อย่ามองแค่เกรด! 5 ทักษะที่มีค่าที่สุด ช่วยลูกรับมือกับอุปสรรคในชีวิต

เพราะความสำเร็จทางวิชาการเพียงอย่างเดียวไม่อาจคุ้มครองลูกจากความยากลำบากของชีวิตได้ ทักษะที่มีค่าที่สุด จึงอยู่ที่การจัดการอารมณ์และแก้ไขปัญหา
แม้ภายนอกจะดูสมบูรณ์แบบด้วยเกรด 4.00 และทำกิจกรรมมากมาย แต่เด็กจำนวนมากอาจซ่อนความเปราะบางทางอารมณ์ไว้ภายใน ไม่ว่าจะเป็นความวิตกกังวล ความเหนื่อยล้า หรือการปิดกั้นความรู้สึก เพราะความสำเร็จทางวิชาการเพียงอย่างเดียวไม่อาจคุ้มครองพวกเขาจากความยากลำบากของชีวิตได้ ทักษะที่มีค่าที่สุด จึงอยู่ที่การจัดการอารมณ์และแก้ไขปัญหา ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการรับมือกับความท้าทายต่างๆ ที่รออยู่ มาดูกันว่า 5 ทักษะที่มีค่าที่สุด ที่ช่วยให้เด็กๆ สามารถรับมือกับอุปสรรคในชีวิตได้อย่างเข้มแข็งจากภายใน มีอะไรบ้าง
5 ทักษะที่มีค่าที่สุด ช่วยลูกรับมือกับอุปสรรคในชีวิต
ทักษะที่มีค่าที่สุด ที่เด็กๆ สามารถพัฒนาได้ไม่ใช่ด้านวิชาการ แต่เป็นการควบคุมอารมณ์และการแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ จุดแข็งเหล่านี้กำหนดว่าเด็กจะรับมือกับมิตรภาพ อุปสรรคความเครียดและความไม่แน่นอนในชีวิต
-
การควบคุมอารมณ์
คือความสามารถในการรู้เท่าทัน เข้าใจ และจัดการอารมณ์ของตนเองได้อย่างเหมาะสม รวมถึงการปรับเปลี่ยนการแสดงออกให้เข้ากับสถานการณ์
เด็กที่ฉลาดอาจมีปัญหาในการจัดการอารมณ์ เช่น โมโหง่ายเมื่อดินสอหัก หรือเจอบทเรียนยาก พ่อแม่ควรสอนให้ลูกสังเกตสัญญาณเตือนเมื่ออารมณ์เริ่มมา และรู้จักหยุดคิดก่อนที่จะแสดงออก ตัวอย่างเช่น เมื่อลูกบอกแม่ว่า “หนูกำลังหงุดหงิด ต้องใจเย็นๆ หน่อย” แสดงให้เห็นว่า ลูกสามารถระบุอารมณ์ตัวเองได้ และนับเป็นความสำเร็จที่ผลการเรียนอย่างเดียวไม่สามารถวัดได้
สิ่งที่พ่อแม่ช่วยได้
- สร้างแบบอย่างที่ดี: แสดงการจัดการอารมณ์เชิงบวกเมื่อเผชิญความเครียดหรือความผิดหวัง
- เสริมสร้างคำศัพท์ทางอารมณ์: ช่วยให้ลูกสามารถระบุและเรียกชื่ออารมณ์ต่างๆ ที่รู้สึกได้
- รับฟังด้วยความเข้าใจ: สร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ลูกแสดงอารมณ์และรับฟังอย่างตั้งใจโดยไม่ตัดสิน
- สอนเทคนิคการจัดการอารมณ์: แนะนำวิธีการต่างๆ เช่น การหายใจลึกๆ การผ่อนคลาย การทำสิ่งที่ชอบ หรือการพูดคุยกับคนที่ไว้ใจ
- แทนที่จะบอกให้ลูก “ใจเย็นๆ!”: ลองเปลี่ยนเป็น “มาคิดดูว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยกันเถอะ” เพื่อช่วยให้ลูกเข้าใจและจัดการอารมณ์ได้ดีขึ้น
-
ความยืดหยุ่นทางจิตใจ
