เหงือกอักเสบ ลูกเหงือกอักเสบทำไงดี รักษาเบื้องต้นยังไงได้บ้าง

การดูรักษาสุขภาพฟันของเด็กนั้น เป็นสิ่งที่คุณแม่ควรทำ หากเด็กมีฟันที่ไม่สะอาด หรือเป็นโรคเกี่ยวกับฟัน อาจทำให้เขารับประทานอาหาร หรือใช้ชีวิตได้ลำบากมากขึ้น เหงือกอักเสบ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเด็กได้ หากเด็กเหงือกอักเสบ คุณแม่จะช่วยลูกยังไงได้บ้าง ติดตามได้จากบทความนี้

 

เหงือกอักเสบ ลูกเหงือกอักเสบทำไงดี รักษาเบื้องต้นยังไงได้บ้าง

 

เหงือกอักเสบ เกิดขึ้นได้อย่างไร

เหงือกอักเสบ คือ โรคเหงือกชนิดหนึ่งที่สามารถพบได้บ่อย ๆ และไม่รุนแรง ซึ่งทำให้เกิดการระคายเคือง อักเสบที่เหงือก บวมแดง เนื่องจากเหงือกอักเสบเป็นโรคที่ไม่ได้มีความรุนแรงมาก โดยคนส่วนใหญ่จึงไม่ใส่ใจ และไม่มีการระมัดระวังมากนัก แต่แท้จริงแล้วการเป็นโรคเหงือกอาจจะนำไปสู่โรคอื่น ๆ ที่มีความรุนแรงขึ้น และนำไปสู่การสูญเสียฟันได้ในที่สุด ดังนั้นจึงควรที่จะให้ความสำคัญและควรรักษาเหงือกให้เป็นอย่างดี

 

อาการเหงือกอักเสบ

อาการของเหงือกอักเสบ อาการโดยทั่วไปแล้วของคนที่เป็นเหงือกอักเสบ ได้แก่ มีเหงือกที่บวมแดง รู้สึกเจ็บบริเวณที่เหงือกอักเสบ กินอาหารได้ลำบาก มีเลือดออกขณะที่แปรงฟัน เหงือกร่น มีกลิ่นปาก ฟันห่าง หรือฟันหลุด ซึ่งอาการมีเหงือกที่บวมแดง รู้สึกเจ็บบริเวณที่เหงือกอักเสบ เป็นอาการที่สามารถพบได้บ่อยที่สุด หากคุณนั้นไม่ได้รับการรักษาก็อาจจะทำให้เกิดอาการอื่น ๆ ตามขึ้นมาก็เป็นได้

 

สาเหตุของการเกิดเหงือกอักเสบ

สาเหตุของการเกิดเหงือกอักเสบ สาเหตุที่พบได้บ่อย ๆ ของเหงือกอักเสบเลยคือ การดูแลรักษาสุขอนามัยในช่องปากที่ไม่ดี จนทำให้เกิดคราบพลัคขึ้นได้ซึ่งไม่สามารถที่จะมองเห็นได้ คราบพลัคเป็นคราบจุลินทรีย์ที่อยู่บนผิวฟันเปรียบเหมือนฟิล์มที่เคลือบฟันเอาไว้ ซึ่งส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วยเชื้อแบคทีเรีย เมื่อคราบพลัคที่อยู่ที่ฟันยาวนานมากกว่า 2- 3 วัน ก็สามารถที่จะทำให้เกิดคราบหินปูนอยู่ตามร่องเหงือกได้ และหินปูนพวกนี้นั้นสามารถที่จะก่อตัวจากสารที่อยู่ในน้ำลายได้อีกด้วย ยิ่งมีคราบพลัคและหินปูนอยู่ที่ฟันยาวนานมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเหมือนทำให้เหงือกเกิดความระคายเคืองมากเท่านั้น เมื่อถึงเวลาเหงือกก็จะเกิดอาการบวมแดงและมีเลือดออก กลายเป็นเหงือกอักเสบในที่สุด นอกจากนี้ ยังสามารถที่จะส่งผลทำให้เกิดฟันผุได้อีกด้วย

ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดเหงือกอักเสบได้ อาจมีดังนี้

