ลูกชอบตีตัวเอง สัญญาณเตือนที่พ่อแม่ต้องรู้ และวิธีหยุดอย่างปลอดภัย

ทำไมลูกชอบตีตัวเอง เอาหัวโขกผนังบ้าน ทำให้ตัวเองเจ็บตัว เช็กสัญญาณเมื่อลูกเริ่มทำร้ายตัวเอง
ทำไม? ลูกชอบตีตัวเอง การที่ลูกเล็กตีตัวเอง เอาหัวโขกผนัง หรือทำให้ตัวเองเจ็บตัว เป็นพฤติกรรมที่น่ากังวลสำหรับพ่อแม่ แต่บ่อยครั้งมันคือ “ภาษา” ที่ลูกใช้เมื่อไม่สามารถสื่อสารความต้องการได้
บทความนี้จะช่วยให้พ่อแม่เข้าใจสาเหตุเบื้องหลังพฤติกรรมทำร้ายตัวเองของเด็กเล็ก สัญญาณที่ควรสังเกต และวิธีการรับมืออย่างเหมาะสม
▼สารบัญ
ถอดรหัสพฤติกรรม: ทำไม ลูกชอบตีตัวเอง
-
พัฒนาการที่ไม่สมดุล: ร่างกายไปไวกว่าอารมณ์
เด็กเล็กมักมีพัฒนาการทางร่างกาย (เดิน วิ่ง พูด) ที่เร็วกว่าการพัฒนาทางอารมณ์และสมอง โดยเฉพาะสมองส่วนหน้าที่ควบคุมความยับยั้งชั่งใจและเหตุผล ยังไม่พัฒนาเต็มที่ จึงแสดงออกด้วยการร้องกรี๊ด ลงไปนอนดิ้น ตีตัวเอง หรือแม้แต่เอาหัวโขกกำแพง เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่รับมือไม่ไหว เช่น โมโหหรือสื่อสารไม่รู้เรื่อง
-
อารมณ์ที่ท่วมท้น: เด็กยังจัดการอารมณ์ไม่เป็น
เด็กบางคนเมื่อรู้สึกเศร้า โกรธ หรือเครียดมากๆ อาจไม่มีคำพูดมาอธิบายอารมณ์ของตน จึงใช้วิธีแสดงออกทางร่างกาย เช่น การตีหัวตัวเอง กระทืบเท้า ฯลฯ เพราะพวกเขายังไม่มีเครื่องมือจัดการอารมณ์ที่ดีพอ
การควบคุมอารมณ์เป็นทักษะที่ต้องฝึกฝนและพัฒนา เด็กยังไม่มีทักษะนี้จึงตอบสนองแบบ “ทันทีทันใด” (impulsive) อย่างไรก็ตาม เด็กที่ได้รับการตอบสนองทางอารมณ์จากผู้ดูแลอย่างสม่ำเสมอ จะเรียนรู้วิธีจัดการอารมณ์ได้ดีขึ้น
-
ความเจ็บปวดที่สื่อสารไม่ได้
บางครั้งการทำร้ายตัวเองไม่ใช่เพราะอารมณ์ แต่เป็นการพยายามบอกว่า “หนูเจ็บ” เช่น ปวดฟัน ปวดหู หรือรู้สึกไม่สบาย แต่ยังไม่มีคำพูดอธิบาย จึงแสดงออกผ่านพฤติกรรม
เด็กใช้การแสดงออกทางกายภาพเป็น “preverbal communication” ก่อนที่จะมีทักษะการพูด งานวิจัยพบว่าเด็กเล็กอาจแสดงความเจ็บปวดโดยการตีหัวตัวเองหรือร้องกรี๊ดมากกว่าการพูดว่า “เจ็บ”
หากคุณพ่อคุณแม่สังเกตเห็นพฤติกรรมรุนแรงร่วมกับอาการป่วย เช่น ไข้ ไม่ยอมกินข้าว ควรพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย
-
การสื่อสารและการเรียกร้องความสนใจ
ถ้าพฤติกรรมเช่นตีหัวตัวเองทำให้พ่อแม่หันมาสนใจ เด็กอาจเรียนรู้ว่า “ทำแบบนี้แล้วได้ผล” จึงทำซ้ำเพื่อให้ได้รับการตอบสนอง แม้จะเป็นการดุหรือห้ามก็ตาม เพราะเด็กต้องการ “การเชื่อมโยงทางอารมณ์” ไม่ว่าจะในทางบวกหรือลบ
ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสนใจเชิงบวกเมื่อลูกแสดงพฤติกรรมดี และใช้วิธีสงบ ไม่ดุแรงเมื่อลูกแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม เพื่อไม่ให้เด็กยึดพฤติกรรมรุนแรงเป็นเครื่องมือ
สัญญาณเตือน: เมื่อลูกเริ่มทำร้ายตัวเอง สิ่งที่ควรสังเกต
การสังเกตสัญญาณเตือนจะช่วยให้ผู้ปกครองเข้าใจว่าพฤติกรรมทำร้ายตัวเองของเด็กเล็กไม่ใช่แค่เรื่องดื้อหรือเอาแต่ใจ แต่คือ “เสียงร้องขอความช่วยเหลือ” ที่ต้องสังเกตอย่างละเอียด
สิ่งที่ควรสังเกต เมื่อลูกเร่ิมทำร้ายตัวเอง | |
1. พฤติกรรมที่เกิดซ้ำบ่อย |
|
2. บริบทและสถานการณ์รอบตัว |
|
3. ระดับความรุนแรงของพฤติกรรม |
|
หากพฤติกรรมมีความรุนแรงมากขึ้น หรือเริ่มเป็นอันตรายต่อตัวลูก ควรหาวิธีหยุดและจัดการอย่างเร่งด่วนที่สุด และควรปรึกษานักจิตวิทยาเด็ก หรือจิตแพทย์เด็กเพื่อหาสาเหตุและแนวทางดูแลต่อไป
รับมืออย่างถูกวิธี: หยุดพฤติกรรม ลูกชอบตีตัวเอง
เมื่อลูกแสดงพฤติกรรมทำร้ายตัวเอง สิ่งสำคัญที่สุดคือการรับมืออย่างถูกวิธี โดยมีหลักในการจัดการดังนี้
- หยุดพฤติกรรมทันทีในพื้นที่ปลอดภัย
เมื่อสังเกตเห็นลูกเริ่มทำร้ายตัวเอง ให้หยุดการกระทำนั้นทันที ด้วยความนุ่มนวลแต่เด็ดขาด หากลูกไม่หยุด ให้ใช้วิธีกอดลูกไว้แน่น ๆ ด้วยความสงบ หากลูกยังคงไม่หยุด ให้ พาลูกไปที่มุมสงบของบ้าน เช่น มุมห้องที่ไม่มีสิ่งของอันตราย และกอดรัดเขาไว้จนกว่าพฤติกรรมนั้นจะหยุดลง
- พาลูกออกจากพื้นที่อันตราย
ในกรณีที่ลูกเริ่มทำร้ายตัวเองในบริเวณที่มีความเสี่ยงหรืออันตราย เช่น ใกล้บันได ของมีคม หรือวัตถุที่อาจหล่นใส่ได้ ให้พาลูกออกจากบริเวณนั้นทันที ก่อนที่จะเข้าหยุดพฤติกรรมตามข้อ 1 ในพื้นที่ที่ปลอดภัยกว่า
- สื่อสารด้วยความสงบ อย่าเพิ่งดุด่า
ระหว่างที่เข้าหยุดพฤติกรรมลูก ไม่จำเป็นต้องสั่งสอน ดุด่าว่ากล่าว หรือแสดงความไม่พอใจ ให้คุณพ่อคุณแม่คงความสงบและมั่นคงไว้ แสดงออกให้ลูกรับรู้ว่าการทำร้ายตัวเองนั้นไม่สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการเรียกร้องความสนใจ หรือจัดการกับอารมณ์ที่รุนแรงได้ การแสดงออกที่มั่นคงของคุณจะช่วยให้ลูกเรียนรู้และเข้าใจขอบเขตที่ชัดเจน
สอนให้ลูกเรียนรู้ทางเลือกที่เหมาะสม