คือความสามารถในการลุกขึ้นใหม่ได้เมื่อเจอปัญหา ความล้มเหลว หรือเรื่องที่ทำให้เสียใจ รวมถึงการหาวิธีจัดการกับความเครียดต่างๆ ได้ดี
เด็กบางคนอาจเสียใจง่ายๆ กับเรื่องเล็กน้อย เช่น ถ้ารู้ว่าเพื่อนไม่ว่างมาเล่นด้วยกัน ก็อาจจะรู้สึกแย่ไปทั้งวัน
สิ่งสำคัญคือการสอนให้เด็กรู้จักวิธี “กลับมาเข้มแข็ง” หรือฟื้นตัวจากความล้มเหลว ความผิดหวังได้เร็วขึ้น อาจจะลองให้เขียนบันทึก ปรับมุมมองความคิด หรือลองตั้งชื่อความรู้สึกของตัวเอง เมื่อทำได้ เด็กจะรู้สึกดีขึ้นและมั่นใจมากขึ้น อย่างเช่น อาจจะบอกตัวเองว่า “วันนี้มันแย่หน่อย แต่ฉันโอเค”
สิ่งที่พ่อแม่ช่วยได้
- ให้ลูกได้ลองผิดลองถูก: ปล่อยให้ลูกเจอปัญหาและเรียนรู้จากความผิดพลาดด้วยตัวเอง
- ให้กำลังใจในความพยายาม: ชื่นชมที่ลูกตั้งใจทำ แม้ผลลัพธ์จะไม่เป็นอย่างที่หวัง
- สอนวิธีแก้ปัญหา: สนับสนุนให้ลูกคิดหาทางออกด้วยตัวเอง แทนที่จะเข้าไปช่วยทันที
- สร้างบ้านที่อบอุ่นและปลอดภัย: ทำให้ลูกรู้สึกว่ามีคนคอยช่วยเหลือและสนับสนุนอยู่เสมอ
- กระตุ้นให้มีการไตร่ตรอง: ลองถามลูกว่า “อะไรที่ช่วยให้หนูผ่านเรื่องนั้นมาได้บ้าง” เพื่อให้เขาได้คิดทบทวนและเรียนรู้วิธีรับมือกับปัญหาต่างๆ ในอนาคต
-
การรู้จักตนเองและมั่นใจในตนเอง
คือการที่เด็กรู้ว่าตัวเองเก่งอะไร ไม่เก่งอะไร อะไรสำคัญกับตัวเอง เชื่อในอะไร และอยากทำอะไร รวมถึงการเชื่อมั่นว่าตัวเองจะรับมือกับเรื่องต่างๆ ได้
เด็กที่เก่งมากๆ ในสายตาคนอื่น บางทีข้างในอาจรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ดีพอ พ่อแม่ควรช่วยให้ลูกเอาชนะความคิดลบๆ ที่อยู่ในใจ และมองเห็นคุณค่าของตัวเองมากขึ้น
ตัวอย่างเช่น เมื่อลูกได้รับรางวัล แทนที่จะบอกว่า “มันก็แค่โชคดี” ลองสอนให้เขาพูดว่า “ฉันภูมิใจที่ทำสำเร็จได้”
สิ่งที่พ่อแม่ช่วยได้
- สนับสนุนความสนใจ: ให้ลูกได้ลองทำกิจกรรมหลากหลายเพื่อค้นหาสิ่งที่ชอบและถนัด
- ให้โอกาสตัดสินใจ: ให้ลูกได้เลือกและตัดสินใจในเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเองบ้าง
- ชมอย่างตรงจุด: บอกลูกว่าทำอะไรได้ดีและเพราะอะไร
- สร้างคุณค่าในตัวเอง: บอกให้ลูกรู้ว่าเขามีความสำคัญและมีคุณค่าในตัวเอง
- ให้กำลังใจในความพยายามของลูก: โดยพูดว่า “พ่อแม่เห็นนะว่าหนูตั้งใจทำสิ่งนี้มากแค่ไหน” เพื่อให้ลูกเห็นคุณค่าของความพยายามของตัวเอง
-
การแก้ปัญหาและการมองภาพรวม
คือความสามารถในการดูว่ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ทำไมถึงเกิด คิดหาวิธีแก้หลายๆ แบบ ลองคิดว่าแต่ละวิธีจะมีผลดีผลเสียอย่างไร แล้วเลือกวิธีที่ดีที่สุด รวมถึงการพยายามเข้าใจว่าคนอื่นคิดหรือรู้สึกอย่างไร