  • ปากและเหงือกแห้ง ซึ่งอาจเกิดจากการที่ดื่มน้ำน้อย หรือการหายใจทางปากแทนจมูก ทำให้แบคทีเรียเติบโตในช่องปากได้ไวมากยิ่งขึ้น
  • มีอาการบาดเจ็บในช่องปาก ที่อาจเกิดขึ้นขณะแปรงฟัน หรือรับประทานอาหาร
  • มีภาวะขาดสารอาหาร ได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
  • กำลังรับประทานยาบางชนิดที่มีผลต่อเหงือก
  • ฮอร์โมนในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง
  • อาหารติดอยู่ที่ซอกเหงือกและฟัน
  • ยีนบางชนิดในร่างกายทำให้เหงือกอักเสบ
  • เป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือโรคเบาหวาน
  • สูบบุหรี่ หรือยาสูบ

บทความที่เกี่ยวข้อง : 10 ตัวช่วยบรรเทาอาการปวดฟันของลูก

 

เหงือกอักเสบทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนได้ไหม

หากทำการปล่อยไว้และไม่ยอมรักษาอาการเหงือกอักเสบ เด็กอาจจะเสี่ยงต่อการเป็นโรคปริทันต์ได้ ซึ่งมักที่จะทำให้เกิดอาการดังต่อไปนี้

1. ปวดโดยเฉียบพลันที่ปากหรือขากรรไกร

แบคทีเรียที่เกิดจากการอักเสบของเหงือก อาจจะทำการลามไปยังบริเวณฟันคุดและอาจจะทำให้เด็ก ๆ นั้นรู้สึกปวดกรามขึ้นมาได้ โดยฟันที่บริเวณนั้นอาจจะโดนแบคทีเรียทำการแทรกซึมเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อ และเส้นประสาทโดยรอบได้ หากว่าเด็ก ๆ มีอาการเหงือกอักเสบและปวดกราม คุณพ่อคุณแม่ควรที่จะพาลูก ๆ ไปพบแพทย์เพื่อที่จะทำการรักษาโดยด่วน

2. เหงือกบวมหรือมีเลือดออก

เหงือกบวมหรือมีเลือดออก โดยปกติแล้วเหงือกของเด็ก ๆ จะมีสีชมพู แต่เมื่อมีภาวะเหงือกอักเสบรุนแรงมากขึ้น เด็กจะมีเลือดออกตามไรฟันและเหงือก รวมทั้งยังมีเหงือกบวมโต และเปลี่ยนเป็นสีแดงอีกด้วย โดยเลือกมักที่จะออกขณะที่เด็กนั้นแปรงฟันหรือใช้ไหมขัดฟัน ซึ่งเมื่อมีอาการเหล่านี้ถือว่าเป็นสัญญาณที่อันตรายมาก ๆ

3. มีกลิ่นปากเรื้อรัง

มีกลิ่นปากที่เรื้อรัง เป็นอีกหนึ่งอาการที่ไม่น่าพึงประสงค์ของเหงือกอักเสบ คือ กลิ่นปาก ซึ่งเกิดขึ้นจากการที่มีแบคทีเรียในปากเยอะเกินไป และไม่ว่าจะพยายามที่จะแปรงฟันหรือใช้น้ำยาบ้วนปากแค่ไหน ก็ไม่สามารถที่จะช่วยดับกลิ่นปากได้ จนเกิดเป็นกลิ่นปากเรื้อรัง

4. ฟันหลุด 

เมื่อเหงือกอักเสบและรุนแรงขึ้น แบคทีเรียจะทำการเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อที่อยู่ใต้ฟันจนเหงือกร่น ซึ่งอาจจะทำให้เด็ก ๆ นั้นฟันหลุดออกจากเหงือกได้ในทันที

นอกจากนี้ เด็ก ๆ ยังอาจมีเหงือกร่น เป็นหนองที่ฟันและเหงือก หรือมีวิธีการสบฟันที่เปลี่ยนไป โดยคุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นสังเกตอาการที่เกิดกับน้อง ๆ หากน้อง ๆ มีอาการของโรคปริทันต์เหล่านี้ ควรรีบพาเขาเข้ารับการรักษากับแพทย์ทันที เพื่อป้องกันความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นตามมา

บทความที่เกี่ยวข้อง : 5 ยาสีฟันสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ เริ่มต้นสุขภาพฟันที่ดีด้วยยาสีฟันที่ปลอดภัย

 

เหงือกอักเสบ

 

