สอนลูกให้รู้จักกาลเทศะ 5 พฤติกรรมพื้นฐาน ที่ควรฝึกตั้งแต่เล็ก

undefined

สอนลูกให้รู้จักกาลเทศะ ปลูกฝังวินัยทางสังคมให้ลูกตั้งแต่เล็ก ด้วยหลักจิตวิทยาเด็ก เข้าใจง่าย ทำได้จริง พร้อมตัวอย่างสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน

Advertisement

เพราะเด็กที่เข้าใจว่าอะไรควรทำ ไม่ควรทำ ณ เวลาและสถานการณ์ต่าง ๆ จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่น่ารัก มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ และอยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคมได้อย่างดี พ่อแม่จึงควร สอนลูกให้รู้จักกาลเทศะ ตั้งแต่ยังเล็ก

การ สอนลูกให้รู้จักกาลเทศะ คือการฝึกวินัยทางสังคม ให้เด็กรู้จักควบคุมตนเอง เข้าใจบริบท และเคารพผู้อื่น ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของพัฒนาการด้าน EQ (Emotional Intelligence) และ Social Skill ที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตในสังคม

 

กาลเทศะ คืออะไร ในภาษาที่เด็กเข้าใจ

คำว่า “กาลเทศะ” ในภาษาผู้ใหญ่ อาจฟังดูเป็นคำโบราณ แต่สำหรับเด็ก การอธิบายให้เข้าใจง่ายควรใช้คำว่า “รู้ว่าเมื่อไหร่ควรทำอะไร” หรือ “พูดหรือไม่พูดอะไรในเวลาและสถานที่ที่เหมาะสม”

ตัวอย่างคำอธิบายให้ลูกเข้าใจ:

  • “ถ้าเราอยู่ในห้องสมุด ต้องพูดเบา ๆ เพราะมีคนกำลังอ่านหนังสืออยู่”
  • “ร้านอาหารคือที่ที่คนอื่นมากินข้าว เราเลยไม่ควรวิ่งหรือเสียงดัง”

ทฤษฎีของ Lev Vygotsky นักจิตวิทยาชาวรัสเซีย กล่าวไว้ว่า การเรียนรู้ของเด็กเกิดจากบริบทสังคม และการเลียนแบบ ดังนั้น เด็กจะเรียนรู้กาลเทศะจากพฤติกรรมของคนรอบข้าง โดยเฉพาะพ่อแม่และครู

 

สอนลูกให้รู้จักกาลเทศะ

 

ทำไม “กาลเทศะ” จึงสำคัญกับพัฒนาการเด็ก

งานวิจัยของ Harvard University’s Center on the Developing Child (2020) ชี้ว่า เด็กที่มีพัฒนาการด้าน Self-regulation และ Social Awareness ตั้งแต่เล็ก มีแนวโน้มประสบความสำเร็จในชีวิตสูงขึ้นถึง 46% เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่

กาลเทศะ คือหนึ่งในทักษะพื้นฐานของการควบคุมตนเอง (self-regulation) ที่ช่วยให้เด็ก

  • มี EQ สูง
  • ปรับตัวกับผู้อื่นได้ดี
  • สื่อสารอย่างมีจังหวะเวลา
  • เข้าใจว่าความรู้สึกของตัวเองไม่ใช่สิ่งเดียวที่ต้องคำนึงถึง

 

เด็กแต่ละวัยเรียนรู้กาลเทศะได้แค่ไหน?

