หากสมองทำงานได้ไม่ดีจะส่งผลต่อพัฒนาการของลูกน้อย การบำรุงสมอง ควรควบคู่กับ การส่งเสริม ภูมิคุ้มกันที่ดี ของร่างกาย
ภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอไม่เพียงแต่ทำให้ลูกป่วยบ่อยและพลาดการเรียนรู้ แต่ยังส่งผลต่อพัฒนาการทางสมองอีกด้วย งานวิจัยเผยว่า ภูมิคุ้มกันและสมองทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด หากภูมิคุ้มกันไม่ดี จะส่งผลให้สมองทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ งานวิจัยจากวารสาร Journal of Health Psychology แสดงให้เห็นว่า ความเครียดและการติดเชื้อสามารถทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ซึ่งมีผลกระทบต่อพัฒนาการทางสมองในเด็ก ทำให้สมาธิสั้น จดจำไม่เก่ง และเรียนรู้ช้า
อันตรายของภูมิคุ้มกันอ่อนแอ:
ผลกระทบต่อเด็ก:
- ป่วยบ่อย: เด็กที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอมักจะป่วยบ่อยขึ้น เนื่องจากเสี่ยงต่อการติดเชื้อและโรคต่าง ๆ มากขึ้น ซึ่งอาจทำให้พลาดการเรียนหรือกิจกรรมที่สำคัญในช่วงเวลาการเรียน
- พัฒนาการช้า: การป่วยบ่อยและการที่ร่างกายต้องใช้พลังงานในการต่อสู้กับเชื้อโรค อาจส่งผลให้เด็กมีพลังงานไม่เพียงพอสำหรับการพัฒนาทั้งร่างกายและจิตใจ ทำให้พัฒนาการทั้งกายและสมองช้าลง
- ประสิทธิภาพในการเรียนรู้ลดลง: ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ส่งผลต่อการเรียนรู้ของเด็กโดยตรง ด้วยการป่วยบ่อยและพัฒนาการช้า อาจทำให้เด็กมีความสนใจในการเรียนลดลง และมีปัญหาในการจดจำและทำความเข้าใจเนื้อหาที่เรียน
- สถิติที่น่าสนใจเกี่ยวการป่วยของเด็กที่ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
สถิติจาก UNICEF ระบุว่า ปอดบวมเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของเด็กทั่วโลก โดยเฉพาะเด็กที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอหรือมีภูมิคุ้มกันไม่สมบูรณ์ เด็กที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้และมีโอกาสเสียชีวิตมากกว่าเด็กทั่วไป ในปี 2023 มีเด็กเสียชีวิตจากโรคปอดบวมมากกว่า 725,000 คนทั่วโลก โดยประมาณ 190,000 คนเป็นทารกแรกเกิด (reference-Children’s Healthcare of Atlanta)
เด็กที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ จึงควรได้รับสิ่งสำคัญ เช่น การได้รับวัคซีนที่เหมาะสม การรักษาโภชนาการที่ดี และการป้องกันการติดเชื้อโดยการล้างมืออย่างถูกวิธีและการใช้หน้ากากอนามัยในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยง
สมองเปรียบเสมือนกุญแจสำคัญ:
-
- การประมวลผลข้อมูล: สมองเปรียบเสมือนศูนย์กลางควบคุมอันล้ำสมัย ทำหน้าที่ รับรู้ข้อมูลต่างๆ ผ่านประสาทสัมผัส เปรียบเสมือนวัตถุดิบชั้นดีที่นำมา ประมวลผล แยกแยะ วิเคราะห์ กลั่นกรอง สู่ ความรู้ ความเข้าใจ ประสบการณ์ และทักษะ
- ความทรงจำ : ทำหน้าที่เหมือนคลังข้อมูลขนาดใหญ่ เก็บรักษาข้อมูลที่ผ่านการประมวลผล ช่วยให้เราสามารถนำความรู้และประสบการณ์ที่สั่งสมมา แก้ปัญหา ตัดสินใจ เรียนรู้สิ่งใหม่ และ สร้างสรรค์ สิ่งต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การคิด : เปรียบเสมือนกระบวนการกลั่นกรองขั้นสูง สมองจะนำข้อมูลที่ประมวลผลแล้วมา วิเคราะห์ เชื่อมโยง หาความสัมพันธ์ มองหาแง่มุมต่างๆ ช่วยให้เราเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้อย่างลึกซึ้ง ตัดสินใจอย่างมีเหตุผล และ สร้างสรรค์ สิ่งใหม่ๆ ได้อย่างชาญฉลาด
- สมาธิ: สมองช่วยให้จดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นเวลานาน โดยไม่วอกแวก ช่วยให้สามารถทำงานให้เสร็จลุล่วงอย่างมีประสิทธิภาพ
ผลเสียของสมองที่ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพเพราะภูมิคุ้มกันไม่ดี:
- สมาธิสั้นลง : การป่วยบ่อยและการมีภูมิคุ้มกันอ่อนแออาจทำให้สมองขาดสมาธิและไม่สามารถตั้งใจในการเรียนรู้ได้
- จดจำไม่เก่ง: สมองที่มีการทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพอาจทำให้การจดจำข้อมูลมีปัญหาและไม่มีประสิทธิภาพ
- เรียนรู้ช้า: การป่วยบ่อยและพัฒนาการช้าอาจทำให้เด็กมีความยากลำบากในการเรียนรู้ และต้องใช้เวลามากขึ้นในการเรียนรู้เนื้อหาใหม่ ทำให้พัฒนาการการเรียนรู้ช้าลง