วิธีรักษาเหงือกอักเสบในเด็กเบื้องต้น

ในเบื้องต้น คุณแม่สามารถบรรเทาอาการเหงือกอักเสบของน้อง ๆ ได้ด้วยวิธีต่อไปนี้

  1. บ้วนปากด้วยน้ำที่ผสมเกลือ เพราะเกลือจะช่วยกำจัดแบคทีเรียในช่องปากได้ โดยอาจทำ 3-4 ครั้งต่อวัน เพื่อให้อาการดีขึ้น
  2. ดื่มน้ำให้มาก ๆ เพราะหากปากแห้ง อาจทำให้เชื้อแบคทีเรียเติบโตได้มากยิ่งขึ้น
  3. ซื้อแปรงที่มีขนนุ่ม เด็กจับได้ถนัด และมีขนาดหัวเล็ก เพื่อไม่ให้บาดเหงือก จนอาจเกิดแผลในช่องปากได้
  4. ซื้อแปรงสีฟันใหม่ให้ลูกทุก ๆ 3 เดือน เพราะแปรงสีฟันที่เก่าแล้วอาจเสื่อมสภาพ
  5. ให้เด็กแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง โดยใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ขนาดเท่าเม็ดถั่ว
  6. ควรให้เด็กแปรงฟันครั้งละ 3-5 นาที และคุณแม่ควรดูแลเด็ก ๆ ขณะแปรงฟัน เพื่อไม่ให้เด็กกลืนยาสีฟัน
  7. อาจให้เด็กแปรงฟันด้วยว่านหางจระเข้ด้วยก็ได้ เพราะผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ว่านหางจระเข้นั้น มีคุณสมบัติช่วยลดคราบจุลินทรีย์ในช่องปาก
  8. เก็บแปรงสีฟันไว้ในที่ ๆ สะอาด เพื่อไม่ให้เชื้อโรคเข้าถึงได้
  9. ใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ เพื่อให้ช่องปากและฟันสะอาดอยู่เสมอ
  10. ให้เด็กเข้ารับการตรวจฟันกับทันตแพทย์ทุก ๆ 6 เดือน
  11. ให้เด็กรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมและแร่ธาตุ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของฟันและกระดูก เช่น ผลิตภัณฑ์จากนม เนื้อปลาแซลมอน อัลมอนด์ คะน้า บรอกโคลี หรือผักใบเขียว เป็นต้น
  12. หากเด็กโตพอที่จะดื่มชาได้แล้ว ควรให้เขาดื่มชาที่มีโพลีฟีนอล ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่จะช่วยป้องกันไม่ให้คราบจุลินทรีย์เกาะติดฟันเด็ก
  13. ใช้ช้อนหรือไม้ไอติมขูดลิ้นเด็ก เพื่อกำจัดแบคทีเรียที่ลิ้นออก โดยขูดจากด้านในออกมาด้านนอก 10-15 ครั้ง
  14. กินผักสดเพื่อช่วยกระตุ้นการทำงานของเหงือกและฟัน และช่วยทำความสะอาดช่องปาก
  15. ให้เด็กรับประทานอาหารที่มีวิตามินดี เพื่อช่วยลดการอักเสบ
  16. ให้เด็กรับประทานวิตามินซี เพื่อรักษาอาการเลือดออกตามไรฟัน
  17. ให้เด็กรับประทานอาหารที่มีแป้งและน้ำตาลน้อย
  18. ให้เด็กแปรงลิ้นทุกครั้งที่แปรงฟัน เพื่อช่วยลดปัญหากลิ่นปาก
  19. ช่วยเด็กประคบร้อนบริเวณที่เหงือกอักเสบ
  20. ให้เด็กพักผ่อนอย่างเพียงพอ และไม่ทำให้เด็กเกิดอาการเครียด

หากเด็ก ๆ ไม่ได้เหงือกอักเสบรุนแรง ก็อาจจะยังสามารถบรรเทาอาการด้วยวิธีเหล่านี้ได้ แต่เมื่อใดก็ตาม ที่คุณแม่รู้สึกกังวลใจ หรือหากน้อง ๆ มีอาการน่าเป็นห่วง เหงือกอักเสบรุนแรง และปวดจนทนไม่ไหว ก็ควรพาน้อง ๆ เข้าพบแพทย์ เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ แม้ว่าจะรักษาจนหายดีแล้ว ก็อย่าลืมดูแลสุขภาพฟันของเด็ก ๆ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้เขากลับมาเหงือกอักเสบได้อีกนะคะ

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ปัญหาเรื่อง ฟันผุ ปวดฟัน ส่งผลเสียต่อการพัฒนาการของลูกหรือไม่

เชื้อราในปากทารก ฝ้าสีขาวในช่องปากลูก เป็นเชื้อรารักษาอย่างไรดี?

แนะนำ น้ำยาบ้วนปาก คนท้อง ปราศจากฟลูออไรด์ ใช้ได้อย่างปลอดภัย!

ที่มา : colgate , childrensedationdentist , ismilescorona , childrenandteendentalal , theasianparent colgate.

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!