ลูกดิ้นตอนกี่เดือน นับลูกดิ้นยังไง การดิ้นของลูกน้อยในครรภ์ เรื่องสำคัญที่แม่ต้องรู้

การดิ้นของลูกน้อยในครรภ์เป็นสิ่งสำคัญ ที่คุณแม่ต้องสังเกต ลูกดิ้นตอนกี่เดือน การดิ้นสำคัญอย่างไร และวิธีนับลูกดิ้นที่คุณแม่ท้องควรรู้

การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่แสนวิเศษ เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ความหวัง และความกังวล คุณแม่ทุกคนต่างปรารถนาที่จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกน้อยในครรภ์ แต่ด้วยความที่ลูกน้อยยังไม่สามารถสื่อสารออกมาได้ การติดตามสุขภาพของเขาจึงอาศัยการสังเกตจากคุณแม่เป็นสำคัญ โดยเฉพาะการดิ้นของลูกน้อย ลูกดิ้นตอนกี่เดือน การดิ้นสำคัญอย่างไร นับลูกดิ้นยังไง คือสิ่งที่คุณแม่ท้องควรรู้

ลูกดิ้นตอนกี่เดือน การดิ้นของทารกในครรภ์ บอกอะไรเราได้บ้าง? 

ทารกในครรภ์จะเริ่มดิ้นตั้งแต่อายุครรภ์ประมาณ 7-8 สัปดาห์ แต่คุณแม่ส่วนใหญ่จะเริ่มรู้สึกถึงการดิ้นได้ชัดเจนในช่วงไตรมาสที่ 3 การดิ้นของลูกน้อยเกิดจากการพัฒนาของระบบประสาท กล้ามเนื้อ และกระดูก ซึ่งเป็นพัฒนาการตามธรรมชาติ

ลักษณะการดิ้นของลูกน้อยแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป บางคนอาจดิ้นแรงและถี่ บางคนอาจดิ้นเบาและช้า ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น

  • ช่วงเวลา ทารกในครรภ์มักจะดิ้นร่าเริงในช่วงเวลาที่คุณแม่นอนพัก หรือหลังทานอาหาร
  • ปริมาณน้ำตาลในเลือด หลังจากรับประทานอาหาร ปริมาณน้ำตาลในเลือดของคุณแม่จะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ลูกน้อยมีพลังงานในการดิ้นมากขึ้น
  • กิจกรรมของแม่ การเคลื่อนไหวร่างกายของแม่ อาจส่งผลให้ลูกน้อยรู้สึกเหมือนถูกกล่อมจนหลับ และดิ้นน้อยลง

ลูกดิ้นรู้สึกแบบไหน?

ในช่วงไตรมาสที่ 3 (อายุครรภ์ 28 สัปดาห์ขึ้นไป) คุณแม่จะเริ่มรู้สึกถึง “การดิ้น” ของลูกน้อย ช่วงแรกๆ คุณแม่จะรู้สึกเหมือนมีอะไร กระตุกเบาๆ ในท้อง เมื่ออายุครรภ์มากขึ้น การดิ้นจะชัดเจนขึ้น รู้สึกได้ถึงการ เตะ ต่อ กลิ้ง หรือ พลิกตัว ของลูก ซึ่งถือเป็นสัญญาณเบื้องต้นที่บ่งบอกถึงกิจกรรมและความเป็นอยู่ของเขา การนับลูกดิ้นจึงเปรียบเสมือนการฟัง “เสียงพูด” จากลูกน้อย ช่วยให้คุณแม่ประเมินสุขภาพเบื้องต้นได้ด้วยตัวเอง 

นับลูกดิ้นยังไง ทำไมการนับลูกดิ้นจึงสำคัญ? 

การนับลูกดิ้นเป็นวิธีง่ายๆ ในการติดตามสุขภาพทารกในครรภ์ ช่วยให้คุณแม่สามารถสังเกตความผิดปกติของการดิ้นได้ตั้งแต่เนิ่นๆ โดยปกติแล้ว ทารกในครรภ์จะมีรูปแบบการดิ้นที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ แม้ว่าจำนวนครั้งอาจจะแปรปรวนไปบ้างในแต่ละวัน

การนับลูกดิ้นอย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้คุณแม่สามารถจดบันทึก เกี่ยวกับรูปแบบการดิ้นของลูกน้อยได้ หากสังเกตว่าลูกดิ้นน้อยลงผิดปกติ หรือหยุดดิ้นไปนานเกินไป อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าทารกมีภาวะขาดออกซิเจน ซึ่งเป็นภาวะที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน

ลูกดิ้นตอนกี่เดือน

เทคนิคการนับลูกดิ้น นับลูกดิ้นยังไง

การนับลูกดิ้นมี 2 วิธีหลัก ดังนี้

  1. นับลูกดิ้นยังไง นับหลังทานอาหาร:

  • เลือกช่วงเวลาหลังทานอาหาร 3 มื้อ (เช้า กลางวัน เย็น) ที่สะดวกของคุณแม่
  • ใช้เวลานับประมาณ 1 ชั่วโมงต่อมื้อ
  • นอนตะแคงข้างซ้ายหรือขวา ในท่าที่สบาย วางมือบนหน้าท้อง
  • รู้สึกถึงการดิ้นไหว หรือ การกระแทก ของลูกน้อย นับเป็น 1 ครั้ง
  • รวมจำนวนครั้งที่รู้สึกถึงการดิ้น ทั้งสิ้น 3 ชั่วโมง
  • (ตัวอย่าง: หลังทานอาหารเช้ารู้สึก 5 ครั้ง หลังอาหารกลางวันรู้สึก 4 ครั้ง หลังอาหารเย็นรู้สึก 7 ครั้ง รวมเป็น 16 ครั้ง)
  1. นับลูกดิ้นยังไง นับในช่วงเวลา 4 ชั่วโมง:

