ไขข้อข้องใจ แพ้ท้องอยากกินของแปลก เพราะอะไร ปกติหรือเปล่า?

อยากกินอะไรที่คนทั่วไปอาจจะมองว่า "แปลก" สุดๆ วันนี้เราจะมาพูดคุยถึงเรื่องราวของ "แพ้ท้องอยากกินของแปลก" อาการที่เข้าใจได้ยาก แต่เกิดขึ้นจริงกับคุณแม่ตั้งครรภ์หลายๆ คนค่ะ
อาการแพ้ท้องเป็นเรื่องปกติของการตั้งครรภ์ ซึ่งมักมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย นอกจากอาการคลื่นไส้ อาเจียนแล้ว อีกหนึ่งอาการที่น่าสนใจและสร้างความประหลาดใจให้กับหลายๆ คนก็คือ “แพ้ท้องอยากกินของแปลก” บางคนอยากกินดิน กินดอกไม้ ใบไม้ใบหญ้า หรือบางคนอยากกินอาหารที่ปกติแล้วจะไม่แตะเลย เช่น ทุเรียน ลาบเลือด เนื้อวัว แล้วความอยากอาหารที่ดูเหมือนจะไร้เหตุผลเหล่านี้มีที่มาที่ไปอย่างไร? theAsianparent มีคำตอบพร้อมวิธีดูแลอาการแพ้ท้องให้คุณแม่ค่ะ
แพ้ท้องอยากกินของแปลก …อาการแพ้ท้องที่แม่ท้องต้องเจอ
อาการแพ้ท้องเป็นอาการที่พบได้บ่อยในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ สาเหตุที่แท้จริงยังไม่ทราบแน่ชัด แต่มีหลายปัจจัยที่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ได้แก่
1. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน: ระดับฮอร์โมนเอชซีจี (Human Chorionic Gonadotropin) และฮอร์โมนเอสโตรเจนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงต้นของการตั้งครรภ์ เชื่อว่าเป็นสาเหตุหลักที่กระตุ้นให้เกิดอาการคลื่นไส้และอาเจียน
2. ความไวต่อกลิ่น: ในขณะตั้งครรภ์ คุณแม่อาจมีความไวต่อกลิ่นต่างๆ มากขึ้น แม้แต่กลิ่นที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนก็อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ได้
3. ระบบทางเดินอาหารที่เปลี่ยนแปลงไป: การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอาจส่งผลต่อการทำงานของระบบทางเดินอาหาร ทำให้การย่อยอาหารช้าลงและเกิดอาการคลื่นไส้ได้
4. ปัจจัยทางจิตใจ: ความเครียดและความวิตกกังวลก็อาจมีส่วนทำให้อาการแพ้ท้องแย่ลงได้
แม่ท้องแพ้ท้อง …ปัจจัยที่อาจทำให้อาการแพ้ท้องรุนแรงขึ้น
1. การตั้งครรภ์แฝด: คุณแม่ที่ตั้งครรภ์แฝดมักมีระดับฮอร์โมน hCG สูงกว่าการตั้งครรภ์เดี่ยว ทำให้อาการแพ้ท้องมีแนวโน้มที่จะรุนแรงกว่า
2. ประวัติการแพ้ท้องรุนแรงในการตั้งครรภ์ครั้งก่อน: หากเคยมีอาการแพ้ท้องรุนแรงในการตั้งครรภ์ครั้งก่อน ก็มีโอกาสที่จะเกิดอาการเดิมซ้ำในการตั้งครรภ์ครั้งต่อไป
3. การเมารถหรือปวดไมเกรน: ผู้ที่มีประวัติเมารถหรือปวดไมเกรนมีแนวโน้มที่จะมีอาการแพ้ท้องรุนแรงกว่า
อาการแพ้ท้องโดยทั่วไปจะไม่เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ และมักจะดีขึ้นเมื่อเข้าสู่ไตรมาสที่สอง อย่างไรก็ตาม หากมีอาการแพ้ท้องรุนแรงจนไม่สามารถรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำได้ คุณแม่ควรรีบปรึกษาสูตินรีแพทย์ที่ดูแลครรภ์ เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมค่ะ
แพ้ท้องอยากกินของแปลก …แพ้ท้องมีอาการเป็นแบบไหนได้บ้าง ?