เด็กบางคนเรียนเก่ง แต่อาจมีปัญหากับเพื่อนๆ ทะเลาะกันบ่อยๆ สิ่งสำคัญคือการสอนให้เขาพยายามคิดว่า เพื่อนอาจจะคิดอย่างไร หรือมีเหตุผลอะไรที่ทำแบบนั้น และลองคิดหาวิธีตอบโต้หรือแก้ปัญหาที่ไม่ใช่แค่การทะเลาะกัน
สิ่งที่พ่อแม่ช่วยได้
- ชวนคิด ชวนวิเคราะห์: ถามคำถามเพื่อให้ลูกคิดถึงสาเหตุและผลของปัญหาต่างๆ
- ช่วยกันคิดหาทางออก: ลองช่วยลูกคิดหาทางแก้ปัญหาหลายๆ วิธีด้วยกัน
- สอนให้เข้าใจคนอื่น: ชวนลูกคุยถึงความรู้สึกและความคิดของคนรอบข้าง
- ลองเล่นบทบาทสมมติ: สร้างสถานการณ์ให้ลูกได้ลองแก้ปัญหาและมองจากมุมต่างๆ ถามว่า “มีวิธีอื่นที่เราจะมองเรื่องนี้ได้อีกไหม” เพื่อช่วยให้ลูกคิดได้หลายมุมมากขึ้น
-
ความไว้วางใจและการสื่อสาร
คือความสามารถในการสร้างเพื่อนที่ดีและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่นๆ โดยอาศัยความเชื่อใจกัน รวมถึงการพูดคุยบอกเล่าความคิด ความรู้สึก และสิ่งที่ตัวเองต้องการให้คนอื่นเข้าใจได้ง่ายๆ และเหมาะสม ที่สำคัญคือการตั้งใจฟังสิ่งที่คนอื่นพูดด้วย
เด็กบางคนอาจเก็บความรู้สึกไว้คนเดียว ไม่ค่อยอยากคุยกับเพื่อนหรือพ่อแม่ สิ่งสำคัญคือ การทำให้เขารู้สึกว่ามีคนพร้อมรับฟังเขาจริงๆ โดยที่ไม่ตัดสินหรือบังคับเขา เมื่อเวลาผ่านไป เขาอาจจะเริ่มเปิดใจคุยกับพ่อแม่มากขึ้น ไม่ใช่เพราะถูกบังคับ แต่เพราะพ่อแม่เคารพความเป็นส่วนตัวของเขา
สิ่งที่พ่อแม่ช่วยได้
- สร้างความอบอุ่นและปลอดภัย: ทำให้ลูกรู้สึกว่าเขาสามารถเชื่อใจและพึ่งพาพ่อแม่ได้เสมอ
- ส่งเสริมการพูดคุยกัน: สร้างบรรยากาศที่ลูกกล้าพูดทุกเรื่องกับพ่อแม่ บอกลูกว่า “ถ้าหนูอยากคุยอะไร พ่อแม่พร้อมรับฟังเสมอนะ” แล้วปล่อยให้เขาเป็นคนเข้ามาหาเราเอง
- สอนวิธีสื่อสารที่ดี: เช่น พูดให้ชัดเจน เข้าใจความรู้สึกคนอื่น และตั้งใจฟัง
- เป็นผู้ฟังที่ดี: ตั้งใจฟังสิ่งที่ลูกอยากบอก โดยไม่ขัดจังหวะหรือตัดสินลูก
จะเห็นได้ว่า นอกเหนือไปจากผลการเรียนของลูก พ่อแม่ควรให้ความสำคัญกับการเติบโตทางอารมณ์และสังคมควบคู่ไปกับการพัฒนาทางสติปัญญา จึงจะช่วยให้เด็กๆ เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความเข้มแข็งทางจิตใจ สามารถเผชิญหน้ากับความท้าทายต่างๆ ในชีวิตได้อย่างมั่นคง และมีความสุขอย่างแท้จริงค่ะ
ที่มา : psychologytoday
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
10 วิธีปลดล็อค! ลูกขี้อาย ไม่กล้าแสดงออก ไม่มั่นใจในตัวเอง แก้ก่อนสาย
ลูกผิดได้ พ่อแม่ก็ผิดได้ พ่อแม่ที่ดีต้องกล้าขอโทษลูกเมื่อตัวเองทำผิด
เลี้ยงลูกให้อดทน ในโลกที่เร่งรีบ พร้อมวิธีฝึกความอดทน ในเด็กแต่ละวัย