วิจัยชี้! พ่อแม่เข้มงวด มากไปทำให้ลูกกลายเป็น เด็กเลี้ยงแกะ!

การเลี้ยงดูลูกสำหรับพ่อแม่ทุกคนไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยว่ามั้ยค่ะ เพราะทุกคนต่างก็ตั้งความหวังให้ลูกได้เติบโตมาเป็นคนดี เรียนเก่ง เป็นที่ภาคภูมิใจของครอบครัว แต่การที่ พ่อแม่เข้มงวดมากไปส่งผลให้ลูกกลายเป็นเด็กที่ชอบโกหกได้นะ!

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

การเลี้ยงดูลูกแบบตั้งกฏเกณฑ์มากไป พ่อแม่เข้มงวด เพราะอยากให้ลูกโตมาได้ดิบได้ดี แต่วิธีกลับเป็นผลกระทบต่อจิตใจลูกได้นะคะ

วิจัยชี้! พ่อแม่เข้มงวด มากไปจะทำให้ลูกกลายเป็น เด็กเลี้ยงแกะ!

นักวิชาการค้นพบว่า พ่อแม่ที่เข้มงวดกับลูกมากเกินไป จะส่งผลทำให้ลูกกลายเป็นเด็กที่ชอบโกหก ไม่กล้าพูดความจริง หาข้ออ้างต่าง ๆ นานาเพื่อมาบอกปัดในสิ่งที่ตนเองทำ โดยฟิลิปปา เพอร์รี่ นักจิตอายุรเวท ได้กล่าวว่า พ่อแม่ที่เคร่งครัดในกฎระเบียบกลับกลายเป็นคนที่สร้างความรู้สึกไม่ปลอดภัยให้กับเด็ก ทำให้ลูกกลัวที่จะบอกความจริงกับพ่อแม่เพราะกลัวว่าถ้าบอกความจริงไปแล้วจะถูกทำโทษ เด็ก ๆ จึงเลือกที่จะโกหกหรือปกปิดเพื่อไม่ให้ตนเองถูกดุหรือต้องโดนพ่อแม่ทำโทษ

ทฤษฎีนี้มีงานวิจัยรับรองจากนักจิตวิทยาชาวแคนาดาชื่อ วิคตอเรีย ทัลวอร์ โดยได้ทำการทดลองคัดเลือกเด็กจากสองโรงเรียนในแอฟริกา โรงเรียนแห่งแรกไม่เคร่งในกฎระเบียบมากนัก มีความยืดหยุ่นและให้อิสระ ส่วนอีกแห่งนั้นเข้มงวดในกฎระเบียบ และให้เด็ก ๆ ได้มาทดสอบการเล่นเกมที่มีชื่อว่า Peeping Game โดยการให้เด็กเดาว่าเสียงที่ได้ยินข้างหลังนั้นเกิดจากอะไร จากนั้นให้ผู้ใหญ่เข้ามาถามว่าเสียงที่ได้ยินคือวัตถุอะไร และได้แอบมองกันหรือไม่ ซึ่งคำเฉลยจริง ๆ แล้วก็คือลูกบอลของเล่น เพียงแต่เสียงมันไม่เหมือนกับเสียงของลูกฟุตบอล แต่ผลการทดสอบคือ เด็กที่มาจากโรงเรียนไม่เคร่งในกฎระเบียบมีทั้งโกหกและพูดความจริง ในขณะที่เด็กซึ่งมาจากโรงเรียนที่เข้มงวดนั้นเลือกที่จะพูดโกหกว่าไม่ได้แอบมอง

