ถอดแหวนไม่ได้ ทําไงดี ? วิธีถอดแหวนด้วยตัวเอง เมื่อคนท้องนิ้วบวม

undefined

เมื่ออายุครรภ์มากขึ้น เกิดอาการนิ้วบวม ทำให้แหวนติด ถอดแหวนไม่ได้ ทำไงดี เราจึงมีวิธีถอดแหวนด้วยตัวเอง เพื่อไม่ต้องตัดแหวนออกก่อนคลอด

คุณแม่ตั้งครรภ์ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพครรภ์และลูกน้อยในครรภ์อย่างเต็มที่ จนหลายคนอาจเผลอลืมแหวนแต่งงานวงเล็กๆ ที่ใส่ติดนิ้วจนเคยชิน เมื่ออายุครรภ์มากขึ้น เกิดอาการนิ้วบวม ทำให้แหวนติด ถอดแหวนไม่ได้ ทำไงดี เราจึงมีวิธีแก้ไขเมื่อแหวนติดนิ้วจนถอดไม่ออก เพื่อไม่ให้แหวนแต่งงานที่มีคุณค่าทางจิดใจต้องถูกตัดออกก่อนคลอดค่ะ

คนท้องนิ้วบวม เกิดจากอะไร ?

อาการบวมน้ำ หรือที่สังเกตได้จากอาการนิ้วบวม มือบวม เท้าบวมในคุณแม่ตั้งครรภ์นั้นเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยและเกิดจากหลายสาเหตุที่สัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายคุณแม่ดังนี้

  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ในช่วงตั้งครรภ์ ร่างกายจะผลิตฮอร์โมน โปรเจสเตอโรน เพิ่มขึ้น ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้มีผลทำให้หลอดเลือดขยายตัวและมีของเหลวไหลซึมออกจากหลอดเลือดเข้าไปยังเนื้อเยื่อรอบๆ ได้ง่ายขึ้น ทำให้เกิดอาการบวมได้
  • ปริมาณเลือดและของเหลวที่เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการเจริญเติบโตของทารกและมดลูกที่ขยายตัว ร่างกายของคุณแม่จะสร้างเลือดและของเหลวในร่างกายเพิ่มขึ้นมากถึง 50% ของปริมาณปกติ ซึ่งส่งผลให้มีของเหลวสะสมในส่วนต่างๆ ของร่างกายมากขึ้น
  • มดลูกขยายตัวและกดทับเส้นเลือด เมื่อมดลูกมีขนาดใหญ่ขึ้น จะไปกดทับ เส้นเลือดดำขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นเส้นเลือดหลักที่นำเลือดจากช่วงล่างของร่างกายกลับสู่หัวใจ การกดทับนี้ทำให้การไหลเวียนของเลือดช้าลง และส่งผลให้ของเหลวไปคั่งสะสมอยู่ในส่วนปลายของร่างกายมากขึ้น โดยเฉพาะที่เท้า ข้อเท้า และมือ
  • แรงโน้มถ่วง การยืนหรือนั่งเป็นเวลานานๆ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ของเหลวในร่างกายไหลไปรวมและสะสมอยู่ในส่วนล่างของร่างกายมากขึ้น จึงสังเกตเห็นอาการบวมได้ชัดเจนขึ้นในช่วงท้ายของวัน

 

ถอดแหวนไม่ได้ ทําไงดี

 

นิ้วบวมช่วงไหนของอายุครรภ์ ?

โดยทั่วไปแล้ว อาการบวมน้ำในคุณแม่ตั้งครรภ์มักจะเริ่มสังเกตเห็นได้ชัดเจนในช่วง ไตรมาสที่ 2 และไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ สัปดาห์ที่ 20 เป็นต้นไป อาการบวมนี้อาจแย่ลงในช่วงเย็น หรือหลังจากที่คุณแม่ยืนหรือนั่งเป็นเวลานานๆ

อย่างไรก็ตาม ในบางรายก็อาจมีอาการบวมเล็กน้อยตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ได้เช่นกัน แต่โดยปกติแล้วอาการจะไม่รุนแรงเท่ากับช่วงท้ายๆ ของการตั้งครรภ์

ข่าวดีคือ อาการบวมเหล่านี้จะค่อยๆ ดีขึ้นหลังคลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังคลอด ร่างกายของคุณแม่จะเริ่มขับของเหลวส่วนเกินออกไปเองค่ะ

 

แหวนติดนิ้ว รัดแน่น อันตรายอย่างไร ?

