โรคลําไส้แปรปรวนมีอาการเป็นอย่างไร สาเหตุเกิดจากอะไร มีวิธีรักษาหรือไม่?

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

หลาย ๆ คนคงสงสัยใช่ไหมว่า โรคลําไส้แปรปรวน อาการเป็นอย่างไร สาเหตุการเกิดโรคมาจากอะไร มีวิธีรักษาหรือไม่ การป้องกันลําไส้แปรปรวนมีอย่างไรบ้าง

 

โรคลำไส้แปรปรวน (Irritable Bowel Syndrome) หรือ IBS คือ โรคทั่วไปที่ส่งผลต่อลำไส้ใหญ่ สัญญาณและอาการต่าง ๆ ของการเป็นโรคลำไส้แปรปรวน ได้แก่ ตะคริว ปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องเสียหรือท้องผูก หรือทั้งสองอย่าง ผู้ป่วยที่เป็นโรคลําไส้แปรปรวนจำนวนน้อยเท่านั้นที่จะมีอาการที่รุนแรง บางคนนั้นสามารถที่จะควบคุมอาการได้โดยการควบคุมอาหาร หรือการใช้ชีวิต และความเครียด ส่วนอาการที่รุนแรงมากสามารถที่จะรักษาได้ด้วยการใช้ยา และการไปพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษา โรคลำไส้แปรปรวนไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเนื้อเยื่อลำไส้ หรือเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้

บทความที่เกี่ยวข้อง : โรคลำไส้อักเสบ ข้อควรรู้ วิธีรักษา และอาการโรคลำไส้อักเสบ

 

โรคลําไส้แปรปรวน คืออะไร

โรคลำไส้แปรปรวน หรือเรียกอีกอย่างว่า โรคไอบีเอส คือ โรคลำไส้ที่ทำให้เกิดอาการปวดท้อง ไม่สบายท้อง แน่นท้อง ท้องผูก ท้องเสีย มีปัญหาเกี่ยวกับระบบขับถ่าย ท้องผูกสลับกับท้องเสีย หรืออั้นอุจจาระไม่อยู่ เป็นต้น ปัญหาเหล่านี้เป็นผลมาจากปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เช่น ความเครียด การรับประทานอาหารในครอบครัวที่มีสมาชิกที่เป็นโรคลำไส้แปรปรวน ก็จะมีแนวโน้มในการเกิดโรคนี้ได้มากกว่า โรคลำไส้แปรปรวนมักจะพบในช่วงวัยรุ่นตอนปลายถึงช่วงประมาณอายุ 40 ปี โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่เป็นเพศหญิง อาจจะทำให้เกิดอันตรายได้

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

อาการของลำไส้แปรปรวน

อาการของโรคลำไส้แปรปรวน ผู้ป่วยที่เป็นโรคลำไส้แปรปรวนจะมีอาการไม่สบายท้อง แน่นท้อง ท้องเฟ้อ ท้องอืด มีแก๊สในท้องมาก ปวดท้องหลังจากการรับประทานอาหาร ท้องผูก ท้องเสีย ท้องผู้สลับกับท้องเสีย อุจจาระนิ่มหรือแข็งกว่าปกติ อุจจาระไม่สุด อุจจาระมีเมือกใสหรือมีสีขาวปนออกมา อั้นอุจจาระไม่อยู่ และอาการจะดีขึ้นเมื่อหลังจากขับถ่าย หรืออาจจะมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น มีการปวดหลัง หมดแรง กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรืออาจจะรู้สึกเจ็บที่อวัยวะเพศขณะมีเพศสัมพันธ์ในผู้ป่วยที่เป็นเพศหญิง เป็นต้น

ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์หากพบว่ามีอาการของลำไส้แปรปรวน  ถ้าผู้ป่วยไม่ได้รักการรักษาที่ถูกต้อง อาจจะทำให้อาการนั้นแย่ลงไปอีกได้ หรือถ้าผู้ป่วยพบว่าอุจจาระเป็นเลือด น้ำหนักลดลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ มีอาการบวมที่ท้อง รวมไปถึงอาการของโรคโลหิตจาง เช่น รู้สึกเหนื่อย หมดแรง หัวใจเต้นแรง หายใจถี่ หรือผิวซีด คุณควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อดูอาการ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

