ฉีดวัคซีนไม่ครบ อย่าชะล่าใจ! หมอยกเคส เด็ก 8 ขวบป่วยบาดทะยักรุนแรง

undefined

ฉีดวัคซีนไม่ครบ เสี่ยงติดเชื้อบาดทะยักรุนแรง พ่อแม่ต้องรู้ วัคซีนเข็มไหนต้องให้ลูกเมื่อไร ป้องกันภัยเงียบที่ร้ายแรงถึงชีวิต

Advertisement

ฉีดวัคซีนไม่ครบ อันตรายกว่าที่คิด หมอพบเคส เด็ก 8 ขวบ ป่วยบาดทะยักรุนแรง ย้ำผู้ปกครองพาบุตรหลานไปฉีดวัคซีนให้ครบ เพื่อป้องกันโรคร้ายที่อันตรายถึงขั้นเสียชีวิต

 

ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Sulkiflee Saei ซึ่งเป็นแพทย์โรงพยาบาลปัตตานีได้เข้าวอร์ดเด็ก และพบเคสเด็กชาย 8 ขวบติดเชื้อบาดทะยัก มีอาการ ขากรรไกรแข็ง อ้าปากไม่ได้ หลังแข็ง เดินเกร็ง สาเหตุจาก ฉีดวัคซีนไม่ครบ ตามเกณฑ์เด็กไทย จึงได้โพสต์เตือนคุณพ่อคุณแม่ให้พาลูกไปฉีดวัคซีนให้ครบ โดยมีข้อความว่า

วันนี้ผมขอนำเสนอ #แรร์เคสในพื้นที่อื่นแต่เจอได้ที่วอร์ดเด็ก โรงพยาบาลปัตตานี ซึ่งตอนนั้นผมกับเพื่อนอีกคนหนึ่งได้เข้าเวรวอร์ดเด็ก ก็ได้ดูว่าตอนนั้นมีรับใหม่หรือไม่ในเวร ณ เวลานั้น ซึ่งก็พบว่าไม่มีเคสรับใหม่ แต่ก็มีเคสหนึ่งที่น่าสนใจมากจนพี่พยาบาลทักว่า “น้องหมอมีเคส #tetanus(บาดทะยัก)” ผมกับเพื่อนเลยไปซักประวัติก็พบว่าเป็นเคสเด็กชายอายุ 8 ปี มาด้วยอาการปวดกราม ร่วมกับมีกลืนน้ำลายไม่ได้ อ้าปากไม่ได้ ปวดหลัง มีหลังแข็งเป็นบางช่วง เดินแข็งเกร็ง ประมาณ 4 วันก่อนมาโรงพยาบาล และตรวจร่างกายพบว่า vital signs stable, alert, no dyspnea, limit open mouth, stiffneck ; positive, clonus ; positive และได้ตรวจ spatula test พบว่า positive ซึ่งเป็นการตรวจที่มี sentivity (94%) และ specificity (100%) สูง อาจารย์แพทย์ที่มาราวน์จึงนึกถึงโรคบาดทะยัก (tetanus) ซึ่งในคนที่เป็นบาดทะยัก (Tetanus) เกิดจากการติดเชื้อ Clostridium tetani ที่ปนเปื้อนผ่านเข้ามาทางบาดแผลที่สกปรก หรือถ้าไม่มีแผลตามตัวก็ให้ลองเปิดปากคนไข้อาจจะมีฟันผุ โดยจะมีอาการแข็งเกร็งเริ่มจากกล้ามเนื้อที่มี axon สั้นก่อน คือ เริ่มต้นจากบริเวณใบหน้า จากนั้นกระจายตัวไปที่กล้ามเนื้อคอ ลำตัว และแขนขา ซึ่งถ้ามีการแข็งเกร็งที่ขากรรไกรทำให้ขากรรไกรแข็ง (lock jaw) จากนั้นมีการแข็งเกร็ง (rigidity) ตามมาด้วยการอ้าปากได้น้อย (trismus) จากนั้นจะเกิดการเกร็งตังของกล้ามเนื้อหลัง ทำให้หลังแอ่น (opisthotonus) ทั้งนี้ผู้ป่วยยังรู้สึกตัวดี

 

บาดทะยัก ฉีดวัคซีนไม่ครบ

 

การรักษาที่สำคัญนั้น คือ การให้ Human tetanus immunoglobulin (HTIG) ร่วมกับให้ antibiotic อาจจะพิจารณาให้ penicillin หรือ metronidazole เป็นเวลา 7-10 วัน รวมไปถึงการให้ sedative กลุ่ม benzodiazepine (e.g. diazepam) เพื่อควบคุม spasm และ hypersymphathic activity และให้ baclofen เพื่อควบคุมการแข็งเกร็งของกล้ามเนื้อ

