คงช่วยพ่อแม่มือใหม่ลดความกังวลลงได้อีกเยอะ ถ้าพ่อแม่ได้เห็นหน้าลูกตัวเองในอนาคตแล้วลองฝึกเลี้ยงลูก ป้อนนม ปลอบลูกน้อยตอนร้องไห้ผ่าน แว่นตาเสมือนจริง หรือแว่นตาวีอาร์
ฝึกปรือวิทยายุทธเลี้ยงลูกก่อนเป็นพ่อแม่มือใหม่ หัดเลี้ยงลูกผ่านแอพด้วย แว่นตาเสมือนจริง !!
นักวิจัยในประเทศญี่ปุ่นพัฒนาแอพ Real Baby-Real Family โดยจะทำให้พ่อแม่มือใหม่ได้เห็นหน้าลูกตัวเองในอนาคตได้ ด้วยการนำรูปภาพพ่อกับภาพแม่มาบวกกัน แล้วออกมาเป็นหน้าเบบี๋จำลอง 3 มิติ ที่มีหน้าตาคล้ายพ่อแม่ และให้ว่าที่คุณพ่อคุณแม่ฝึกเลี้ยงลูกได้แบบเสมือนจริงผ่านเทคโนโลยี VR (virtual reality) ที่ทำงานร่วมกับหุ่นเด็กจำลอง ซึ่งจะทำให้คุณพ่อคุณแม่รู้สึกเหมือนกำลังอุ้มลูกน้อยอยู่ในมือจริง ๆ และทดลองเรียนรู้การเลี้ยงลูกในสถานการณ์เสมือนจริง
คุณพ่อคุณแม่จะเจอกับสถานการณ์ที่หุ่นเด็กร้องไห้งอแงเหมือนกับทารกจริง ๆ และต้องพยายามทำให้เด็กหยุดร้องไห้ให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการป้อนนม กอด อุ้ม หรือวิธีอะไรก็ตาม ที่จะทำให้พ่อแม่รู้ว่าในสถานการณ์จริงควรจะตั้งสติเพื่อเลี้ยงดูลูกน้อยยังไง เป็นการซ้อมแบบมือก่อนที่จะเจอของจริง ที่จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่หายประหม่าเรื่องการเลี้ยงลูกได้ดีขึ้น
ลองไปชมวิดีโอวิธีการทดลองเลี้ยงลูกได้อย่างเสมือนจริงกันดูค่ะ
เตรียมความพร้อมก่อนตั้งครรภ์
การเตรียมความพร้อมด้วยการตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์ จึงเป็นวิธีบอกรักวิธีหนึ่ง ที่จะช่วยกลั่นกรอง ส่งเสริมและป้องกันให้เขาเกิดมาสมบูรณ์ แข็งแรงทั้งกายและใจ อีกทั้งมีความเสี่ยงต่อการพิการ และเสียชีวิตน้อยที่สุด
ทำไมจึงต้องตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์
เพื่อให้คนที่จะเป็นพ่อแม่ได้รู้ภาวะสุขภาพของตนเอง รวมถึงโรคทางพันธุกรรมที่อาจส่งผลต่อลูก เช่น ธาลัสซีเมีย โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ฯลฯ รวมถึงตรวจหาเชื้อโรคที่เป็นพาหะแอบแฝงอยู่ในร่างกาย เช่น เชื้อซิฟิลิส เชื้อไวรัสตับอักเสบบี เชื้อเอชไอวี ฯ เพื่อเป็นการป้องกันการติดโรคที่สามารถติดต่อกันได้ระหว่างคู่รักและป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่ลูกด้วย
การเตรียมพร้อมก่อนสมรสและก่อนมีบุตรต้องเตรียมอะไรบ้าง