การที่แหวนติดนิ้วแน่นจนถอดไม่ออก อาจส่งผลกระทบที่สำคัญดังนี้

  • ผลกระทบต่อระบบไหลเวียนโลหิต แหวนที่รัดแน่นจะไปกดทับเส้นเลือดบริเวณนิ้ว ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก ส่งผลให้เกิดอาการชา ปวด หรือที่สังเกตเห็นได้ชัดคือ นิ้วเปลี่ยนสี เช่น เป็นสีม่วงคล้ำ หรือซีดลงได้
  • ความเสี่ยงต่อเนื้อเยื่อเสียหาย หากปล่อยให้แหวนรัดแน่นเป็นเวลานานๆ เนื้อเยื่อบริเวณนั้นอาจขาดออกซิเจนและสารอาหารที่จำเป็น จนเกิดความเสียหายถาวรได้ และในกรณีที่รุนแรงมากๆ ซึ่งพบน้อยมาก อาจจำเป็นต้องผ่าตัดเพื่อนำแหวนออก หรือในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด อาจถึงขั้นต้องตัดนิ้วเพื่อรักษาชีวิต
  • อุปสรรคในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในกรณีที่คุณแม่จำเป็นต้องได้รับการผ่าคลอดฉุกเฉิน การที่แหวนติดนิ้วจะกลายเป็นอุปสรรคสำคัญในการรักษาพยาบาล เพราะอาจต้องเสียเวลาในการถอดแหวนออก ซึ่งอาจส่งผลต่อความปลอดภัยของคุณแม่และลูกได้

 

ถอดแหวนไม่ได้ ทําไงดี

ทำไมต้องถอดแหวนก่อนคลอด ?

ไม่ว่าจะเป็นการคลอดธรรมชาติหรือผ่าคลอด โดยทั่วไป โรงพยาบาลส่วนใหญ่จะแนะนำให้คุณแม่ถอดเครื่องประดับทุกชนิดออกก่อนเข้าห้องคลอดหรือห้องผ่าตัด รวมถึงแหวนด้วย

เหตุผลที่ต้องถอดแหวนและเครื่องประดับ

1. ความปลอดภัยเกี่ยวกับกระแสไฟฟ้า

ในระหว่างการผ่าตัดหรือแม้แต่การคลอดธรรมชาติที่อาจต้องมีการใช้เครื่องมือไฟฟ้า (เช่น เครื่องจี้ไฟฟ้า เพื่อห้ามเลือด) เครื่องประดับที่เป็นโลหะสามารถเป็นสื่อนำไฟฟ้าได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดแผลไหม้บริเวณที่สัมผัสกับเครื่องประดับได้

2. ป้องกันการบาดเจ็บ

ในระหว่างการทำหัตถการหรือการคลอด อาจมีการเคลื่อนไหวร่างกาย หรือมีการใช้เครื่องมือที่อาจเกี่ยวหรือกระแทกกับเครื่องประดับ ทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อผิวหนังหรือเนื้อเยื่อได้

3. สุขอนามัยและการติดเชื้อ

แหวนและเครื่องประดับต่างๆ อาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่ต้องการความสะอาดปลอดเชื้อสูงสุดอย่างห้องผ่าตัด

4. อาการบวมหลังคลอด

แม้จะคลอดแล้ว อาการบวมน้ำอาจยังคงอยู่หรืออาจแย่ลงชั่วคราวในช่วง 1-2 วันแรกหลังคลอด การที่แหวนยังคงติดนิ้วอยู่ อาจทำให้เกิดปัญหาถอดไม่ออก หรือรัดแน่นจนอันตรายได้อีก