เมื่อรู้อย่างนี้แล้วคุณแม่จึงต้องใส่ใจในการบำรุงและดูแลเรื่องสารอาหารทั้งในด้านการส่งเสริม ภูมิคุ้มกันที่ดี ควบคู่ไปกับการบำรุงสมอง เพื่อให้ลูกน้อยไม่พลาดในทุกการเรียนรู้ ที่จะมีผลต่อพัฒนาการของลูกๆ ในอนาคต ส่วนจะมีสารอาหารใดบ้างไปดูกันเลยค่ะ
สารอาหารที่มีส่วนช่วยในการเสริมสร้าง ภูมิคุ้มกันที่ดี และบำรุงสมอง
โคลีน (Choline): บำรุงสมอง เสริมสร้างความจำและสมาธิ
โคลีนเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยในการพัฒนาสมอง โดยเฉพาะในวัยเด็กที่สมองกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โคลีนมีบทบาทในการสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อสมอง รวมถึงการส่งสัญญาณประสาท ซึ่งสำคัญต่อการเรียนรู้และความจำ งานวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่า การรับประทานโคลีนอย่างเพียงพอช่วยให้เด็กมีสมาธิดีขึ้นและสามารถจดจำข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เด็กอายุ 2-8 ปี ควรได้รับโคลีนในปริมาณ 200-250 มิลลิกรรมต่อวัน รวมทั้งการทาน DHA ควบคู่ จะมีส่วนช่วยให้พัฒนาการสมองดียิ่งขึ้น
สารสกัดจากเอลเดอร์เบอร์รี่ (Elderberry Extract): เสริมภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงจากหวัด
มีงานวิจัยที่พบว่า สารสกัดจากเอลเดอร์เบอร์รี่เสริมภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงจากหวัด มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงที่ช่วยเสริมสร้าง ภูมิคุ้มกันที่ดี และช่วยลดระยะเวลาและความรุนแรงของการเป็นหวัดและไข้หวัดใหญ่ เพิ่ม ประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยเด็กต่อสู้กับเชื้อโรคได้ดียิ่งขึ้น
ซิงค์ (Zinc): ช่วยในการเจริญเติบโต
ซิงค์เป็นแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็ก ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและมีบทบาทสำคัญในการแบ่งเซลล์และการเจริญเติบโตของร่างกาย นอกจากนี้ ซิงค์ยังมีผลในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมองและช่วยให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากเรื่องสารอาหารแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันในการเลือกสรรให้ลูกน้อย คือการที่ต้องใส่ใจในการคัดเลือกแหล่งที่มาของวัตถุดิบของสิ่งที่จะป้อนเข้าปากลูกด้วย
แม่ยุคใหม่ใส่ใจสุขภาพลูก
เราอาจจะคุ้นเคยแค่ให้เลือกวัตถุดิบไม่สารกันเสียและไม่ใส่สีสังเคราะห์ แต่การเลือกผลิตภัณฑ์ที่มาจากวัตถุดิบธรรมชาติก็สำคัญไม่แพ้กัน วัตถุดิบควรต้องปราศจากสารเคมี รวมทั้งการเลือกใช้วัตถุดิบออร์แกนิกที่ปลอดภัยและผ่านการรับรองมาตรฐานคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญ The Organic Center ได้รายงานว่า วัตถุดิบออร์แกนิกมักมีสารอาหารสูงและปราศจากสารเคมีอันตรายที่อาจมีอยู่ในผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่ออร์แกนิก ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการได้รับสารพิษและเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้กับผู้บริโภค วารสาร European Journal of Nutrition ได้ตีพิมพ์งานวิจัยที่สนับสนุนว่าการบริโภคเอลเดอร์เบอร์รี่ออร์แกนิกช่วยเพิ่มระดับสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย และสามารถลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคเรื้อรังได้ นอกจากนี้การเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำตาลช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคอ้วนและปัญหาสุขภาพอื่นๆ และมีส่วนช่วยให้เด็กมีพลังงานและสมาธิดีขึ้น
สรุป
การเสริมภูมิคุ้มกันควบคู่ไปกับการพัฒนาสมองเป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของลูกน้อย คุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจในเรื่องของสารอาหารที่ครบถ้วนและมีประโยชน์ เพื่อการพัฒนาสมองและการเจริญเติบโต ส่งเสริมการเรียนรู้ของลูกให้เขาได้ค้นพบศักยภาพและความสามารถของตนเองและเติบโตอย่างแข็งแรง มีภูมิคุ้มกันที่ดีปลอดภัยจากการเจ็บป่วยค่ะ
รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงรวีรัตน์ สิชฌรังษี
กุมารแพทย์โรคภูมิแพ้ และภูมิคุ้มกัน
Ref
- Marković, J., et al. (2015). The Impact of Immunity on Brain Development. Journal of Health Psychology. Retrieved from SAGE Journals.
- European Journal of Nutrition