสตุ่มแผลของโรคโดยตรงหรือสัมผัสของใช้ผู้ป่วยเช่น ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัว จึงสามารถติดต่อได้ง่ายในเด็กที่อยู่ร่วมกันที่โรงเรียน การป้องกันการติดโรคอีสุกอีใส พ่อแม่ต้องสอนลูกไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น ล้างมือให้สะอาด และพาลูกไปฉีดวัคซีนป้องกันอีสุกอีใสซึ่งฉีดได้ในเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไป
วิธีสังเกตว่าลูกเป็นโรคอีสุกอีใส
- เริ่มจากมีไข้ ปวดเมื่อยตามตัว
- มีผื่นแดงขึ้น ต่อมาจะเปลี่ยนเป็นตุ่มน้ำใส และตุ่มหนอง ขึ้นตามหน้า ลำตัว หลัง และแขนขา
- ผื่นแต่ละบริเวณของร่างกายอาจมีลักษณะของผื่นแตกต่างกัน เช่น ที่แขนขาเริ่มเป็นผื่นแดง ที่หลังเป็นตุ่มน้ำใส ส่วนที่หน้าเริ่มแห้งและตกสะเก็ด
โรคตาแดง ติดต่อในสถานศึกษา
โรคติดต่อในสถานศึกษาตาแดง ตาแดงในเด็กเกิดจากหลายสาเหตุ สาเหตุที่พบว่ามีการระบาดบ่อยเกิดจากการติดเชื้อไวรัส และเชื้อแบคทีเรีย (เกิดจากการติดเชื้อราหรือพยาธิได้ด้วย) หรือแม้กระทั่งตาแดงจากภูมิแพ้ หรือ ที่เรียกว่าเยื่อบุตาอักเสบจากภูมิแพ้ สำหรับอาการตาแดงจากการติดเชื้อ จะติดต่อได้ง่ายโดยการสัมผัส หลักสำคัญในการป้องกันคือ ไม่คลุกคลีกับผู้ป่วยตาแดง ไม่ไปสัมผัสกับขี้ตาหรือน้ำตาของผู้ป่วยทั้งทางตรงและทางอ้อมผ่านทางของใช้ต่างๆ เช่น ผ้าเช็ดหน้า หมอน ผ้าห่ม จึงควรสอนลูกไม่ให้ใช้สิ่งของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น ล้างมือให้สะอาด ไม่ขยี้ตา
วิธีสังเกตว่าลูกเป็นโรคตาแดง
- อาการตาแดงจากการติดเชื้อจะมีลักษณะคือ เยื่อบุตาอักเสบ บวมแดง เคืองตา น้ำตาไหลบ่อย ๆ มีขี้ตาแฉะ
- ถ้าเป็นตาแดงจากการติดเชื้อไวรัส จะมีขี้ตาใส ๆ และอาจมีอาการหวัดร่วมด้วย
- ส่วนตาแดงจากการติดเชื้อแบคทีเรียจะพบว่าขี้ตามีสีเขียวอมเหลือง อาจมีหนองได้
- อาการตาแดงนานทั้งวันหรือหลาย ๆ วัน ไม่หายเองมักเกิดจากการติดเชื้อ แต่ถ้าอาการหายไปอย่างรวดเร็ว เช่น มีตาแดงตอนช่วงเช้า แต่พอช่วงสายก็หายไปได้เอง ก็น่าจะเกิดจากภูมิแพ้มากกว่า
โรคอุจจาระร่วง ติดต่อในสถานศึกษา
โรคติดต่อในสถานศึกษาอุจจาระร่วง หรืออหิวาตกโรค เป็นโรคท้องเสียที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย มีชื่อว่า Vibrio cholera ที่ปนเปื้อนอยู่ในอาหารและน้ำดื่ม การป้องกันอหิวาตกโรคทำได้โดยรักษาสุขอนามัยการขับถ่าย ล้างมือให้สะอาด ทานอาหารที่สะอาดปรุงสุกร้อน ดื่มแต่น้ำที่สะอาด
วิธีสังเกตว่าลูกเป็นโรคอุจจาระร่วง
- ผู้ป่วยจะมีอาการท้องเสียอย่างรุนแรง
- อุจจาระมักจะไหลพุ่ง โดยไม่มีอาการปวดท้อง
- ลักษณะอุจจาระเหมือนน้ำซาวข้าว
- ในรายที่เป็นรุนแรงจะมีอาการขาดน้ำและเกลือแร่อย่างรุนแรงจนช็อคได้
โรคติดต่อในสถานศึกษายังมีโรคอื่น ๆ ที่ต้องระวัง เช่น โรคที่พบบ่อยอย่าง โรคไวรัสลงกระเพาะและลำไส้ โรคไข้หวัดธรรมดา คออักเสบ/ทอนซิล อักเสบ หรือโรคร้ายแรงอย่างโรคไข้กาฬหลังแอ่น พ่อแม่จึงต้องดูแลลูกหลานให้ดี คอยสังเกตอาการลูกในแต่ละวัน ด้านศูนย์เด็กเล็กและโรงเรียนอนุบาล ก็ต้องมีมาตรการป้องกันเพื่อควบคุมโรคติดต่อ
ที่มา : thaihealth.or.th/
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ทารกขี้ตาเขรอะ ตาแฉะ ลืมตาลำบาก แม่ลองสังเกต ลูกขี้ตาสีนี้เป็นโรคอะไรหรือเปล่า
อาการยิ่งแย่! เมื่อลูกที่เคยเป็นผื่นแพ้ติดโรคมือเท้าปาก
ไม่อยากให้ลูกต้องป่วยบ่อย ต้องสอนลูกให้ทำแบบนี้
โรต้าไวรัส สาเหตุโรคอุจจาระร่วง วิจัยเผยส่งผลต่อพัฒนาการทารก เสี่ยงไอคิวต่ำ
*ภาพและข้อมูลมีลิขสิทธิ์เจ้าของโดย บริษัท ทิคเกิ้ลมีเดีย จำกัด ไม่อนุญาตให้คัดลอกข้อมูล และนำรูปภาพไปเผยแพร่ต่อไม่ว่าวิธีใด ๆ หากฝ่าฝืน ทางบริษัทฯจะดำเนินการตามกฎหมาย เว้นแต่ได้มีการขออนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรกับทางบริษัทฯเรียบร้อยแล้ว