ก่อนสมรส การเลือกคู่ชีวิต ก่อนตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกับใครสักคนเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะความรักเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อการประคับประคองให้ครอบครัวสามารถอยู่ร่วมกันไปได้อย่างราบรื่น การเรียนรู้ซึ่งกันและกันอย่างเปิดเผยจะช่วยให้ทั้งคู่สามารถตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น สิ่งที่ต้องเรียนรู้ประกอบด้วย
อุปนิสัยใจคอ ความรับผิดชอบ การดูแลเอาใจใส่ และวิถีชีวิต พื้นฐานครอบครัว พื้นฐาน การศึกษา เศรษฐกิจ ฐานะการเงินสุขภาพ โรคติดต่อหรือโรคทางพันธุกรรมที่อาจส่งผลต่อครอบครัวในอนาคต และที่สำคัญ ถามใจตัวเองเสมอว่าคนที่เลือกคือ “คนที่ใช่” คนที่พร้อมจะดูแล “ร่วมทุกข์ ร่วมสุข” หรือไม่
ก่อนมีบุตร
ช่วงวัยที่มีแนวโน้มที่เหมาะสมต่อการมีบุตร ผู้หญิงควรมีอายุระหว่าง 20-34 ปี เพราะร่างกายมีความสมบูรณ์แข็งแรง มีเรี่ยวแรงในการเลี้ยงดูบุตร มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ และมีเสถียรภาพทางการเงิน การเตรียมความพร้อมควรปฏิบัติดังนี้
1. การเตรียมความพร้อมด้านร่างกาย น่าจะเป็นเรื่องที่หาข้อมูลได้ง่ายทั่วไป เห็นชัดที่สุด แต่เราก็ยังมีคำแนะนำดีๆมาฝากกันให้ลองปฏิบัติกัน ดังนี้• หญิงวัยเจริญพันธุ์ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และควรทานอาหารที่อุดมด้วยธาตุเหล็กสูง ได้แก่ ตับ เลือด เนื้อสัตว์ เนื้อแดงต่าง ๆ เครื่องในสัตว์ ไข่แดง อาหารทะเล ผักใบเขียวเข้ม ถั่วดำ ถั่วแดง ข้าวโอ๊ต เป็นต้น
1.1 กินวิตามินเสริมธาตุเหล็กและกรดโฟลิก (เฟอร์โรโฟลิก) เพื่อช่วยลดภาวะซีด และลดความเสี่ยงของทารกพิการแต่กำเนิด
1.2 เลิกบุหรี่ อย่างน้อย 3 เดือนก่อนการตั้งครรภ์
1.3 เลิกดื่มสุรา อย่างน้อย 1 เดือนก่อนการตั้งครรภ์
1.4 ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
1.5 หยุดการคุมกำเนิดทุกวิธี
1.6 มีเพศสัมพันธ์สม่ำเสมอ (สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง)
1.7 รักเดียวใจเดียว
1.8 ตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์
2. การดูแลสุขภาพช่องปาก…เพื่อว่าที่คุณแม่ฟันดี เรื่องฟันหลายคนอาจจะคิดว่าไม่เกี่ยว แต่ลองดูข้อมูลนะ เห็นแล้วว่าที่คุณแม่หลายคนอาจจะลงนัดหมอฟันโดยเร็วเลยก็ได้
หญิงที่วางแผนตั้งครรภ์ ควรรับการตรวจสุขภาพช่องปากเพื่อรับการรักษา ลดความเสี่ยงการติดเชื้อในช่องปาก เพราะการมีฟันผุ เหงือกอักเสบและเป็นโรคปริทันต์ มีผลต่อคุณภาพชีวิตของคุณแม่ขณะตั้งครรภ์รวมถึงผลลัพธ์ของการตั้งครรภ์ เช่น การคลอดก่อนกำหนด เด็กเกิดมามีน้ำหนักน้อยกว่า 2,500 กรัม
ข้อควรปฏิบัติ
– รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ลดการรับประทานอาหารหวาน เน้นการรับประทานผักและผลไม้
– แปรงฟัน 2 2 2 คือแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง ด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ นาน 2 นาที ไม่รับประทานอาหาร เครื่องดื่ม หลังแปรงฟัน 2 ชั่วโมง
– ใช้ไหมขัดฟันอย่างน้อย วันละ 1 ครั้ง
– ควรได้รับการตรวจฟันทุก 6 เดือน และไปรับบริการทันตกรรมตามคำแนะนำ
3.การดูแลสุขภาพจิต สุขภาพกายแข็งแรงไม่พอ สุขภาพใจก็ต้องแข็งแรงไปด้วยกัน ลองทำตามคำปฏิบัติง่ายๆ แบบพื้นฐานกันดู เพื่อเป็นการฟื้นฟูสุขภาพจิตของเราไปในตัว เริ่มจาก
– พักผ่อนอย่างเพียงพอ
– หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่นำไปสู่ความเครียดและทำให้เกิดความวิตกกังวล เช่น รู้สึกเบื่อเซ็ง ไม่อยากพบปะผู้คน มีปัญหาการนอน นอนไม่หลับหรือนอนมาก มีสมาธิน้อยลง หงุดหงิด กระวนกระวาย ว้าวุ่นใจ
– สนับสนุนและเป็นกำลังใจซึ่งกันและกันระหว่างคู่รัก
4.การดูแลสุขภาพการเงินและสังคม ในยุคเศรษฐกิจฝืดเคือง การเก็บออม หรือการศึกษาเรื่องการลงทุนเป็นเรื่องสำคัญ เพราะมีลูก 1 คน ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมากมายเลยทีเดียว
– วางแผนการเงิน เช่น การออมเงิน ฯลฯ
– เตรียมผู้ดูแลหลักในการเลี้ยงดูบุตร
5.การป้องกันตนเองจากปัญหาสิ่งแวดล้อม สภาพอากาศไม่ดี ส่งผลต่อลูกน้อยได้เช่นกัน จึงนำข้อปฏิบัติง่ายๆมาฝากกัน เริ่มทำตามง่ายๆ โดย
– หลีกเลี่ยงการสัมผัสฝุ่น ขนาด2.5 ไมครอน ขณะตั้งครรภ์ช่วง 3 เดือนแรก
(พบการสัมผัสฝุ่น NO2 , SO2, CO จากถนนสายหลัก เขตจราจร หรืออื่น ๆ ขณะตั้งครรภ์ช่วงไตรมาสแรก มีผลต่อความดันโลหิตสูง การคลอดก่อนกำหนด และน้ำหนักแรกเกิดน้อย)
– รับประทานอาหารทะเลและปลาน้ำลึกปริมาณมาก ๆ ขณะตั้งครรภ์ช่วง 3 เดือนแรก
– หลีกเลี่ยงการสัมผัสและฉีดพ่นสารเคมี (สารเคมีจะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อน้ำหนักแรกเกิดน้อย การเจริญเติบโตของทารกและขนาดเส้นรอบศีรษะผิดปกติ)
วันนี้เราได้รวบรวมความพร้อมด้านการมีลูกในหลาย ๆ มิติมาให้ศึกษากันก่อนที่จะวางแผนการมีลูกนะคะ กับขั้นตอนง่าย ๆ และไม่ซับซ้อนเพียงเท่านี้ ก็จะช่วยส่งเสริมให้คุณแม่และลูกน้อยแข็งแรง พร้อมกับส่งเสริมพัฒนาศักภาพในการเลี้ยงลูกเป็นคนดีของสังคม และประเทศชาติต่อไปค่ะ
ที่มา : www.thaimarketing.in.th
บทความอื่นที่น่าสนใจ :
พ่อแม่หายห่วง แอพติดตามลูกอยู่ไหน พร้อมวิธีติดตั้งง่ายๆ
แม่ท้องรู้ยัง เช็คสิทธิประกันสังคมผ่านแอพได้แล้วนะ