การ สอนลูกให้รู้จักกาลเทศะ ต้องสอดคล้องกับพัฒนาการของสมองและอารมณ์ในแต่ละช่วงวัย

ช่วงวัย ความเข้าใจเรื่องกาลเทศะ
2-3 ขวบ ยังไม่เข้าใจบริบทสังคม เข้าใจเฉพาะ “ฉันอยากทำ”
4-6 ขวบ เริ่มเลียนแบบพฤติกรรมผู้ใหญ่ เข้าใจบ้างแต่ยังควบคุมตัวเองยาก
7-10 ขวบ เริ่มคิดจากมุมมองของคนอื่นได้ ควบคุมพฤติกรรมได้ดีขึ้น

อ้างอิงจาก Jean Piaget’s Cognitive Development Theory เด็กวัยก่อน 7 ปีอยู่ในช่วงที่ยังเข้าใจโลกจากมุมของตัวเองเป็นหลัก ยังไม่สามารถคิดแบบมองมุมคนอื่นได้ จึงเป็นช่วงสำคัญที่พ่อแม่ต้องคอยสอนและชี้แนะด้วยความเข้าใจ

 

สอนลูกให้รู้จักกาลเทศะ 5 พฤติกรรมพื้นฐานที่ควรฝึกตั้งแต่เล็ก

1. พูดให้เหมาะกับสถานที่

เด็กควรรู้ว่าเสียงของตนมีผลต่อคนรอบข้าง การพูดเบาในห้องสมุด หรือส่งเสียงดังในร้านอาหาร ไม่เปิดเสียงจากลำโพงรบกวนผู้อื่น เป็นการเรียนรู้ความเคารพต่อพื้นที่สาธารณะ พ่อแม่สามารถชวนลูกสังเกตเสียงรอบตัว แล้วฝึกปรับน้ำเสียงตามสถานที่

2. ไม่พูดแทรกผู้ใหญ่

เด็กวัยอนุบาลมักอยากพูดในทันทีเมื่อมีความคิด แต่การฝึกให้รอฟังให้จบก่อนพูด เป็นการสร้างวินัยด้านการฟัง (Active Listening) และส่งเสริมมารยาทในการสนทนา พ่อแม่อาจใช้มือจับไหล่เบา ๆ เป็นสัญญาณรอพูด เพื่อช่วยให้ลูกอดทนได้มากขึ้น

3. รู้จักรอคิว

การฝึกรอคิวเป็นการปลูกฝังวินัย ความอดทน และความเท่าเทียมในสังคม เด็กจะเรียนรู้ว่าทุกคนมีสิทธิ์เท่ากัน ไม่ใช่แค่ “ใครมาก่อน ได้ก่อน” แต่รวมถึงการเข้าใจระบบที่ทุกคนต้องเคารพ

4. ขอโทษเมื่อทำผิด

คำขอโทษไม่ใช่แค่การพูด แต่คือการแสดงความรับผิดชอบ พ่อแม่ควรฝึกให้ลูกเข้าใจว่า การขอโทษคือการยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น และช่วยเยียวยาความรู้สึกของผู้อื่น ไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่คือพฤติกรรมที่น่านับถือ

5. สังเกตสีหน้าคนรอบข้าง

เด็กที่สามารถอ่านสีหน้าและอารมณ์ของคนอื่นได้ จะเข้าใจว่าคำพูดหรือพฤติกรรมของตนมีผลต่อความรู้สึกผู้อื่นอย่างไร นี่คือก้าวแรกของ “Empathy” หรือความเข้าใจผู้อื่น พ่อแม่สามารถชวนลูกเล่นเกม “ทายอารมณ์จากหน้า” เพื่อฝึกเรื่องนี้อย่างสนุก

 

สอนลูกให้รู้จักกาลเทศะ

 

เทคนิคจิตวิทยา สอนอย่างไรให้ลูกเข้าใจและอยากทำตาม

1. ใช้การเสริมแรงทางบวก

ยกย่องลูกเมื่อเขาปรับพฤติกรรมได้ดี เช่น “แม่ชอบมากเลยที่ลูกพูดเบา ๆ ในห้องสมุดแบบนี้ เก่งมากเลยลูก”

2. เล่นบทบาทสมมติ

เช่น เล่นเป็นลูกค้าในร้านอาหาร แล้วให้ลูกลองฝึกนั่งรอคิว / สั่งอาหาร / ไม่ส่งเสียงดัง

3. ใช้เทคนิค “ถามกลับ” 

“ถ้าเราไปพูดแบบนี้ที่โรงเรียน เพื่อนจะรู้สึกยังไงน้า?”

