อิริยาบถสุดน่ารัก ของสัตว์เลี้ยงขณะให้นมลูก

พบกับอิริยาบถของเหล่าสัตว์เลี้ยง ขณะให้นมลูก บอกได้คำเดียว งานนี้ดูแล้วต้องอมยิ้มตาม

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ภาพ อิริยาบถสุดน่ารัก ของสัตว์เลี้ยงขณะให้นมลูก

เมื่อเว็บไซต์ดังอย่าง Bored Panda รวบรวมเอาภาพ อิริยาบถสุดน่ารัก ของเหล่าสัตว์เลี้ยง หรือ สัตว์ ให้นม  ไม่ว่าจะเป็นน้องหมาหรือน้องแมวที่กำลังให้นมลูก มาให้สมาชิกแฟนเพจได้ดู งานนี้จะน่ารัก และขำขนาดไหน บอกเลยต้องดู เพราะพวกเขานั้น สีหน้ามาเต็ม

น้องหมาตัวนี้มีชื่อว่า โซอี้ ลองดูตาเธอเสียก่อน … เหมือนจะบ่งบอกอะไรบางอย่างเกี่ยวกับการเป็นคุณแม่มือใหม่

เบื้องหลังความสุขของชีวิตแม่แมว บอกคำเดียวงานนี้ “หมดแรง”

น่าร๊ากกก ดูดีมีระเบียบเรียบร้อย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

แม่จ๋า แม่จ๋า แม่จ๋า … ไม่ใช่แต่มนุษย์เท่านั้นนะ ที่เอะอะอะไรก็เรียกแต่แม่ ลูกแมวเหมียวพวกนี้ก็ด้วยเหมือนกัน

เอ่อ … อย่าแย่งกัน ๆ ได้กินทุกตัว

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

อิ่มแล้วก็นอน … นอนตรงนี้แล้วแม่จะลุกยังไงละลูก

ดูสายตาของแม่แมวสิ คงอยากที่จะรู้ว่า อีกนานไหมกว่าลูก ๆ จะอิ่ม

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

เอาให้เต็มที่ … ไม่ต้องห่วงท่าทางของแม่

สัตว์ ให้นม

สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม มีลักษณะที่แตกต่างจากสัตว์ชนิดอื่นๆ อย่างชัดเจน มีลักษณะทั่วไปคือ ตลอดทั่วทั้งลำตัวมีขนปกคลุม(hair) บางชนิดอาจวิวัฒนาการร่างกายให้มีจำนวนเส้นขนลดน้อยลง มีผิวหนังที่ปกคลุมทั้งร่างกาย มีต่อมเหงื่อ(sweat glands) ต่อมกลิ่น (scent glands) ต่อมน้ำมัน (sebaceous glands) และต่อมน้ำนม (mammary glands) มีฟันที่แข็งแรงสำหรับล่าเหยื่อและบดเคี้ยวอาหารจำนวน 2 ชุด (diphyodont) ทั้งบริเวณขากรรไกรด้านบนและขากรรไกรด้านล่าง มีฟันชุดแรกคือฟันน้ำนม (milk teeth) ที่จะถูกแทนที่ด้วยฟันแท้ (permanent teeth) มีเปลือกตาที่สามารถเคลื่อไหวได้ นัยน์ตา 2 ข้างสามารถกลอกไปมาเพื่อใช้สำหรับมองเห็นและป้องกันตัวเองจากศัตรู รวมทั้งมีใบหูที่อ่อนนุ่ม

สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมบางชนิด มีการวิวัฒนาการด้วยการปรับเปลี่ยนรยางค์ทั้ง 2 คู่ ให้เป็นไปตามแบบของแต่ละสายพันธุ์หรือในการดำรงชีวิต เช่น วาฬที่แต่เดิมจัดเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยบนบก แต่มีวิวัฒนาการปรับเปลี่ยนตัวเองด้วยการลดรยางค์จากเดิมที่เป็นขาคู่หน้า ให้กลายเป็นครีบ เพื่อสำหรับอาศัยในท้องทะเล จากหลักฐานโครงกระดูกของวาฬ เมื่อทำการเปรียบเทียบลักษณะของกระดูกบริเวณครีบหน้า จะเห็นว่ามีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงด้วยการลดรยางค์คู่หน้า จากเท้าหน้าให้กลายเป็นครีบ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมบางชนิดอาจลดรยางค์ลงหรือหายไปเลยก็มี ทั้งนี้ก็เพื่อการเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ และสำหรับการดำรงชีวิต

สามารถหายใจได้ด้วยปอดและมีกล่องเสียงสำหรับขู่คำราม เช่น แมว เสือ สิงโต เป็นต้น มีกระบังลม (diaphragm) มีลักษณะเป็นแผ่นกล้ามเนื้อทำหน้าที่กั้นระหว่างช่องอกและช่องท้องมีระบบขับถ่ายที่ประกอบไปด้วยไตแบบเมทาเนฟรอส (metanephros) และมีท่อปัสสาวะ (ureter) ที่ทำหน้าที่เปิดเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะ (urinary bladder) และมีสมองที่มีการเจริญอย่างดีเยี่ยม

สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งของลักษณะทั่วไปของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมคือ การรักษาอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่ แม้สภาพอากาศจะมีการเปลี่ยนแปลงโดยการใช้พลังงานความร้อนที่เกิดจากเมทาโบลิซึมภายในร่างกาย (endothemic) หรืออาจจะกล่าวได้ในอีกในอีกทางหนึ่งที่ว่า อุณหภูมิร่างกายของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมจะคงที่ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อม (homeothemic) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของสัตว์เลือดอุ่น (warm-blooded)

สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมมีเพศที่แบ่งแยกชัดเจน ทำให้สามารถรู้ได้ทันทีว่าเป็นเพศผู้หรือเพศเมีย(dioeceous) สืบพันธุ์โดยการปฏิสนธิภายในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมเพศเมีย ตัวอ่อนภายในท้องจะมีสายรกสำหรับยึดเกาะ (placental attachment) และเจริญเติบโตอยู่ภายในมดลูก มีเยื่อห่อหุ้มตัวอ่อน (fetal membrane) และมีน้ำนมจากต่อมน้ำนม เพื่อสำหรับเลี้ยงดูลูกอ่อน

 

สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

        สัตว์พวกนี้ เป็นสัตว์เลือดอุ่น สามารถควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ได้ แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อุณภูมิสูงหรือต่ำกว่าอุณหภูมิร่างกาย เป็นสัตว์ที่มีการวิวัฒนาการสูงสุด จึงเรียกว่า สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม เพราะว่าในเพศเมียจะมีต่อมน้ำนมเพื่อผลิตน้ำนมสำหรับเลี้ยงตัวอ่อน เราสามารถแบ่งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมตามลักษณะของการออกลูกและเลี้ยงลูกได้ กลุ่ม คือ
1. กลุ่มที่ออกลูกเป็นไข่  พวกนี้จะวางไข่เหมือนสัตว์ปีกและสัตว์เลื้อยคลาน โดยมีเปลือกแข็งหุ้ม พบว่ามีเพียง 2 ชนิดเท่านั้น คือ ตุ่นปากเป็ด และตัวกินมด ซึ่งเป็นสัตว์พบเฉพาะออสเตรเลีย และนิวกินีเท่านั้นภายหลังตัวอ่อนออกจากไข่ แล้วกินนมจากแม่เพื่อเจริญเติบโตต่อไป

2. กลุ่มที่มีถุงหรือกระเป๋าบริเวณหน้าท้อง พวกนี้จะมีถุงบริเวณ หน้าท้องไว้สำหรับเลี้ยงดูตัวอ่อนซึ่งมีขนาดเ ล็กมากเพราะมดลูกของสัตว์กลุ่มยังไม่พัฒนาดีนัก จึงให้ลูกเจริญเติบโต ภายในมดลูกได้เพียงระยะสั้นๆ แล้วต้องให้ตัวอ่อนมาเจริญอยู่ภายในถุงบริเวณหน้าท้อง ได้แก่ จิงโจ้หมีโคอะม่า และวัลลาบี ( คล้ายจิงโจ้แต่มีขนาดเล็กกว่า ) ซึ่งพบเฉพาะในประเทศออสเตรเลียเท่านั้น

 3. กลุ่มที่มีรก พวกนี้จะมีมดลูกที่พัฒนาดี โดยมีการสร้างรกเชื่อมระหว่างถุงหุ้มตัวอ่อนกับผนังมดลูกของแม่ ใช้สำหรับแลกเปลี่ยนสารต่างๆ ระหว่างแม่กับตัวอ่อนรวมทั้งอาหารต่างๆ จากแม่ก็จะถูกส่งไปยังตัวอ่อน เพื่อให้เจริญเติบโตภายในมดลูก โดยผ่านทางรก ตัวอ่อนจะเจริญอยู่ภายในมดลูกของแม่จนสมบูรณ์เต็มที่ จึงคลอดออกมาและดูดกินนมจากแม่อีกระยะหนึ่งจนโตพอที่จะดำรงชีวิตได้เอง ได้แก่ คน ช้าง ม้า วัว ควาย สุนัข แมว หมู เสือ สิงโต หมี
ลักษณะที่สำคัญ  มีขนลักษณะเป็นเส้นสั้นๆ ปกคลุมลำตัว ตัวเมียมีต่อมผลิตน้ำนมสำหรับเลี้ยงตัวอ่อน หายใจด้วยปอด มีหัวใจ 4 ห้อง มีแขน ขา ไม่เกิน 2 คู่ ออกลูกเป็นตัว ยกเว้นบางชนิดออกเป็นไข่ เช่น ตุ่นปากเป็ด และตัวกินมด บางชนิดยังอาศัยอยู่ในน้ำ เช่น ปลาวาฬปลาโลมา ปลาพะยูน บางชนิดบินได้ เช่น ค้างคาว
การสืบพันธุ์  มีการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ โดยมีการปฏิสนธิภายในร่างกายตัวเมีย ส่วนตัวอ่อนจะเจริญเติบโตอยู่ภายในมดลูกของแม่จนคลอดออกมาเป็นตัว ยกเว้นสัตว์ที่ออกลูกเป็นไข่แล้วฟักเป็นตัว เพราะสัตว์พวกนี้ไม่มีมดลูก และพวกที่มีมดลูกไม่พัฒนาดีนักพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม  เช่น เสือ กระรอก สิงโต สุนัข ลิง แมว 

 

ที่มา: boredpanda.com , instagram.com

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

11 ภาพ จิก มันส์ ฮา สาเหตุที่ภรรยาเบื่อสามี

ภาพแบบนี้สิ สำเนาถูกต้องชัด ๆ

เมื่อเบบี๋อยากทำสวย ภาพน่ารักใจละลายแบบนี้จึงมีให้เห็น

บทความโดย

Muninth