5. ป้องกันการสูญหาย

ในระหว่างขั้นตอนการเตรียมตัว การคลอด หรือการพักฟื้น คุณแม่และเจ้าหน้าที่อาจอยู่ในภาวะเร่งรีบหรือมีสิ่งให้ต้องดูแลหลายอย่าง การถอดเก็บเครื่องประดับไว้ล่วงหน้าจะช่วยป้องกันการสูญหายได้

ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยและความสบายใจของคุณแม่ ควรพยายามถอดแหวนออกตั้งแต่เนิ่นๆ เมื่อเริ่มมีอาการนิ้วบวมหรือก่อนวันนัดคลอด หากแหวนติดแน่น ควรใช้วิธีต่างๆ ในการถอดตามที่แนะนำไว้ในบทความนี้ หรือปรึกษาแพทย์ เมื่อไม่สามารถถอดแหวนได้ด้วยตัวเอง

 

ถอดแหวนไม่ได้ ทําไงดี ? วิธีถอดแหวนด้วยตนเอง 

หากคุณแม่นิ้วบวม ถอดแหวนไม่ได้ ทําไงดี ? คุณแม่สามารถลองใช้วิธีปฐมพยาบาลด้วยตนเองง่ายๆ ตามคำแนะนำ ดังนี้

  1. ใช้สบู่ช่วย เริ่มต้นด้วยการถูสบู่ให้ทั่วบริเวณนิ้วและแหวน สบู่จะช่วยลดแรงเสียดทานและทำให้แหวนลื่นขึ้น
  2. เตรียมหนังยาง หรือไนลอน ใช้หนังยางเส้นเล็กๆ กดที่โคนนิ้วเบาๆ เพื่อให้มีช่องว่างระหว่างแหวนกับนิ้ว จากนั้นค่อยๆ สอดหนังยาง หรือไนลอน เข้าไปใต้แหวน
  3. พันหนังยาง เมื่อสอดหนังยางลอดใต้แหวนได้แล้ว ให้ ดึงปลายหนังยางทั้ง 2 ข้าง แล้วเริ่ม พันหนังยางรอบนิ้ว โดยพันให้กระชับแต่ไม่แน่นจนเจ็บ ค่อยๆ พันจากใต้แหวนไล่ขึ้นไปทางปลายนิ้ว
  4. คลายแหวนออก เมื่อพันหนังยางไปจนถึงปลายนิ้วแล้ว ให้ค่อยๆ ดึงปลายหนังยางที่สอดอยู่ใต้แหวน แหวนจะค่อยๆ ขยับตามหนังยางและเลื่อนหลุดออกมา

หากลองทำตามวิธีข้างต้นแล้วแหวนยังไม่หลุดออก หรือคุณแม่รู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น ให้หยุดพยายามเค้นหรือดึงทันที เพื่อป้องกันไม่ให้อาการบวมหรืออักเสบแย่ลง ในระหว่างที่รอไปโรงพยาบาล ให้ยกมือข้างนั้นให้สูงขึ้น เพื่อช่วยลดอาการบวม จากนั้นให้รีบไปพบแพทย์หรือสถานพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ช่วยเหลือได้อย่างปลอดภัยค่ะ

หากเกิดเหตุฉุกเฉินและแหวนถอดไม่ออกจริงๆ ทีมแพทย์จะมีวิธีการจัดการที่ปลอดภัย เช่น การใช้คีมตัดแหวนออก ซึ่งแหวนที่ถูกตัดสามารถนำไปให้ช่างทองซ่อมแซมได้ภายหลัง

ที่มา : ศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพ , ห้องฉุกเฉินต้องรู้ , ใกล้มิตรชิดหมอ

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

คนท้อง เจ็บท้องน้อยข้างซ้าย จี๊ดๆ ปวดท้องร้าวไปถึงหลัง อันตรายไหม ?

คนท้องปวดฟัน ทำไงดี แม่ท้องปวดฟันคุด เหงือกบวม กินยาอะไรได้บ้าง?

4 สาเหตุ คนท้องทำไมรักแร้ดำ ผิวเป็นหนังไก่ ทำอย่างไรให้รักแร้ขาวเรียบเนียน

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!