ผลการวิจัยจึงได้มองประเด็นนี้อย่างน่าสนใจว่า การที่เราเข้มงวดกับเด็กมากเกินไป ทำให้เขารู้สึกไม่มีอิสระ กดดันและกลัว ไม่กล้าพูดความจริง โกหกเพื่อหนีปัญหา ยิ่งถ้าคำโกหกเห็นผลโดยไม่ถูกผู้ใหญ่ต่อว่าก็จะทำให้เขาสร้างคำโกหกไปตลอดไปโดยไม่รู้ตัว ในทางตรงกันข้าม ถ้าพ่อแม่มีกฏเกณฑ์แบบยืดหยุ่น ไม่จำเป็นต้องตามจับผิดทุกฝีก้าว และสามารถทำให้ลูกผ่อนคลาย ลูกก็จะกล้าเข้ามาเปิดอกคุยกับพ่อแม่มากขึ้น

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ดังนั้นการเลี้ยงลูกแบบไม่ตึงเกินไป ไม่หย่อนเกินไป รับฟังและพร้อมที่จะเข้าใจลูก สร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้กับลูก รวมถึงคอยช่วยลูกแก้ปัญหาเมื่อเขาต้องการความช่วยเหลือ โดยไม่ตำหนิหรือดุกล่าวก่อนจะฟังเหตุผล ก็จะไม่ทำให้เกิดเด็กเลี้ยงแกะภายในบ้านขึ้นมาได้นะคะ.

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

สัญญาณเตือนคุณเป็นพ่อแม่เข้มงวดเกินไป

    หากลูก 4 ขวบงอแงไม่ยอมทานอาหาร คุณพ่อคุณแม่จะมีวิธีการจัดการกับลูกอย่างไร ใช้วิธี Time Out (ให้ออกไปนั่งสงบๆ) หรืองดของรางวัลที่สัญญาว่าจะให้ หรือในกรณีลูก ป.5 เรียนหนังสือไม่เก่ง และไม่ยอมทำการบ้าน คุณพ่อคุณแม่ใช้วิธีงดรายการทีวีที่ลูกชอบหรือไม่ยอมให้ลูกเล่นเกมโปรด หรือในกรณีที่ลูกวัยรุ่นกลับบ้านดึกหลังเวลาที่กำหนด คุณพ่อคุณแม่มีวิธีการจัดการกับลูกอย่างไรบ้าง จะเห็นได้ว่าการจัดระเบียบวินัยในครอบครัวเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ แต่จะมีวิธีการใดบ้างที่จะบอก ได้ว่าเราเริ่มเข้มงวดกับลูกมากเกินไปแล้ว ครอบครัวคนไทยส่วนใหญ่มักค่อนข้างเข้มงวด และเน้นเรื่องการเชื่อฟัง ถ้าบอกให้มาต้องมาเดี๋ยวนี้ แต่การกระทำอย่างนั้นอาจเป็นผลเสียมากกว่าผลดี ลูกอาจเครียดหรือไม่มีความเชื่อมั่นในการตัดสินใจ บางครั้งลูกรู้สึกว่าทำอย่างไรก็ไม่สามารถชนะได้ และนั่นจะเป็นสิ่งที่บั่นทอนความรู้สึกความเชื่อมั่นและความพยายามของลูก เพราะปกติลูกต้องการทำให้พ่อแม่พอใจ และต้องการกำลังใจจากพ่อแม่

