ภาวะน้ำคร่ำอุดตันปอด อันตราย เสี่ยงตายทั้งแม่และลูกในครรภ์

ภาวะน้ำคร่ำอุดกั้นปอด เป็นภาวะฉุกเฉินทางสูติศาสตร์ที่ไม่มีผู้ใดอยากให้เกิดขึ้นเนื่องจากเป็นภาวะที่อันตราย และอาจรุนแรงถึงขั้น เสียชีวิตได้

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ภาวะน้ำคร่ำอุดตันปอด เป็นภาวะที่อันตรายอย่างยิ่งสำหรับหญิงตั้งครรภ์ ซึ่งหลายท่านอาจไม่คุ้นหูนัก เรามาทำความรู้จักกับภาวะน้ำคร่ำอุดตันปอดกันครับ

ภาวะน้ำคร่ำอุดตันปอด อันตราย

ภาวะน้ำคร่ำอุดตันปอด เป็นภาวะฉุกเฉินทางสูติศาสตร์ที่พบในหญิงตั้งครรภ์ แต่ไม่บ่อยนัก ประมาณ 1 ต่อ 80,000 ราย แต่ก็จัดว่าเป็นภาวะแทรกซ้อนที่มีความรุนแรงมาก เพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่มีโอกาสรอดชีวิตน้อยมาก

ปัจจุบันยังไม่สามารถสรุปสาเหตุของการเกิดได้ชัดเจน แต่ปัจจัยที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับภาวะนี้ ประกอบด้วย หญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุมาก ความอ้วน การตั้งครรภ์มากกว่า 5 ครั้ง การคลอดเร็ว การชักนำการคลอดด้วยยา การผ่าตัดคลอดบุตร  ภาวะรกเกาะต่ำ ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด ภาวะชักจากครรภ์เป็นพิษ และภาวะทารกเครียดในครรภ์ ปัจจัยข้างต้นอาจไม่ใช่สาเหตุโดยตรง แต่มีความเกี่ยวข้องกับภาวะน้ำคร่ำอุดกั้นปอด และไม่สามารถคาดเดาได้ว่า จะเกิดขึ้นหรือไม่ จะเกิดขึ้นเมื่อใด อีกทั้งยังไม่สามารถป้องกันได้


ความผิดปกติที่เกิดขึ้นภายในครรภ์

ถุงน้ำคร่ำที่หุ้มตัวทารกขณะที่อยู่ในครรภ์เกิดแตกออกในช่วงที่มารดาเริ่มเจ็บท้อง หรือช่วงคลอด ทำให้น้ำคร่ำรวมทั้งชิ้นส่วนของทารกเกิดหลุดเข้าไปตามรูแตกบนเส้นเลือดที่ตัวมดลูก ไปอุดอยู่ตามเส้นเลือดเล็ก ๆ ของอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกาย และที่สำคัญที่สุด คือ ปอด ทำให้เกิดการอุดตันและหดเกร็งของเส้นเลือดในปอด ร่างกายจึงขาดอากาศ และทำให้หัวใจล้มเหลวตามมา เหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ปุบปับ คาดไม่ถึง และอธิบายไม่ได้

อาการผิดปกติทางร่างกายที่พบบ่อย

  • กระสับกระส่าย
  • หายใจลำบาก
  • ปาก เล็บและผิวหนังตามตัวเขียวคล้ำ
  • ช็อก หมดสติ ชักเกร็ง
  • เลือดไม่แข็งตัว และเสียชีวิตในที่สุด

เมื่อเกิดภาวะน้ำคร่ำอุดกั้นปอดขึ้นแล้วจะพบอัตราการเสียชีวิต ได้ถึงร้อยละ 20 ถึง 90 ขึ้นอยู่กับความพร้อมของสถานพยาบาลแต่ละแห่ง

ส่วนทารกจะเสียชีวิตตามมารดาเพราะขาดออกซิเจน แต่ก็มีมารดาส่วนน้อยที่รอดเสียชีวิต ซึ่งอาจเป็นเพราะน้ำคร่ำที่หลุดเข้าเส้นเลือดมีจำนวนไม่มากนัก และการอุดตันไม่เกิดซ้ำ ร่างกายจึงขาดอากาศไม่นานและไม่มาก ทำให้แพทย์มีเวลาช่วยเหลือและแก้ปัญหาได้สำเร็จ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

และหากมารดารอดชีวิตก็จะพบว่ามีการบาดเจ็บทางระบบประสาทอย่างรุนแรงได้มากถึงร้อยละ 85 ส่วนผลลัพธ์ของทารกในครรภ์นั้นยังมีอัตราการเสียชีวิตถึงร้อยละ 20 ถึง60 ในส่วนของทารกที่รอดชีวิตจะมีระบบประสาทปกติเพียงร้อยละ 50 เท่านั้น

แนวทางการรักษาและป้องกัน

ปัจจุบัน ยังไม่มีวิธีใดที่แน่นอน ที่จะบอกว่าเป็นโรคนี้ และยังไม่มีวิธีใดที่ดีที่สุดที่จะใช้รักษาภาวะนี้ได้ คงมีแต่เพียงการรักษาตามอาการ และแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้า เช่น การใส่ท่อช่วยหายใจ การให้เลือด หรือการให้ยาบางตัว และเพื่อหวังว่าขบวนการการเกิดโรคนี้จะไม่เกิดซ้ำ แต่ถึงแม้จะไม่เกิดซ้ำ โอกาสที่แม่จะรอดชีวิตก็ยังยาก ส่วนการผ่าตัดคลอดเพื่อช่วยเหลือลูก บางครั้งก็ทำไม่ทันหรืออาจไม่คุ้ม เพราะการผ่าตัดในขณะที่แม่ยังอาการไม่ดีนั้น กลับจะทำให้แม่แย่ลง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

แม้ว่าภาวะแทรกซ้อนหลาย ๆ อย่างที่อาจเกิดขึ้นในคนท้อง ซึ่งบางครั้งอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้นั้นอาจจะป้องกันไม่ได้ก็ตาม แต่ทว่าการฝากท้องแต่เนิ่นๆ และสม่ำเสมอก็ยังเป็นสิ่งที่คนท้องควรปฏิบัติ เพราะจะเกิดประโยชน์อย่างมาก ช่วยลดความเสี่ยงของปัญหาที่จะเกิดจากโรคต่างๆ และแพทย์จะได้ ป้องกันความผิดปกติที่จะเกิดขึ้น เพื่อที่แม่และลูกจะได้มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงครับ


ที่มา si.mahidol.ac.th, thaihealth.or.th

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความโดย

P.Veerasedtakul