สาเหตุ

สาเหตุของการเกิดโรคลำไส้แปรปรวนยังไม่มีการทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่มีหลายปัจจัยที่เป็นตัวการ หรือตัวกระตุ้นทำให้ลำไส้เกิดอาการแปรปรวนได้ มีดังต่อไปนี้

  • การหดตัวของกล้ามเนื้อในลำไส้ ผนังลำไส้เรียงรายไปด้วยชั้นของกล้ามเนื้อที่หดตัวขณะเคลื่อนอาหารผ่านทางเดินอาหาร การหดตัวที่แรง และยาวนานกว่าปกติอาจทำให้เกิดแก๊ส ท้องอืด และท้องร่วงได้ การหดตัวของลำไส้ที่อ่อนแออาจทำให้อาหารเคลื่อนตัวช้าลง และทำให้อุจจาระแข็ง และแห้งได้
  • ระบบประสาท ความผิดปกติของเส้นประสาทในระบบย่อยอาหารของคุณอาจทำให้คุณรู้สึกไม่สบายมากกว่าปกติ สัญญาณที่ประสานกันไม่ดีระหว่างสมองกับลำไส้อาจทำให้ร่างกายของคุณตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตามปกติ ในกระบวนการย่อยอาหารมากเกินไป ส่งผลให้เกิดอาการปวด ท้องร่วง หรือท้องผูก
  • การติดเชื้อรุนแรง โรคลำไส้แปรปรวนสามารถพัฒนาได้หลังจากเกิดอาการท้องร่วงอย่างรุนแรง ที่เกิดจากแบคทีเรีย หรือไวรัส โรคลำไส้แปรปรวนอาจเกี่ยวข้องกับส่วนเกินของแบคทีเรียในลำไส้ได้
  • ความเครียด ผู้ที่เผชิญกับเหตุการณ์เครียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยเด็ก มักจะเสี่ยงมีอาการของโรคลำไส้แปรปรวนมากขึ้น
  • การเปลี่ยนแปลงของจุลินทรีย์ในลำไส้ ตัวอย่าง ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงของแบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัส ซึ่งปกติจะอาศัยอยู่ในลำไส้ และมีบทบาทสำคัญในสุขภาพ การวิจัยระบุว่าจุลินทรีย์ในผู้ที่มีโรคลำไส้แปรปรวนอาจแตกต่างจากจุลินทรีย์ในคนที่มีสุขภาพดีได้

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

การรักษาโรคลำไส้แปรปรวน

เนื่องจากโรคลำไส้แปรปรวนยังไม่สามารถที่จะระบุสาเหตุที่แน่ชัดของโรคได้ การรักษาจึงเป็นการรักษาตามอาการ เช่น การให้ยาระบาย ยาลดอาการปวดเกร็งโดยออกฤทธิ์ลดการบีบตัวของลำไส้ และยาแก้ท้องเสีย เป็นต้น แต่การรักษาด้วยวิธีนี้ไม่ใช่การจัดการสาเหตุของโรคโดยตรง จึงอาจจะทำให้ผู้ป่วยนั้นมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ ได้ นอกจากการใช้ยาแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นส่วนสำคัญของการรักษา คือ ผู้ป่วยนั้นต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเองในชีวิตประจำวัน เพื่อที่จะทำให้อาการไม่เกิดการกำเริบ ได้แก่

  • การดื่มน้ำให้มาก ๆ
  • การปรับพฤติกรรมการรักประทานอาหารให้ถูกต้อง เช่น การรับประทานอาหารให้ตรงเวลา และมีประโยชน์ต่อร่างกาย หลีกเลี่ยงไขมันสูง รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง ไม่รับประทานอาหารจนอิ่มมากจนเกินไป เป็นต้น
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • ลดภาวะเครียด หรือความกังวลต่าง ๆ
  • พักผ่อนให้เพียงพอต่อร่างกาย
  • ไม่กลั้นถ่ายอุจจาระเอาไว้

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

โลหิตจาง คืออะไร โรคโลหิตจางมีอาการ สาเหตุ วิธีรักษา อย่างไรบ้าง

โรคนิ่วในไต สังเกตอย่างไร ป้องกันไว้ก่อนไตจะพัง อาการ และวิธีการป้องกัน หรือไม่

โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือ ลูคีเมีย คืออะไร อาการเป็นอย่างไร ป้องกันได้ หรือไม่?

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : mayoclinic , pobpad , bumrungrad

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความโดย

Kittipong Phakklang