เรื่องราวนี้เป็นเรื่องจริงที่คุณแม่ได้แชร์ผ่านเพจดังอย่าง HerKid รวมพลคนเห่อลูก ว่าลูกชายได้ป่วยเป็นไวรัสลงกระเพาะ ซึ่งผลข้างเคียงอันตรายที่ตามมาก็คือ ภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรง
“น้องอาเจียนมาก โดยที่คุณยายเล่าให้ฟังว่า ลูกชายทานข้าวได้น้อยลง แต่แม่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร คิดแต่ว่า ลูกอาจจะทานขนมอิ่มเลยไม่อยากกินข้าว ซึ่งเย็นวันนั้น แม่ก็ได้เอานมให้ลูกดื่ม น้องก็ดื่มได้น้อยและอาจเพลียมากจนหลับไป“แม่กล่าว
พอรุ่งขึ้น น้องก็ตื่นขึ้นมาเล่นตามปกติ คุณยายก็ป้อนข้าวให้ แต่น้องก็ไม่ยอมทาน คุณยายก็ให้ดื่มนมอีก พอดื่มเสร็จ น้องก็อาเจียนออกมาหมด คุณยายเลยเปลี่ยนมาให้น้องดื่มน้ำแทน น้องดื่มไปได้ประมาณ 2 ออนซ์ คุณยายให้ทานอะไร ก็อาเจียนหมด ปัสสาวะออกน้อยมาก โดยทั้งวันน้องปัสสาวะเพียง 2 ครั้งเท่านั้น
พอแม่กลับมาจากทำงาน ก็รีบพาน้องไปโรงพยาบาลแถวบ้านทันที พอหมอตรวจ หมอก็บอกว่าน้องปกติดี เนื่องจากน้องร่าเริง ไม่ซึม และสามารถเล่นได้ตามปกติ จึงให้น้องกลับบ้าน แม่ก็เลยให้น้องดื่มนมอีก เพราะน้องไม่ได้กินอะไรมาทั้งวันน่าจะหิว พอน้องกินเสร็จก็อาเจียนออกมาหมด เลยให้ทานยาไปประมาณ 2 ซีซี แต่น้องก็ยังคงอาเจียนออกมาเหมือนเดิม
ทำให้แม่เกิดความกังวลมาก จึงตัดสินใจพาลูกกลับมาโรงพยาบาลอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ หมอตรวจละเอียดมากกว่าเดิม ผลวินิจฉัยคือ น้องเป็นไวรัสลงกระเพาะ แน่นอนอยู่ที่โรคนี้ไม่ได้เป็นอันตรายมาก แต่หากร่างกายขาดน้ำมาก ก็อาจทำให้ช็อกจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ ซึ่งตอนที่หมอตรวจครั้งที่สองนั้น หมอบอกว่า น้องมีอาการขาดน้ำขั้นรุนแรง หากแม่มาช้ากว่านี้ ก็อาจทำให้เสียชีวิตได้ โดยคาดว่าสาเหตุที่น้องป่วยเป็นโรคนี้นั้น อาจจะเกิดจากการการรับประทานอาหารที่ไม่สดใหม่ ขวดนมล้างไม่สะอาด หรืออมของเล่นที่สกปรก จึงอยากเตือนแม่ ๆ ว่า หากลูกอาเจียนบ่อย อย่ารอช้า รีบพาไปโรงพยาบาลทันที”
คุณพ่อคุณแม่ทราบหรือไม่คะว่า โรคไวรัสลงกระเพาะนั้นจัดได้ว่าเป็นอีกโรคหนึ่งที่พบมากในโรงเรียนอนุบาล โดยพญ. สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ อธิบายเกี่ยวกับโรคไวรัสลงกระเพาะและลำไส้ (viral gastroenteritis) ว่า เกิดจากเชื้อไวรัสซึ่งมีหลายสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดโรค ที่สำคัญและเป็นที่รู้จักกันมาก คือ เชื้อโรต้าไวรัส การติดต่อของเชื้อไวรัส เกิดจากการสัมผัสกับน้ำมูก น้ำลาย อุจจาระ จากการคลุกคลีกับเด็กที่มีเชื้อโดยตรงหรือการสัมผัสสิ่งของที่มีเชื้ออยู่ แล้วเอามือเข้าปาก
อาการ
ระยะฟักตัวหลังการสัมผัสโรคจนแสดงอาการอาจใช้เวลาสั้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง จนถึง 2 วัน เริ่มจากอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งเป็นนานประมาณ 1-5 วัน ต่อมาอาจมีถ่ายเหลว ซึ่งอาจเป็นอยู่ 2-3 วันหรือนานเป็นสัปดาห์ มักถ่ายเป็นน้ำหรืออาจมีมูกเลือด มีไข้ต่ำๆ หรือไข้สูงก็ได้
การรักษา
1. หมอจะฉีดยาแก้อาเจียนเข้ากล้ามเนื้อต้นขาหรือสะโพก แล้วสังเกตอาการประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วให้ลองจิบน้ำ ถ้าไม่มีอาเจียนอีก ให้กลับไปดูอาการต่อที่บ้านได้
2. ยาฉีดจะออกฤทธิ์นาน 6 ชั่วโมง เมื่อใกล้หมดฤทธิ์ยาฉีด ให้ยาแก้อาเจียนทานต่อเนื่องอีกประมาณ 1-2 วัน
3. ถ้าฉีดยาแล้วยังมีอาเจียนอีกหรือไม่อาเจียนแล้วแต่ไม่ยอมทานอะไรเลย หมอจะรับตัวไว้ในโรงพยาบาลเพื่อให้น้ำเกลือทางเส้นเลือด เพื่อแก้ไขภาวะขาดน้ำและพลังงาน
ที่มา: Herkid รวมพลคนเห่อลูก
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:
สมาธิสั้นแท้ VS สมาธิสั้นเทียม ต่างกันอย่างไร
โรคติดต่อที่มักพบในโรงเรียนอนุบาล