  • เลือกช่วงเวลาที่ลูกน้อยดิ้นร่าเริง เช่น ช่วงเช้าตรู่ หรือ หลังทานอาหารเย็น
  • ใช้เวลา 4 ชั่วโมงในการนับ
  • ปฏิบัติเหมือนข้อ 1

นับลูกดิ้นยังไง

เคล็ดลับการนับลูกดิ้นให้แม่นยำ

  • เตรียมพร้อม หาสถานที่เงียบสงบ ปราศจากสิ่งรบกวน เตรียมกระดาษ ปากกา เพื่อบันทึกข้อมูลการนับลูกดิ้น
  • ดื่มน้ำ การดื่มน้ำเปล่าก่อนการนับลูกดิ้น อาจช่วยให้ลูกน้อยมีพลังงานในการดิ้นมากขึ้น
  • จับเวลา ตั้งนาฬิกาปลุก เพื่อให้แน่ใจว่าใช้เวลาในการนับ 1 ชั่วโมงต่อครั้ง หรือ 4 ชั่วโมงตามวิธีที่เลือก
  • สังเกตการดิ้น ลูกดิ้นอาจรู้สึกได้หลายรูปแบบ เช่น กระตุก ดัน หรือ ตีลังกา ทุกๆ การรู้สึกถึงการดิ้น นับเป็น 1 ครั้ง
  • เคลื่อนไหวเบาๆ หากลูกน้อยดิ้นน้อย ลองกระตุ้นเบาๆ โดยการดื่มน้ำเย็น หรือ เขย่าตัวเบาๆ
  • บันทึกข้อมูล หลังจากการนับ ให้บันทึกวัน เวลา จำนวนครั้งที่รู้สึกถึงการดิ้น รวมถึง รูปแบบการดิ้น เพื่อติดตามความสม่ำเสมอ

ข้อควรระวัง:

  • ไม่ควรนับลูกดิ้นหลังทานอาหารอิ่มใหม่ๆ เพราะอาจส่งผลต่อการรับรู้การดิ้นของลูกน้อย
  • ควรเลือกท่าที่สบาย ไม่เครียด และ ผ่อนคลาย เพื่อให้ลูกน้อยมีพื้นที่ในการขยับเขยื้อน
  • ควรปรึกษาแพทย์ หากมีข้อสงสัย หรือ กังวลเกี่ยวกับการนับลูกดิ้น

ลูกดิ้นแบบไหนอันตราย เมื่อไหร่ที่ควรไปพบแพทย์?

แม้ว่าการนับลูกดิ้นจะเป็นวิธีการเบื้องต้น แต่ก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง กรณีต่อไปนี้ คุณแม่ควรไปพบแพทย์ทันที

  • ลูกน้อยดิ้นน้อยกว่า 10 ครั้ง ใน 12 ชั่วโมง
  • ลูกน้อยหยุดดิ้นไปนานเกิน 2 ชั่วโมง
  • รูปแบบการดิ้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน เช่น จากดิ้นแรง กลายเป็นดิ้นเบา หรือ ดิ้นช้าลง
  • คุณแม่มีอาการผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น มีเลือดออกช่องคลอด ปวดท้องน้อย หรือ เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์

การติดตามสุขภาพทารกในครรภ์ นอกเหนือจากการนับลูกดิ้น

การนับลูกดิ้นเป็นเพียงวิธีการเสริม ควบคู่ไปกับการฝากครรภ์ และ การตรวจสุขภาพตามนัดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยแพทย์อาจใช้วิธีการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น

  • การตรวจอัลตราซาวด์ (Ultrasound) เพื่อดูพัฒนาการของทารก ปริมาณน้ำคร่ำ และ ตำแหน่งทารก
  • การตรวจ Non-stress test (NST) เพื่อประเมินการเต้นของหัวใจทารก ขณะที่เขาอยู่ในครรภ์มารดา
  • การตรวจ CTG (Cardiotocography) เพื่อติดตามการเต้นของหัวใจทารก ควบคู่กับการดิ้นของทารก

การติดตามสุขภาพทารกในครรภ์อย่างสม่ำเสมอ ทั้งการนับลูกดิ้น การฝากครรภ์ และ การตรวจสุขภาพตามนัด จะช่วยให้คุณแม่มีความมั่นใจ และ เตรียมพร้อมที่จะต้อนรับสมาชิกใหม่ของครอบครัวได้อย่างปลอดภัย

ที่มา : โรงพยาบาลพญาไท

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

กระตุ้นให้ลูกดิ้น กระตุ้นลูกน้อยในครรภ์ ให้ขยับตัวดุ๊กดิ๊ก ทำอย่างไรได้บ้าง

ลูกดิ้นมาก แข็งแรงจริงเหรอ ลูกดิ้นบ่อยมาก ผิดปกติไหม ทำไมแม่ต้องนับลูกดิ้น

7 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการดิ้นของทารกในครรภ์

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!