ประเด็นนี้ถูกหยิบมาพูดคุยในที่ประชุมวิชาการโภชนาการแห่งชาติครั้งที่ 11 จัดขึ้นเมื่อช่วงปลายปี 2560 ในหัวข้อการประชุม “นมสำหรับเด็กเล็กกับภาวะโภชนาการและการเจริญเติบโต” มีการนำเสนอปัญหาที่พบในเด็กวัยเตาะแตะกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย โดยวิตามินแร่ธาตุที่พบว่าเด็กวัยเตาะแตะได้รับไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ได้แก่ วิตามิน A วิตามิน D วิตามิน C โฟเลต แคลเซียม เหล็ก ไอโอดีน แม้แต่ละวันร่างกายเด็กมีความต้องการสารอาหารเหล่านี้ในปริมาณน้อย แต่หาก ขาดวิตามินแร่ธาตุ อย่างต่อเนื่อง ย่อมส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตทั้งร่างกายและสมองในวัยที่มีการเจริญเติบโตมากที่สุดอีกช่วงหนึ่งของชีวิต โดยสาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งมาจากปัญหาความไม่มั่นคงทางอาหารของครอบครัว
ดร.อุรุวรรณ แย้มบริสุทธิ์ นักวิชาการหน่วยมนุษยโภชนาการ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้รวบรวมงานวิจัยที่เคยมีในต่างประเทศมาสรุป เรื่อง “ความไม่มั่นคงทางอาหารและโรคอ้วนในเด็ก” ตีพิมพ์ในวารสารสาธารณสุขศาสตร์ ปีที่ 48 ฉบับที่ 1 (ม.ค-เม.ย.61) กล่าวโดยสรุปว่า แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงสังคมในปัจจุบันที่ยิ่งทุกวันนี้หลายครอบครัว พ่อแม่ทำงานนอกบ้านทั้งคู่ ไม่ค่อยมีเวลาเตรียมอาหารให้ลูกเอง อาหารที่กินอาจไม่ปลอดภัย หรือเป็นอาหารไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ จึงอาจนำไปสู่การบริโภคอาหารที่มีคุณค่าโภชนาการด้อยลง ส่งผลต่อคุณภาพอาหารของเด็ก เช่น เด็กอาจได้รับมื้ออาหารต่อวันลดลง กินผัก-ผลไม้สดน้อยมาก หรือในอีกทางหนึ่ง เด็กอาจได้รับอาหารทอด-อาหารรสหวานมากขึ้น จึงมีโอกาสสูงมากที่จะทำให้เด็กได้รับพลังงานมากเกินและอาจทำให้เกิดการ ขาดวิตามินแร่ธาตุ ในช่วงวัยนี้
นักวิชาการด้านโภชนาการจึงแนะแนวทางป้องกัน แก้ไขปัญหาโภชนาการวัยเตาะแตะไว้ ดังนี้
หนึ่ง. แม่ต้องมีโอกาสเข้าถึงข้อมูลความรู้ที่ถูกต้อง เกี่ยวกับวิธีจัดอาหารมื้อหลัก และอาหารเสริม พร้อมด้วยการสร้างนิสัยการดื่มนมให้ลูกตั้งแต่เล็ก ตัวอย่างความรู้โภชนาการที่ต้องรู้ให้ชัดเจน เช่น ผัก-ผลไม้สด เป็นแหล่งรวมวิตามินแร่ธาตุจำเป็นต่อการเจริญเติบโต อาทิ วิตามินเอ มีในตับ ฟักทอง ผักใบเขียวและผักที่มีสีเหลือง-ส้ม ช่วยบำรุงเนื้อเยื่อร่างกายและประสาทตา ธาตุเหล็ก ได้จากเนื้อสัตว์ ตับ ไข่แดงและผักใบเขียวเช่นกัน เป็นส่วนประกอบสำคัญของเม็ดเลือดแดง นำพาออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย วิตามินบี 12 ช่วยกระตุ้นระบบประสาทและสมอง มีมากใน ไข่ และเนื้อสัตว์ เช่น ปลา ไก่ วิตามินบี 6 อยู่ในเนื้อสัตว์ ปลา ถั่ว มันฝรั่ง กล้วย มีส่วนช่วยควบคุมการทำงานของสมองและเนื้อเยื่อ โฟเลต ได้จาก ผักใบเขียวต่างๆ เห็ด ถั่วเมล็ดแห้ง และตับ ซึ่งมีส่วนช่วยการสร้าง ส่วนประกอบของเซลล์และเม็ดเลือดแดง ป้องกันอาการซีด ยังมีสารอาหาร ดีเอชเอ และ โอเมก้า 3 ที่ได้จากปลาทะเล สารอาหารกลุ่มนี้มีส่วนช่วยพัฒนาสมองและระบบประสาทสัมผัสซึ่งกำลังเติบโตมากในช่วงวัยนี้ ดังนั้น แต่ละมื้อแต่ละวันจึงต้องให้ลูกกินอาหารที่มาจากแหล่งต่างๆ ที่หลากหลายเพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วน
สอง. การให้ลูกกินนมเป็นอาหารเสริม เพราะโดยธรรมชาติแล้ว นมเป็นแหล่งรวมสารอาหารที่เด็กวัยเตาะแตะต้องการ วัยนี้จึงควรกินนมรสจืดเป็นประจำทุกวันๆ ละ 2-3 แก้ว สำหรับเด็กที่ยังกินนมแม่อยู่ ควรให้นมแม่ต่อไป ส่วนเด็กที่ไม่ได้กินอาหารที่ครบถ้วนสมดุลทุกมื้อทุกวัน นมเสริมสารอาหารสำหรับเด็กเล็ก ที่มีการเสริมวิตามินและเกลือแร่โดยเฉพาะกลุ่มที่มักจะมีปัญหาขาดแคลนในวัยนี้ เช่น วิตามินดี และธาตุเหล็ก ก็เป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับเด็กวัยเตาะแตะที่มีปัญหาเติบโตช้า และช่วยลดโอกาสในการขาดสารอาหารที่จำเป็นได้