อาการแพ้ท้องสามารถแสดงออกได้หลากหลายรูปแบบ และความรุนแรงของอาการก็แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล อาการที่พบบ่อย ได้แก่
1. คลื่นไส้: รู้สึกไม่สบายในท้อง อยากอาเจียน บางครั้งอาจมีอาการคล้ายเมารถ
2. อาเจียน: อาจเกิดขึ้นร่วมกับอาการคลื่นไส้หรือไม่ก็ได้ บางคนอาเจียนเฉพาะตอนเช้า (Morning Sickness) แต่บางคนอาจมีอาการตลอดวัน
3. เวียนศีรษะ: รู้สึกโคลงเคลง หน้ามืด
4. เหม็นกลิ่น: ไวต่อกลิ่นต่างๆ มากขึ้น แม้แต่กลิ่นที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนก็อาจทำให้คลื่นไส้ได้
5. อยากอาหารแปลก: มีความต้องการอาหารที่ไม่เคยกิน หรืออาหารที่ไม่เข้ากัน
6. เบื่ออาหาร: ไม่อยากอาหาร หรือรู้สึกว่าอาหารไม่มีรสชาติ
7. อ่อนเพลีย: รู้สึกเหนื่อยล้า ไม่มีแรง
8. ท้องอืด: รู้สึกแน่นท้อง เหมือนอาหารไม่ย่อย
9. แสบร้อนกลางอก: อาการคล้ายกรดไหลย้อน
10. อารมณ์แปรปรวน: หงุดหงิดง่าย ร้องไห้ง่าย
ระดับความรุนแรงของอาการแพ้ท้อง
- ระดับเล็กน้อย: มีอาการคลื่นไส้บ้าง แต่ยังสามารถรับประทานอาหารและใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
- ระดับปานกลาง: มีอาการคลื่นไส้และอาเจียนบ่อยขึ้น อาจส่งผลต่อการรับประทานอาหารและการใช้ชีวิตประจำวันบ้าง
- ระดับรุนแรง (Hyperemesis Gravidarum): มีอาการคลื่นไส้และอาเจียนอย่างรุนแรง ไม่สามารถรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำได้ น้ำหนักลดมาก มีภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ ต้องได้รับการรักษาจากแพทย์
อาการแพ้ท้องมักเริ่มประมาณสัปดาห์ที่ 4-6 ของการตั้งครรภ์ และมักจะดีขึ้นเมื่อเข้าสู่ไตรมาสที่สอง (ประมาณสัปดาห์ที่ 12-14) ในคุณแม่ตั้งครรภ์บางคนอาจไม่มีอาการแพ้ท้องเลยก็ได้ ซึ่งถือว่าปกติ และถ้าหากคุณแม่มีอาการแพ้ท้องรุนแรงจนไม่สามารถรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำได้ ควรรีบปรึกษาสูตินรีแพทย์ทันทีค่ะ ดังนั้น อาการแพ้ท้องจึงมีความหลากหลาย ตั้งแต่คลื่นไส้เล็กน้อยไปจนถึงอาเจียนรุนแรง และอาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย การสังเกตอาการของตนเองและปรึกษาแพทย์เมื่อมีข้อสงสัยจึงเป็นสิ่งสำคัญค่ะ
แพ้ท้องอยากกินของแปลก …อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อมีอาการแพ้ท้อง
เมื่อมีอาการแพ้ท้อง คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงอาหารบางชนิดที่อาจกระตุ้นอาการให้แย่ลง หรือทำให้รู้สึกไม่สบายตัวมากขึ้น ดังนี้
1. อาหารที่มีกลิ่นแรง: อาหารที่มีกลิ่นฉุน หรือกลิ่นแรง เช่น เครื่องเทศบางชนิด (เช่น กระเทียม หอมใหญ่), อาหารหมักดอง, ปลาเค็ม, ปลาร้า อาจกระตุ้นให้เกิดอาการคลื่นไส้ได้ง่าย
2. อาหารมันและทอด: อาหารที่มีไขมันสูงย่อยยาก และอาจทำให้รู้สึกอึดอัด แน่นท้อง และคลื่นไส้มากขึ้น
3. อาหารรสจัด: อาหารที่มีรสเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด หวานจัด หรือเค็มจัด อาจระคายเคืองกระเพาะอาหารและทำให้รู้สึกไม่สบายตัว