        เรามาดูกันว่าสัญญาณเตือนว่าคุณเป็นพ่อแม่ที่เข้มงวดเกินไปนั้นมีอะไรบ้าง

  1.  มีกฎเกณฑ์มากเกินไป จนกระทั่งบางทีเราก็ไม่สามารถจดจำกฎเหล่านั้นได้ นั่นอาจเป็นสัญญาณแล้วว่าเราเป็นคนที่เข้มงวดเกินไป แทนที่จะตั้งกฎเกณฑ์อะไรมากมายนั้น ก็ให้มีกฎน้อยข้อแต่สามารถปฏิบัติได้จริงจะดีกว่า โดยให้ฝึกทำเป็นประจำและสม่ำเสมอกับกฎเหล่านั้น จะเป็นการสบายใจด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย
  2.   คำพูดของคุณพ่อคุณแม่เกินความจริง เช่นถ้าดื้ออย่างนี้เดี๋ยวจับโยนออกนอกหน้าต่าง หรือเดี๋ยวแม่จะทิ้งของเล่นของหนูให้หมดเลย และถ้าลูกพูดว่าเอาเลยแม่ จะยิ่งยุ่งกันใหญ่ เพราะเราไม่สามารถทำได้จริง ซึ่งยิ่งทำให้คำพูดของเราไม่มีความหมายและยากต่อการลงวินัยในคราวต่อไป ดังนั้น ให้เราคิดให้ดีก่อนพูด
  3.  กฎของคุณพ่อคุณแม่เกินขอบเขตของการเป็นพ่อแม่ คุณพ่อคุณแม่สามารถมีกฎเกณฑ์เกี่ยวกับโรงเรียน การปฏิบัติตัวต่อเพื่อน หรือกฎของความปลอดภัยได้ แต่ไม่ควรจำกัดกฎส่วนตัวบางอย่างของลูก เช่น ให้ลูกเลิกฟังเพลงที่ลูกชอบ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องรสนิยมส่วนตัวที่ไม่ควรก้าวก่ายกัน เราควรเคารพในกติกาของทุกคน แต่ใช้วิธีคุยเพื่อหาทางออกร่วมกัน
  4.  มีความรักที่มีเงื่อนไขกับลูก แม่อาจใช้คำพูดว่า “แม่รักลูกนะ แต่แม่ไม่อยากให้ลูกมีความประพฤติอย่างนี้” หรือพูดว่า “พ่อเชื่อว่าลูกทำได้ดีกว่านี้” อย่าพูดว่า “ลูกเป็นเด็กเหลือขอจริงๆ ถ้าลูกทำสิ่งนี้ไม่ได้” ถ้าเราทำอย่างนั้นเรากำลังทำให้ใจลูกแตกสลาย
  5. ไม่ทำตามที่พูด มีวิธีการพูดที่ไม่ตรงกับความหมาย หรือใช้น้ำเสียงที่บอกความเป็นนัย เนื้อหาของสิ่งที่เราพูดมีความหมายมากกว่าคำพูดที่เราพูดออกไป
  6.      อย่าบังคับด้วยเวลา ถ้าเราขอให้ลูกทำอะไรที่ยาก อย่าจำกัดด้วยเวลา เพราะนั่นจะทำให้ลูกเครียด แต่ให้ใช้วิธีทำไปด้วยกันกับลูก
  7. ลูกเริ่มถอยห่างความสัมพันธ์ หากลูกเริ่มพูดโต้แย้งถึงสิ่งที่เกิดขึ้นน้อยลงทุกทีๆ อาจเป็นสัญญาณว่าเราเข้มงวดเกินไป หรืออาจเปรียบเปรยได้ว่า “เรา
  8. เราชอบกระแนะกระแหน ควบคุม และย้ำเตือนความผิดพลาดประจำบ่อยๆ สิ่งเหล่านี้ไม่สมควรทำในฐานะที่เราเป็นพ่อแม่หรือผู้ปกครอง
    อาจชนะการสู้รบแต่เราแพ้สงคราม” ลูกอาจทำในสิ่งที่เราต้องการแต่ลูกจะไม่เปิดเผยหรือบอกให้เราทราบเมื่อเวลาเราไม่สบายใจหรือมีปัญหา
  9. ลูกไม่อยากชวนเพื่อนมาบ้าน บ้านจำเป็นต้องมีกฎและลูกจะรู้สึกปลอดภัยเมื่อมีกฎเหล่านั้นด้วย แต่หากคุณพ่อคุณแม่ใช้เวลาเตือนเรื่องกฎต่างมากๆ เกินไป หรือวิพากษ์วิจารณ์ลูกต่อหน้าเด็กอื่นลูกจะรู้สึกอึดอัด และไม่อยากชวนเพื่อนมาบ้านเพราะอาย และบ้านไม่เป็นที่น่าอยู่อีกต่อไป
  10. ลูกเริ่มทำหูทวนลม หากลูกเริ่มไม่สนใจสิ่งที่เราพูด ทำหูทวนลม นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือน เราต้องให้โอกาสลูกแสดงความคิดเห็น ไม่จำเป็นที่เราต้องเห็นด้วยกับลูก แต่เคารพในกฎ ในสิทธิของแต่ละคน
  11. ให้ลูกเอาแต่เรียน เรียน เรียนไม่มีเล่นเลย เด็กๆ จำเป็นต้องมีทุกอย่างๆที่สมดุล ทั้งเล่นทั้งเรียน สมองจะทำงานได้ดีถ้ามีทั้งอย่างเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน
  12. เป็นพ่อแม่เผด็จการ ลองดูหรือปรึกษากับคุณพ่อคุณแม่ท่านอื่นว่าทำเหมือนกับเราไหม เช่นถ้าหากไม่ยอมให้ลูกเข้าอินเตอร์เน็ตเลยทั้งๆ ที่มีคุณพ่อคุณแม่คุมอยู่ นั่นอาจหมายถึงว่าเราเข้มงวดเกินไปแล้วก็ได้
  13. ห้ามทุกอย่าง กลัวไปหมดไม่เพียงแต่ไม่สนับสนุนให้ทำแต่ยังห้ามอีก แทนที่จะพูดว่า ถ้าเป็นได้แม่ไม่อยากให้เล่นแต่ถ้าลูกต้องการเล่นจริงๆ ต้องอยู่ในการควบคุมและในสายตาของแม่
  14. กฎคือกฎห้ามถาม เราควรมีกฎที่ชัดเจน สม่ำเสมอ ปฏิบัติได้เพราะจะช่วยให้ลูกรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นได้หากไม่ทำตาม แต่กฎต่างๆ ควรยึดหยุ่นได้ ไม่ใช่กฎคือกฎห้ามถาม เพราะเมื่อไหร่ที่มีปัญหาลูกสามารถขอความช่วยเหลือได้
  15. เป็นพ่อแม่ที่มีเหตุผลไม่ใด้ใช้แต่อำนาจ พ่อแม่ที่ใช้แต่อำนาจต้องการชนะและไม่ยอมฟังเหตุผล ควบคุมตลอดเวลา ส่วนพ่อแม่ที่มีเหตุผลจะเข้าใจและให้โอกาสลูกเสมอ เดินเคียงข้างลูกตลอดไป
  16. เย็นชาเหมือนน้ำแข็ง การเป็นพ่อแม่ที่ดีควรมีความอบอุ่น แต่มั่นคง ไม่ใช่เยือกเย็น ใจร้าย
    รากฐานของครอบครัวเป็นสิ่งที่สำคัญ กว่าจะเลี้ยงลูกแต่ละคนให้เติบโตไปในทางที่ดี ไม่ใช่เรื่องง่าย กฎที่หละหลวมเกินไป หรือเข้มงวดจนเกินไป ล้วนแล้วแต่ก่อให้เกิดปัญหา ดังนั้น กฎในครอบครัวควรมีความเหมาะสม และสมดุล เพื่อเราจะได้ลูกที่น่ารัก และครอบครัวที่มีความสุขตลอดไป เป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัวเสมอค่ะ

ที่มา : www.baby.kapook.com

บทความอื่นที่น่าสนใจ :

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

วิจัยชี้ยิ่ง ตะคอกลูก ระเบิดลงใส่ลูก ผลเสียเลี้ยงลูกด้วยอารมณ์นี่แหละจะทำให้ลูกมีปัญหา

วิจัยชี้ เด็กคนไหน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ประสบความสำเร็จ ลูกเจริญแน่ในชีวิต

บทความโดย

Napatsakorn .R