ซึ่งในเคสนี้ประวัติที่สำคัญเลยคือ ฉีดวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์เด็กไทย (Incomplete vaccine) ฉีดล่าสุดตอนแรกเกิด ซึ่งวัคซีนป้องกันบาดทะยักเด็กไทยควรได้รับตอนอายุ 2,4,6 เดือน 18 เดือน (กระตุ้นเข็มที่ 1) 4-6 ปี (กระตุ้นเข็มที่ 2 ) และกระตุ้นทุกๆ 10 ปี สุดท้ายนี้ผมจึงอยากชวนเชิญผู้ปกครองให้ลูกหลานไปฉีดวัคซีนตามเกณฑ์เด็กไทยให้ครบตามช่วงอายุ เพื่อป้องกันโรคภัยที่เป็นอันตรายถึงขั้นพิการและเสียชีวิต

หากมีข้อมูลที่ผิดพลาดประการใด สามารถแจ้งได้ผมได้เลยครับ

สรุปจากเคสนี้ เด็กชายเริ่มมีอาการเจ็บกราม อ้าปากไม่ได้ กลืนน้ำลายลำบาก ก่อนจะปวดหลัง เดินไม่ปกติ และพบว่ามีอาการเกร็งทั้งตัว แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นบาดทะยักจากการตรวจร่างกายและผล Spatula Test ที่ชี้ชัด แต่สิ่งที่น่าตกใจคือ…เด็กชายฉีดวัคซีนแค่ตอนแรกเกิด แล้วก็ไม่เคยได้รับอีกเลย จึงไม่มีภูมิหลงเหลือ

 

โรคบาดทะยักคืออะไร? ทำไม ฉีดวัคซีนไม่ครบ ถึงอันตราย

บาดทะยัก (Tetanus) เป็นโรคติดเชื้อร้ายแรงจากแบคทีเรียชื่อ Clostridium tetani ที่พบได้ทั่วไปในดิน สนิม มูลสัตว์ และสิ่งสกปรกต่าง ๆ เชื้อนี้สามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านบาดแผลเล็ก ๆ ที่ดูเหมือนไม่มีพิษภัย

แต่เมื่อเข้าสู่ร่างกาย เชื้อจะปล่อยพิษที่กระทบต่อระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้อหดเกร็งโดยไม่รู้ตัว ผู้ป่วยจะเริ่มจากขากรรไกรแข็ง ต่อด้วยคอ หลัง แขนขา และอาจเกร็งทั้งตัวจนหายใจเองไม่ได้

สัญญาณเตือนโรคบาดทะยัก

  • ขากรรไกรแข็ง อ้าปากไม่ออก
  • กลืนลำบาก พูดไม่ชัด
  • หลังแข็ง เดินเกร็ง
  • กล้ามเนื้อชักเกร็งทั้งตัว
  • บางรายมีอาการหลังแอ่น ตัวแข็งงออย่างรุนแรง

แม้แต่แผลถลอกจากการหกล้มในสนามเด็กเล่น ก็อาจติดเชื้อบาดทะยักได้ หากเด็ก ฉีดวัคซีนไม่ครบ!

 

สถิติชวนตกใจ โรคบาดทะยักคร่าชีวิตเด็กทั่วโลก

ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ทุกปีมีเด็กทารกเสียชีวิตจากบาดทะยักกว่า 30,000 รายทั่วโลก

ในประเทศไทย โรคนี้ยังคงพบอยู่บ้างในกลุ่มเด็กที่ ฉีดวัคซีนไม่ครบ หรือพลาดเข็มกระตุ้น โดยปี 2565 กรมควบคุมโรค รายงานว่า มีเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ติดเชื้อบาดทะยัก 18 ราย

 

วัคซีนบาดทะยักสำคัญแค่ไหน?

วัคซีนที่ป้องกันบาดทะยักได้คือวัคซีน DTP (Diphtheria-Tetanus-Pertussis) หรือ วัคซีนรวม คอตีบ บาดทะยัก ไอกรน ซึ่งมีในแผนวัคซีนเด็กของประเทศไทย โดยจะสร้างภูมิคุ้มกันต่อเนื่องเมื่อฉีดครบทุกเข็ม

ตารางวัคซีน DTP สำหรับเด็กไทย

  • เข็มที่ 1: อายุ 2 เดือน
  • เข็มที่ 2: อายุ 4 เดือน
  • เข็มที่ 3: อายุ 6 เดือน
  • เข็มกระตุ้นที่ 1: อายุ 18 เดือน
  • เข็มกระตุ้นที่ 2: อายุ 4–6 ปี
  • จากนั้น กระตุ้นทุก 10 ปี ไปตลอดชีวิต

หากขาดแม้แต่เข็มเดียว ภูมิคุ้มกันอาจไม่พอป้องกันโรค!