4. ใช้ตัวอย่างจากคนรอบตัว 

“เมื่อกี้เห็นพี่คนนั้นพูดกับคุณป้าเบา ๆ เลยนะ ลูกคิดว่าแบบนั้นดีไหม?”

ทฤษฎีของ Albert Bandura เรื่องการเรียนรู้ผ่านการสังเกต สนับสนุนว่า เด็กจะเรียนรู้พฤติกรรมเหมาะสมผ่านสิ่งที่เขาเห็นและสัมผัสมากกว่าคำสอนเพียงอย่างเดียว

 

ตัวอย่างสถานการณ์ที่พ่อแม่สามารถใช้สอนลูก

ลูกพูดเสียงดังในร้านอาหาร “ที่นี่มีคนอื่นกำลังกินข้าวอยู่ด้วย เราลองพูดเบา ๆ เหมือนเวลาเราเล่นคุณครูดีไหมจ๊ะ”
ลูกแทรกบทสนทนา แม่อยากฟังที่ลูกพูดมากเลย แต่ตอนนี้แม่คุยกับคุณป้าก่อน พอแม่พูดจบแล้วหนูเล่าให้แม่ฟังนะคะ
ลูกพูดตรงจนคนอื่นเขิน หนูพูดตรงดีมากเลย แต่ถ้าเราพูดเรื่องนี้ต่อหน้าเค้า อาจทำให้เขาเสียใจได้นะลูก เราลองคิดคำพูดใหม่ดีไหม

ปัญหาที่พ่อแม่มักเจอเมื่อต้องสอนลูกเรื่องกาลเทศะ

1. ลูกไม่ฟังหรือแสดงพฤติกรรมต่อต้าน

เด็กอาจรู้สึกถูกควบคุม พ่อแม่ควรใช้วิธี ให้ลูกมีส่วนร่วม เช่น ชวนลูกคิดกติกาด้วยกัน

2. ลูกทำตามแต่ไม่เข้าใจ

เด็กบางคนอาจทำตามเพราะกลัวโดนดุ แต่ยังไม่เข้าใจเหตุผล ให้ลองทบทวนด้วยนิทานหรือภาพประกอบ

3. พ่อแม่ทำขัดกับที่สอน

เช่น ดุลูกเรื่องเสียงดัง แต่พ่อแม่กลับตะโกนใส่โทรศัพท์อยู่ เด็กจะสับสนและไม่เรียนรู้กาลเทศะอย่างแท้จริง ดังนั้นควรจำไว้เสมอว่า ลูกเรียนรู้จากสิ่งที่เราทำ มากกว่าสิ่งที่เราพูด

 

การสอนกาลเทศะคือกระบวนการปลูกฝังทักษะทางสังคมให้ลูกเข้าใจคนอื่นและเข้าใจตนเองไปพร้อมกัน เด็กที่รู้จักกาลเทศะไม่ใช่แค่ “ว่านอนสอนง่าย” แต่จะเป็นเด็กที่ปรับตัวดี เห็นอกเห็นใจผู้อื่น รู้เวลาไหนควรพูด ควรหยุด ควรฟัง และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ใคร ๆ ก็อยากอยู่ใกล้ 

ที่มา: Harvard University , CDC

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

20 สิ่งที่ควรสอนลูกสาว ก่อนที่จะโตเป็นผู้ใหญ่ บทเรียนชีวิตสำหรับลูกสาวยุคใหม่

50 สิ่งที่พ่อควรสอนลูกชาย ตั้งแต่เด็ก บทเรียนที่ลูกชายจะใช้ได้ตลอดไป

9 วิธี สอนลูกให้มีความพยายาม แนวทางสร้างลูกที่ไม่ยอมแพ้ตั้งแต่วัยเด็ก

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!