4. อาหารแปรรูปและอาหารสำเร็จรูป: อาหารเหล่านี้มักมีโซเดียม ผงชูรส และสารปรุงแต่งต่างๆ ในปริมาณสูง ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้และไม่ดีต่อสุขภาพโดยรวม
5. เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน: ชา กาแฟ น้ำอัดลม และเครื่องดื่มชูกำลัง ควรหลีกเลี่ยงหรือจำกัดปริมาณ เพราะอาจกระตุ้นอาการคลื่นไส้และส่งผลต่อการนอนหลับ
6. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์: ควรงดดื่มแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด เพราะเป็นอันตรายต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์
7. อาหารที่ไม่สะอาดหรือไม่สุก: อาหารเหล่านี้มีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนเชื้อโรค ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการท้องเสียและส่งผลเสียต่อการตั้งครรภ์
8. อาหารที่ทำให้เกิดแก๊ส: ผักบางชนิด เช่น บรอกโคลี กะหล่ำปลี ถั่ว หรือเครื่องดื่มที่มีโซดา อาจทำให้ท้องอืดและรู้สึกไม่สบายตัว
แพ้ท้องอยากกินของแปลก …วิธีบรรเทาอาการแพ้ท้อง
อาการแพ้ท้องเป็นเรื่องปกติในช่วงต้นของการตั้งครรภ์ แม้ว่าจะไม่มีวิธีรักษาให้หายขาดได้ทันที แต่มีหลายวิธีที่สามารถช่วยบรรเทาอาการและทำให้คุณแม่รู้สึกสบายตัวขึ้นได้ค่ะ
1. กินอาหารมื้อเล็กๆ บ่อยๆ: แทนที่จะทานมื้อใหญ่ 3 มื้อ ลองแบ่งเป็นมื้อเล็กๆ 5-6 มื้อต่อวัน เพื่อป้องกันไม่ให้ท้องว่างหรืออิ่มจนเกินไป ซึ่งอาจกระตุ้นอาการคลื่นไส้ได้
2. กินอาหารแห้งและจืด: อาหารแห้ง เช่น แครกเกอร์ ขนมปังกรอบ หรือซีเรียล อาจช่วยดูดซับกรดในกระเพาะอาหารและบรรเทาอาการคลื่นไส้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเช้าก่อนลุกจากเตียง
3. กินอาหารเย็นหรืออุณหภูมิห้อง: อาหารร้อนมักมีกลิ่นแรงกว่าอาหารเย็น ซึ่งอาจกระตุ้นอาการคลื่นไส้ได้
4. ดื่มน้ำขิง: ขิงมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้และอาเจียน สามารถดื่มน้ำขิงอุ่นๆ หรือทานขนมปังขิงได้ในปริมาณที่เหมาะสม
5. หลีกเลี่ยงการนอนราบทันทีหลังกินอาหาร: ควรรออย่างน้อย 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงหลังทานอาหารก่อนเอนตัวลงนอน
6. พักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ช่วยลดความอ่อนเพลียและอาจช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องได้
7. หลีกเลี่ยงสิ่งที่กระตุ้นอาการ: สังเกตว่ามีกลิ่น สถานที่ หรือกิจกรรมใดที่ทำให้รู้สึกไม่สบาย และพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านั้น
8. จิบน้ำบ่อยๆ: การจิบน้ำเปล่า น้ำผลไม้เจือจาง หรือน้ำซุปใสๆ บ่อยๆ ช่วยป้องกันภาวะขาดน้ำจากการอาเจียน
9. วิตามินบี 6: ในบางกรณี แพทย์อาจแนะนำให้ทานวิตามินบี 6 เพื่อช่วยลดอาการคลื่นไส้และอาเจียน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
10. ยาบรรเทาอาการแพ้ท้อง: หากอาการรุนแรงจนไม่สามารถทานอาหารหรือดื่มน้ำได้ แพทย์อาจพิจารณาให้ยาบรรเทาอาการแพ้ท้อง ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น ไม่แนะนำให้ซื้อยามารับประทานเองเด็ดขาด
แพ้ท้องอยากกินของแปลก สาเหตุเพราะอะไร ?
อาการแพ้ท้องเป็นสิ่งที่คู่กับการตั้งครรภ์ และมักมาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในร่างกายของคุณแม่ นอกเหนือจากอาการคลื่นไส้และอ่อนเพลียแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่สร้างความสงสัยและความแปลกใจไม่น้อยก็คือ ความอยากอาหารที่ผิดแผกไปจากเดิม หรือที่เรียกกันว่า “แพ้ท้องอยากกินของแปลก” ทำไมคุณแม่ถึงมีความต้องการอาหารที่ดูเหมือนจะไม่มีเหตุผลเหล่านี้? ตามมาดูกันค่ะว่ามีกลไกอะไรในร่างกายที่อยู่เบื้องหลังความอยากเหล่านี้
1. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน (HCG): ระดับฮอร์โมน Human Chorionic Gonadotropin (HCG) ที่สูงขึ้นในช่วงตั้งครรภ์ส่งผลต่อการรับรสชาติและกลิ่น ทำให้คุณแม่อยากกินอาหารที่ไม่เคยชอบ หรืออยากจับคู่อาหารที่ไม่น่าจะเข้ากัน นอกจากนี้ยังอาจชอบดมกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์สำหรับคนทั่วไป
2. ภาวะขาดสารอาหาร: ร่างกายของคุณแม่อาจขาดสารอาหารบางชนิด ทำให้สมองสั่งการให้เกิดความอยากอาหารเพื่อเติมเต็มสารอาหารที่ขาดหายไป ซึ่งอาจนำไปสู่ความอยากอาหารแปลกๆ
3. ภาวะ Pica Disorder: ความผิดปกติในการรับประทานอาหารที่อาจเกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในผู้ที่ขาดธาตุเหล็ก ทำให้เกิดความอยากกินสิ่งที่ไม่ใช่อาหาร เช่น น้ำแข็ง ทราย ขี้เถ้า ปูนปลาสเตอร์ ชอล์ก กากกาแฟ เบกกิ้งโซดา
4. ความต้องการฟอสเฟต: ร่างกายของคุณแม่ต้องการฟอสเฟตมากขึ้นเพื่อใช้ในการแบ่งเซลล์ในสารพันธุกรรม ซึ่งฟอสเฟตพบมากในดินและสบู่ จึงอาจเป็นสาเหตุให้คุณแม่อยากกินสิ่งเหล่านี้
ดังนั้น อาการแพ้ท้องอยากกินของแปลกจึงเป็นผลมาจากปัจจัยทางสรีรวิทยาและอาจเกี่ยวข้องกับภาวะขาดสารอาหารบางชนิดในร่างกายของคุณแม่ค่ะ
เมื่อ “แพ้ท้องอยากกินของแปลก”…จะรับมืออย่างไรดี?
อาการ “แพ้ท้องอยากกินของแปลก” เป็นสิ่งที่เข้าใจได้สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์หลายๆ ท่าน อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือการคำนึงถึงสุขภาพและความปลอดภัยของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์เป็นอันดับแรก แม้ความอยากจะรุนแรงเพียงใด การเลือกรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและปลอดภัยจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
แนวทางการจัดการกับความอยากอาหารแปลกๆ ในช่วงแพ้ท้อง
- ประเมินคุณค่าทางอาหารและความปลอดภัย: ก่อนที่จะตามใจความอยาก ลองพิจารณาว่าสิ่งนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายหรือไม่ และมีความเสี่ยงต่อสุขภาพหรือไม่ หากเป็นสิ่งที่ไม่ใช่อาหาร หรืออาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ควรหลีกเลี่ยงโดยเด็ดขาด
- หาอาหารที่มีรสชาติหรือลักษณะใกล้เคียง: หากความอยากนั้นเป็นรสชาติหรือสัมผัสที่เฉพาะเจาะจง ลองมองหาอาหารที่มีรสชาติหรือลักษณะคล้ายคลึงกันแต่มีคุณค่าทางอาหารมากกว่า เช่น หากอยากกินของเปรี้ยวจัด อาจลองเป็นผลไม้รสเปรี้ยวที่สะอาดและมีวิตามินซีสูง
- ให้ความสำคัญกับความสะอาดและปลอดภัย: อาหารทุกชนิดที่เลือกรับประทานควรสะอาด สดใหม่ และปรุงสุกอย่างถูกสุขลักษณะ โดยเฉพาะอาหารดิบหรือกึ่งสุกกึ่งดิบ ควรหลีกเลี่ยงเพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ได้
- ปรึกษาสูตินรีแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ: หากความอยากอาหารแปลกๆ นั้นรุนแรง ควบคุมได้ยาก หรือเป็นสิ่งที่ไม่ใช่อาหาร การปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง แพทย์อาจช่วยหาสาเหตุที่แท้จริงของความอยากนั้น และให้คำแนะนำในการจัดการที่เหมาะสม รวมถึงการตรวจหาภาวะขาดสารอาหารหรือความผิดปกติอื่นๆ
- เบี่ยงเบนความสนใจ: เมื่อเกิดความอยาก ลองหากิจกรรมอื่นทำเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง ออกไปเดินเล่นเบาๆ หรือพูดคุยกับคนในครอบครัว
- ทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างสม่ำเสมอ: การรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนในแต่ละมื้อ อาจช่วยลดความอยากอาหารที่ไม่พึงประสงค์ได้
- ไม่เก็บอาหารที่ไม่ควรทานไว้ใกล้มือ: หากรู้ว่ามีแนวโน้มที่จะอยากทานสิ่งที่ไม่เหมาะสม ควรหลีกเลี่ยงการเก็บสิ่งเหล่านั้นไว้ในบ้านหรือที่ที่เข้าถึงได้ง่าย
ความเข้าใจและการดูแลจากคนรอบข้างก็เป็นสิ่งสำคัญในการช่วยให้คุณแม่รับมือกับอาการแพ้ท้องและความอยากอาหารแปลกๆ ได้อย่างเหมาะสม หากคุณแม่มีความกังวลใจหรือไม่แน่ใจเกี่ยวกับความอยากอาหารของตนเอง การขอคำแนะนำจากแพทย์ที่ดูแลครรภ์คุณแม่เป็นทางออกที่ดีที่สุดเพื่อสุขภาพที่ดีของทั้งคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ค่ะ
อ้างอิง
แพ้ท้อง คุณแม่ต้องพร้อมรับมือ, โรงพยาบาลกรุงเทพ https://www.bangkokhospital.com/th/bangkok/content/get-ready-for-morning-sickness
อาการแพ้ท้องกับคุณแม่ตั้งครรภ์…เรื่องกวนใจที่แก้ได้!!, โรงพยาบาลเปาโล https://www.paolohospital.com/th-TH/chokchai4/Article/Details/สำหรับคุณเเม่ตั้งครรภ์/อาการแพ้ท้องกับคุณแม่ตั้งครรภ์…เรื่องกวนใจที่แก้ได้–
อาการแพ้ท้องแบ่งเป็น 3 ระดับ, โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ https://www.facebook.com/paolohealthcarespk/posts/อาการแพ้ท้อง-แบ่งเป็น-3-ระดับ-นะคะ-คนที่ตั้งครรภ์ส่วนมักจะมีอาการแพ้ท้องเมื่อตั้/1741666032778970/
อาการแพ้ท้อง วิธีรับมือกับอาการแพ้ท้องของคุณแม่, โรงพยาบาล MedPark https://www.medparkhospital.com/lifestyles/remedies-for-morning-sickness-during-pregnancy
ทำไมคนแพ้ท้อง…อยากกินอะไรแปลกๆ, Prime Fertility Center https://www.primefertilitycenter.com/blog-ทำไมคนแพ้ท้องอยากกินอ/