 

ฉีดวัคซีน

ฉีดวัคซีนไม่ครบ เสี่ยงติดเชื้ออันตรายถึงชีวิต

เด็กที่ ฉีดวัคซีนไม่ครบ มีโอกาสติดโรคมากกว่าคนทั่วไปถึง 10 เท่า (CDC, 2023) เพราะภูมิคุ้มกันไม่เพียงพอ หรือหมดฤทธิ์ไปตามเวลา

ในกรณีที่เด็กมีแผลหรือถูกของมีคมทิ่ม หากไม่มีภูมิคุ้มกัน แพทย์ต้องรีบฉีดยากันบาดทะยักแบบฉุกเฉิน (HTIG) และเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิด ซึ่งยังไม่รับประกันว่าจะรอดชีวิตเสมอไป

 

บาดทะยักรักษาได้ไหม?

บาดทะยักไม่มียารักษาเฉพาะ ที่กำจัดเชื้อให้หายขาด แพทย์จึงรักษาตามอาการ ดังนี้

  • ฉีด Human Tetanus Immunoglobulin (HTIG)
  • ให้ยาปฏิชีวนะ เช่น penicillin หรือ metronidazole
  • ใช้ยาคลายกล้ามเนื้อ เช่น diazepam หรือ baclofen
  • ดูแลแผล ลดการลุกลาม
  • บางรายต้องใส่ท่อช่วยหายใจใน ICU

การรักษายาวนาน เจ็บปวด และมีภาวะแทรกซ้อนทางพัฒนาการในเด็กจำนวนไม่น้อย

 

6. ผลเสียจากการไม่ฉีดวัคซีน ไม่ใช่แค่บาดทะยัก

เด็กที่ ฉีดวัคซีนไม่ครบ ยังเสี่ยงกับโรคอื่น ๆ ที่ร้ายแรงและอันตรายไม่แพ้กัน เช่น ไอกรน คอตีบ โปลิโอ หัด หัดเยอรมัน โรคคางทูม

ข้อมูลจาก UNICEF ชี้ว่า วัคซีนสามารถช่วยชีวิตเด็กได้มากถึง 3 ล้านคนทั่วโลกในแต่ละปี

 

ฉีดวัคซีนไม่ครบ พ่อแม่ควรทำอย่างไร?

  • ตรวจสมุดวัคซีนของลูกอย่างละเอียด
  • หากพบว่าขาดเข็มใดเข็มหนึ่ง รีบพาไปฉีดต่อโดยไม่ต้องเริ่มใหม่
  • เมื่อลูกมีแผล ควรแจ้งประวัติวัคซีนกับแพทย์ทุกครั้ง
  • ผู้ใหญ่เองก็ควรฉีดกระตุ้นทุก 10 ปี เช่นเดียวกับเด็ก
  • หากไม่แน่ใจ ควรพบแพทย์เพื่อเช็กภูมิคุ้มกัน

 

ตารางวัคซีนเด็กไทย 2568

คุณพ่อคุณแม่สามารถพาลูกไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ ตามตารางวัคซีนอัพเดทล่าสุดนี้ได้เลย

ตารางวัคซีน 2568

เคสที่ยกมานี้ เป็นเครื่องเตือนใจว่าการ ฉีดวัคซีนไม่ครบ ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย โรคบาดทะยักอาจดูห่างไกล แต่หากเกิดขึ้นจริง มักรุนแรงถึงขั้นทำให้เด็กพิการหรือเสียชีวิตได้ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงต้องตระหนักว่า การป้องกันโรค ย่อมง่ายกว่าการรักษาเสมอ วัคซีนแต่ละเข็มคือเกราะป้องกันที่พ่อแม่มอบให้ลูกได้ดีที่สุดค่ะ

ที่มา: WHO , กรมควบคุมโรค , CDC , UNICEF , Sulkiflee Saei

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

วัคซีนเด็ก 2568 วัคซีนที่จำเป็นสำหรับเด็กเล็ก แม่พาลูกไปฉีดครบหรือยัง?

ข่าวดี! ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2568 ฟรี! ที่ศูนย์บริการฯ ของ กทม. 69 แห่ง

ข่าวดีมากแม่! วัคซีน RSV มาแล้ว เช็กรูปแบบและราคาพร้อมกันที่นี่!

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!