นอกจากการหยุดพฤติกรรมในทันทีแล้ว การป้องกันและสอนทางเลือกที่เหมาะสมให้ลูกจะช่วยให้ลูกสามารถจัดการกับอารมณ์และสื่อสารความต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. ปรับลดปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดอาการทำร้ายตัวเอง
- สังเกตและจัดการสถานการณ์ที่กระตุ้น: หมั่นสังเกตว่าสถานการณ์ใดที่มักทำให้ลูกหงุดหงิด และพยายามลดหรือปรับเปลี่ยนสถานการณ์เหล่านั้น
- สร้างกิจวัตรที่สม่ำเสมอ: การมีตารางเวลาที่แน่นอนจะช่วยให้ลูกรู้สึกมั่นคงและลดความสับสน ซึ่งช่วยลดอารมณ์ด้านลบ
- ให้ทางเลือกแก่ลูกบ้าง: เปิดโอกาสให้ลูกได้ตัดสินใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น “หนูอยากใส่ชุดไหนวันนี้?” เพื่อให้เขารู้สึกมีส่วนร่วมและควบคุมสถานการณ์ได้
2. สอนวิธีจัดการอารมณ์อย่างเหมาะสม
- ช่วยให้ลูกเข้าใจอารมณ์: ชวนลูกคุยถึงความรู้สึกของเขา เช่น “หนูโกรธใช่มั้ย?” หรือ “หนูเสียใจเหรอ?” พร้อมสอนวิธีแสดงออกอย่างเหมาะสม
- ฝึกทักษะการผ่อนคลาย: สอนเทคนิคง่ายๆ เพื่อให้ลูกสงบลงได้ เช่น การหายใจเข้าออกลึกๆ หรือการกอดตุ๊กตาตัวโปรด
- เป็นแบบอย่างที่ดี: คุณพ่อคุณแม่ควรแสดงให้ลูกเห็นถึงการจัดการอารมณ์ของตนเองอย่างใจเย็นและมีเหตุผล เพราะลูกเรียนรู้จากตัวอย่างที่ดีที่สุด
3. เสริมสร้างทักษะการสื่อสาร
- ส่งเสริมการใช้คำพูด: เมื่อลูกถึงวัยที่เหมาะสม ให้ส่งเสริมและสนับสนุนให้ลูกพูดและแสดงออกความต้องการด้วยคำพูด แทนการใช้พฤติกรรม
- รับฟังและตอบสนอง: รับฟังสิ่งที่ลูกต้องการสื่อสารอย่างตั้งใจ และตอบสนองความต้องการของลูกอย่างเหมาะสมและทันท่วงที จะช่วยให้ลูกรู้สึกว่าเสียงของเขาสำคัญและไม่ต้องใช้พฤติกรรมรุนแรงเพื่อเรียกร้องความสนใจ
การที่ ลูกชอบตีตัวเอง เป็นสัญญาณที่บอกว่า ลูกกำลังต้องการความช่วยเหลือและความเข้าใจจากพ่อแม่ พ่อแม่จึงต้องสังเกตและทำความเข้าใจ เพื่อหาวิธีรับมือกับสถานการณ์อย่างเหมาะสม เมื่อลูกรู้สึกปลอดภัยและได้รับการสอนวิธีสื่อสารที่เหมาะสม พฤติกรรมทำร้ายตัวเองก็จะลดลงและหายไปในที่สุดค่ะ
ที่มา : เลี้ยงลูกตามใจหมอ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ทำความเข้าใจ ลูกชอบสั่ง ลูกเอาแต่ใจ เกิดจากอะไร พ่อแม่ต้องแก้ยังไง
เลี้ยงลูกแบบไม่ดุ 7 เคล็ดลับ ปรับวิธีพูดให้ลูกเชื่อฟัง
Self-control ทักษะควบคุมตัวเอง ฝึกง่ายๆ ตั้งแต่เด็ก โตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะ