ผลกรรมที่ทิ้งลูกเมียไป ไม่มีวันเจริญ! เขาทิ้งไปตอนเราอุ้มท้องลูกคนที่ 2

เธอเคยถูกทิ้งตอนอุ้มท้อง เขาไม่มาเหลียวแล ต้องทำงานหนักเลี้ยงลูกทั้ง 2 คนเพียงลำพัง เคยท้อใจถึงขั้นคิดฆ่าตัวตายพร้อมลูก แต่แล้วชีวิตก็สอนให้รู้ว่า โชคดีแค่ไหนที่เขาทิ้งไป

ผลกรรมที่ทิ้งลูกเมียไป ไม่มีวันเจริญ!

จงเชื่อเถอะว่า ผลกรรมที่ทิ้งลูกเมียไป ไม่มีวันเจริญ! แม่แชร์เรื่องราวความเจ็บช้ำในอดีต ชีวิตรันทดจากการเลือกรักคนผิด เคยท้อใจตอนอุ้มท้อง เขาไม่มาเหลียวแล ต้องแบกรับภาระเลี้ยงดูลูก ๆ เพียงลำพัง ตอนท้องลูกคนเล็กก็เคยคิดอยากทำแท้ง เจออุปสรรคในชีวิตอย่างสาหัส จนคิดอยากฆ่าตัวตายพร้อมลูก แต่ตอนนี้ ชีวิตได้สอนให้เธอรู้จักคำว่า รักแท้ และอยากขอบคุณ ผู้ชายคนนั้นคนที่ทิ้งเธอไป

 

รักคนผิด ชีวิตเปลี่ยน

แม่ตู่ จันทรรัตน์ เขียวมูล คุณแม่นักสู้หัวใจแกร่ง ได้มาแชร์เรื่องราวความรักครั้งเก่า ที่ต้องทนทรมาน เจอมรสุมชีวิต จากสามีเก่า ผู้ได้ชื่อว่า พ่อของลูก ขนาดที่ว่า เขามีคนอื่นและบอกผู้หญิงที่ข้องเกี่ยวด้วยว่า เขาโสด แม้แต่ตอนคลอดลูกคนที่ 2 เงินบาทหนึ่ง ในฐานะพ่อก็ไม่มีมาช่วยพวกเรา

เราก็เหมือนครอบครัวทั่วไปค่ะ รักกัน แต่งงานกัน มีลูกด้วยกัน #เรื่องร้าย ๆ เกิดขึ้นตั้งแต่ลูกสาวคนโตอายุ 1.7 ปีค่ะ (ตอนนี้ 8 ปี) เราทะเลาะกันด้วย เล็ก ๆ น้อย ๆ แต่วันนั้นเขาผลักอกเราที่อุ้มลูกสาวอยู่ ครั้งแรกมันเหมือนเป็นการถูกทำร้าย เราเลยโกรธ ขนข้าวของกลับบ้านแม่เราพร้อมลูก กลับมาอยู่บ้านแม่ได้อาทิตย์กว่า ๆ นึกได้ประจำเดือนขาด (ปกติมาตรงมาก ๆ) เราเป็นคนที่จดวันเป็น ประจำเดือนทุกเดือน เลยซื้อชุดตรวจมาตรวจ สรุปคือท้องก็รีบพบแพทย์ ขอใบรับรองการตั้งครรภ์ สรุปท้องได้ 2 สัปดาห์ค่ะ โทรบอกเขา เขาบอกอย่ามาโกหก เขาคิดว่าเราโกหกเพื่อที่จะได้คืนดีกับเขา และไม่เชื่อเรื่องใบรับรองแพทย์ เพราะคิดว่าเราทำขึ้นเอง (เราเป็นเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลรัฐ)

เคยคิดจะทำแท้ง

วันนั้นเสียใจมาก ๆ เครียดหลายด้าน จะอยู่ยังไงต่อไป ทั้งที่เขารู้ว่าเราท้อง เขาก็ตัดสินใจทิ้งเรากับลูกไปทำงานที่เกาะสมุย จากนั้นเราก็ตัดใจ จมอยู่กับน้ำตาและความทุกข์เรื่อยมา คิดแล้วคิดอีก จะเลี้ยงลูก 2 คนยังไงด้วยตัวคนเดียว จากนั้นจึงเล่าปัญหาต่าง ๆ ให้แม่ของเราฟัง เขาฟังแล้วพูดด้วยคำขาด #คือไปเอาออกซะ จะมีปัญญาเลี้ยงยังไง เราร้องไห้ทุกวัน ปรึกษาเรื่องนี้กับพี่ ๆ พยาบาลที่สนิทกัน หนูต้องเอาลูกออก หนูต้องทำยังไงดี

จนมีพี่พยาบาลคนหนึ่ง สามีแกเป็นตำตรวจ แกตั้งใจจะช่วยพาไปทำแท้งที่โรงพยาบาลเอกชนในจ.พิษณุโลก วันนัดหมาย เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว ลูกสาวคนโตเกิดป่วยหนัก ท้องเสีย อาหารเป็นพิษจากศูนย์เด็กเล็กที่ลูกเรียน อาการลูกแย่มาก จนวันนั้นก็ต้องเลิกล้มเรื่องการทำแท้งไป ผ่านมาอีกเกือบเดือนก็ยังไม่ละความตั้งใจค่ะ คราวนี้รุ่นพี่ที่ทำร้านอาหารจะไปส่งในเช้าวันรุ่งขึ้น เคราะห์ซ้ำรถเก๋งพี่เขาที่จอดไว้หน้าบ้านโดนฝรั่งเมาขับมอไซด์มาชน พังไปไม่น้อย โปรแกรมที่ 2 ก็ต้องจบลงไป เข้าเดือนที่ 3 พี่ที่ทำร้านอาหารจะไปส่งทำแท้งอีกครั้ง ทีนี้หนักเลยลูกสาวป่วย แม่ป่วยฉุกเฉินพร้อมกันในวันที่นัดเดินทาง น้ำตาไหลพราก ๆ เลยค่ะ อุ้มลูกสาวในชุดคนป่วยเข้าไปกราบแม่ที่นอนป่วยอยู่ในห้องฉุกเฉิน #แม่จ๋าลูกคงไม่อยากไปจากหนู ขอหนูเลี้ยงลูกนะแม่นะ แม่ร้องไห้พยักหน้าให้ จากนั้นเราก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานหาเลี้ยงลูกสาว โดยอุ้มท้องลูกชายอีกคนไว้ในพุง

 

มีผู้หญิงใหม่ ไม่สนใจลูกในไส้

ยิ่งตอนที่เขามาเซ็นต์รับรองบุตร ผู้หญิงคนใหม่ของเขาโทรมา เรารับสาย เขาถามว่าเราเป็นใคร เราก็ตอบไปว่าเราเป็นเมียเขา ปลายสายถามต่อมาว่า รู้จักกันนานแค่ไหนถึงใช้คำว่าเมียกับพ่อของลูก น้ำตาตกค่ะ อุ้มลูกที่เพิ่งคลอดกัดฟันตอบเขาไปว่าเรากับพ่อเด็กแต่งงานจดทะเบียน และอยู่กินกันจนมีลูก 2 คนแล้ว ตอนนี้พ่อเด็ก ๆ ก็มาดูแลเรื่องการคลอดของลูกคนเล็ก ผู้หญิงคนนั้นวางสายไป พร้อมกับคำพูดของพ่อของเด็ก ๆที่พูดกับเราว่า มายุ่งอะไรกับเรื่องส่วนตัวเขา คือตอนนั้นเรายังไม่ได้หย่ากันเลย ไม่กี่วันพ่อเด็ก ๆ ก็กลับไป ทิ้งคำถาม และบาดแผลในใจมากมายไว้ให้เรา จากนั้นเขาก็เงียบหาย ไม่ใส่ใจแม้แต่จะรับสายโทรศัพท์ของเรา

ขณะที่ลูกชายคนเล็กได้ 9 เดือน ลูกป่วยด้วยอาการท้องเสีย ไข้ หอบ หายใจติดขัด ต่อเนื่องหลายวัน ที่ผ่านมา เราทำงานและจ้างพี่เลี้ยงช่วยดูแลลูกคนแรก ตั้งแต่ลูกได้ 1เดือน ครั้งนั้นลูกป่วยหนัก เราลางานหลายวัน เครียดเรื่องงาน เรื่องเงิน เรื่องลูก ตัดสินใจโทรหาเขาตอนตี 2 เพื่อขอให้เขาช่วยเหลือเรื่องเงิน เขารับสาย เสียงปลายสายอยู่ในสถานบันเทิง เสียงดังอึกทึก เสียงเขาเมาหนัก พูดตัดพ้อเรา บอกไม่มีเงินให้ วันนั้นเราเสียใจสุด ๆ ปล่อยโฮออกมาอย่างหนักต่อหน้าลูก 2 คนในห้องผู้ป่วยพิเศษของโรงพยาบาล

 

ตัดสินใจฆ่าตัวตายพร้อมลูก

วันนั้นเราตัดสินใจจะจบชีวิตบัดซบของตัวเอง เดินไปเซเว่นหน้าโรงพยาบาล ซื้อยากำจัดมดชนิดผง มาผสมในขวดนมให้ลูกๆดื่ม ตั้งใจให้ลูกกินแล้ว จะกินยาตามพร้อมกับแขวนคอตัวเองตายตาม

เมื่อผสมยากับนมเสร็จ เราก็ยื่นขวดนมให้ลูกสาววัย 2 ขวบกว่า ลูกรับไปใส่ปาก เพียงแค่แตะลิ้น ลูกก็ถอนขวดนมออกแล้วทำหน้าเบ้ บอกนมไม่อร่อย เราตะคอกลูกบอกว่ามีแค่ขวดเดียว หิวก็ต้องกิน อร่อยไม่อร่อยก็ต้องกิน และร้องไห้พราก ๆ ขณะพูดกับลูกสาว ลูกลองเอาเข้าปากครั้งที่ 2 และร้องไห้ พูดแต่เพียงไม่อร่อย ๆ เราตะคอกจนลูกร้องไห้เสียงดัง จนลูกชายที่นอนป่วยอยู่สะดุ้งตื่นและร้องไห้โฮ เพียงเสี้ยวนาทีที่คิดได้ ลูกสองคนร้องไห้อยู่ต่อหน้า เราคิดได้ คว้าขวดนมผสมยาพิษขว้างทิ้ง กอดลูกร้องไห้ระงม เสียงคงดังมากพอควร จนพี่พยาบาลเวรวิ่งมาดู สอบถามเราและช่วยปลอบลูก ๆ ชีวิตเราจึงอยู่รอดมาจนทุกวันนี้

หลังจากวันนั้น เราตั้งปณิธาน จะเป็นจะตาย จะเลี้ยงลูก ๆ ให้ดีที่สุด เราจึงตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ตัดเรื่องของพ่อเด็ก ๆ ออกจากชีวิตไป แม้จะยังแอบร้องไห้ทุกวันเมื่ออยู่คนเดียว แต่ก็ฝ่าฟันเลี้ยงลูกด้วยตัวเองมาจนทุกวันนี้

 

ชีวิตใหม่สดใสราวฟ้าหลังฝน

ปัจจุบันเรามีสามีใหม่ อายุห่างจากเรา 6 ปี เขาเป็นเพื่อนของเพื่อนน้องชายเรา ตั้งแต่วันที่เริ่มคุยกัน จนวันนี้ ก็นับได้ 4 ปีละค่ะ ที่ผู้ชายคนนี้เข้ามาดูแลเราและลูก ๆ ผู้ชายคนนี้เป็นหนุ่มโสด เป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวผู้มีฐานะ และเป็นครอบครัวนักการเมืองท้องถิ่นหมู่บ้านใกล้ ๆ บ้านเรา ตอนแรกของการคบหา มันก็ลำบากใจมาก ๆ เพราะเราไม่ได้มีอะไรดีพอให้เขาดูแลเราออกหน้าออกตาเลย ไหนจะครอบครัวเขา ญาติ ๆ เขา ที่ถึงแม้ทุกคนจะต้อนรับเราด้วยดี แต่เราก็รู้สึกได้ถึงความลำบากใจของทุก ๆ คน ที่เขาคงหวังให้ลูกชายคนเดียวของเขาได้เจอกับคนที่ดีพร้อมกว่าเรา

จากวันแรกที่เขาชวนเราเที่ยว ปกติก็มีคนมาจีบหลายคนนะ แต่ส่วนใหญ่จะจีบแค่เรา ชวนแค่เราทานข้าว ดูหนัง แต่สามีคนปัจจุบันของเรา เขาชวนให้เราพาลูก ๆ ไปปั่นจักรยานเล่นบนเขื่อนพร้อมปูเสื่อทานข้าวมื้อเย็นที่ให้เราทำเองไปนั่งทานกัน มันเหมือนฝันนะ คนที่ยอมดูแลเราลูก ๆ ของเราที่ขนาดว่า พ่อแท้ ๆ ยังไม่ยอมดูแล เขาทำได้ ทำได้ดี จนวันหนึ่งเราก็ตัดสินใจอยู่กินด้วยกัน สามีคนปัจจุบันของเรา เขาโอเคนะ มีทั้งเรื่องดีเรื่องร้าย แต่สิ่งที่เราประทับใจคือเขาดูแลเราและลูก ๆ ด้วยดีเสมอมา เช้าอาบน้ำ กินข้าว ส่งลูก ๆ เรียน ส่งเราทำงาน เขาไปทำงาน เย็นรับลูก ๆ จากโรงเรียน รับเราจากที่ทำงาน กลับบ้าน เขามีดื่มบ้าง แต่ไม่เที่ยว ไม่ติดเพื่อน อาจมีช่วงแรก ๆ ที่ยังเข้ากันไม่ได้ ทะเลาะกันบ่อย ๆ แต่เขาก็ไม่เคยที่จะทิ้งเรานะ ผ่านเรื่องแย่ ๆ มาเยอะมาก ๆ เจ็บมามาก จนคิดในใจ ถ้าต้องเจ็บอีก ก็ไม่มีอะไรที่จะบั่นทอนชีวิตเราได้ จนฝ่าฟันมาถึงทุกวันนี้ ตอนนี้เราตั้งท้องลูกคนที่ 3 กับสามีคนปัจจุบัน เราได้ลูกชาย

 

ชีวิตเราเหมือนมีแรงผลักดันมากขึ้น ครอบครัวก็แนบแน่นกว่าเดิม ช่วยกันทำมาหากิน เราต่างคนต่างมีงานประจำ และทำงานเสริมโดยการเพาะเห็ดนางฟ้า และขายก้อนเชื้อเห็ดนางฟ้า และก้อนเห็ดนางฟ้านี้ พ่อของลูก ๆ เขาเป็นคนทำ เรารับเขามาขายต่อ ได้กำไรนิดหน่อย ที่เรายังติดต่อพูดคุยกับเขา ก็เพราะถือว่าเขาเป็นญาติของลูก บ้านนั้นก็ยังมีปู่มีย่า เราก็ไม่เคยลืมความกรุณาเขา เพราะเขาก็ดีกับเรามาก ๆ ฝากลูก ๆ ได้เวลาเราต้องไปต่างจังหวัด หรือเดินทางไกล ๆ คนเดียวที่ทำร้ายเราและลูก ๆ ก็คือพ่อของเด็กๆเท่านั้น เราแยกแยะและไม่เคยสอนให้ลูก ๆ เกลียดใคร สอนแต่ว่าทุกคนคือญาติของลูก ๆ จงให้ความเคารพถึงแม้เขาจะไม่ได้เลี้ยงดูเรา

 

สามีเก่ายืมเงิน เกือบโดนโกง

เหตุการณ์ที่เขามายืมเงิน ก็โทรมายืมดื้อ ๆ อ้างขอกู้ ครั้งแรกเราให้นะ ด้วยเหตุผลที่เขาว่าจะใช้เป็นทุนในการทำก้อนเชื้อเห็ด เราก็คิดว่าเขาตั้งใจจะลงทุน หากมีกำไรเขาก็จะได้ส่งเสียลูก ๆ เราบ้างก็ให้ไป ครั้งแรกผลัดไปมาในการคืนเงิน (เราอ้างว่าเงินที่ให้ไปกู้เขามาอีกที) ได้คืนแต่ก็ช้า จากนั้นอ้างจากการเก็บมัดจำการซื้อก้อนเชื้อเห็ด เหมือนโดนโกง จ่ายมัดจำไปไม่ได้ก้อนเห็ด ต้องโทรไปจิกด่ากว่าจะได้มา จากวันมัดจำถึงวันได้ก้อนเชื้อครบก็ร่วม ๆ 2 เดือนค่ะ นอกจากเขาจะไม่ใยดีส่งเสียเลี้ยงดูลูก ๆ แล้ว เขายังกล้าโกงเงินเราที่หามาเพื่อเลี้ยงลูกเขาอีก มันไม่รู้จะหาคำไหนมาด่าผู้ชายคนนี้ดีค่ะ จากนั้นเราก็คุยปัญหานี้กับพ่อเขา (ปู่ลูก) และสามีเราว่า คงค้าขายกับพ่อของเด็ก ๆ ไม่ไหวแล้ว เพราะไม่มีสัจจะเลย เราก็เลยหาแหล่งก้อนเชื้อใหม่ที่ได้มาตรฐาน ราคากำลังดีที่สามารถส่งขายต่อได้ และมุมานะทำการค้าขายในวันหยุดวันว่างเรื่อยมา จนมีเงินหมุนเวียน ซื้อบ้าน ซื้อรถ ส่งลูก ๆ เรียนในสิ่งที่ลูก ๆ ชอบได้อย่างภาคภูมิใจ ด้วยความสนับสนุนจากสามีคนปัจจุบันและครอบครัวของเขา

สำหรับชีวิตของเราก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งงาน เงิน ความรัก และลูกก็โตขึ้นมาก สามีให้เกียรติเรามาก จดทะเบียน ดูแลเราออกหน้าทั้งกับครอบครัวเขา ครอบครัวเรา และสังคม เราได้ข้อคิดจากมรสุมชีวิตครั้งนี้คือ ไม่มีอะไรมีคุณค่าเท่ากับการได้มีชีวิตอยู่ ผ่านวินาทีเป็นตายมาแล้ว เราไม่ยอมเจ็บไม่ยอมทำร้ายตัวเองอีก มีแต่ทุ่มเวลาทำงาน ดูแลลูก ๆ บำรุงดูแลร่างกายให้สดใสแข็งแรง เพื่อเรา เพื่อลูก เพื่อสามีคนปัจจุบันที่เขายอมสละตัวเองปกป้องดูแลเราและลูก ๆ

 

สิ่งที่ทำให้เข้มแข็งขึ้นคือรอยยิ้มของลูก ๆ และโอกาสจากสามีที่เขายื่นมือมาดูแล

 

ตอนนี้เธอมีความสุขมาก ๆ กับครอบครัว ลูกสาวคนโต ต๋อมแต๋มอายุ 8 ปีแล้ว ส่วนลูกชายคนกลาง ตูมตามอายุ 6 ปี และกำลังมีสมาชิกใหม่ ลูกชายคนเล็ก น้องน้ำปิงอายุ 5 เดือนอยู่ในท้อง ทางทีมงานดิเอเชี่ยนพาเร้นท์ ก็ขอขอบคุณคุณแม่ตู่ ที่มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์กับเรานะคะ

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ 8 ข้อที่ต้องทำ ทำซะ! สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะได้คุ้มครอง

สามีที่นอกใจภรรยาตอนท้องแก่ หาความเจริญในชีวิตไม่ได้?

เรื่องราวซึ้ง ๆ ในรพ.ที่เรียกว่า รักแท้ ไม่จำกัดวัย

 

บทความโดย

theAsianparent Editorial Team