เมื่อแม่เริ่มตั้งครรภ์ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนต่าง ๆ ในร่างกาย อาจทำให้ภูมิแพ้ที่เคยเป็นอยู่เดิม เกิดการกำเริบบ่อย ๆ แล้วอย่างนี้แม่จะทำยังไง คนท้องกินยาแก้แพ้ได้ไหม ยาแก้แพ้ตัวไหนต้องห้าม
คนท้องกินยาแก้แพ้ได้ไหม ลูกในท้องอันตรายไหม
รศ. พญ. รวีรัตน์ สิชฌรังษี กุมารแพทย์ เตือนให้คุณแม่ระมัดระวังโรคภูมิแพ้ ไว้ว่า โรคภูมิแพ้ที่ควบคุมอาการได้ไม่ดีในคุณแม่ตั้งครรภ์ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อความผิดปกติของลูกในครรภ์ได้ เช่น คุณแม่ที่เป็นโรคหืด
- อาจส่งผลทำให้ลูกในครรภ์มีน้ำหนักตัวน้อย
- คลอดก่อนกำหนด
- อาจทำให้คุณแม่เกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ
คนท้องเป็นหอบหืด
แม่ตั้งครรภ์ที่เป็นโรคภูมิแพ้ โดยเฉพาะโรคหืด ต้องหมั่นตรวจเช็คกับสูติแพทย์อย่างต่อเนื่อง และใช้ยารักษาโรคภูมิแพ้เพื่อควบคุมอาการตามที่คุณหมอสั่งอย่างสม่ำเสมอ เพื่อควบคุมอาการของโรคให้ดี จะได้ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนกับลูก รวมทั้งหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ที่กระตุ้นให้เกิดอาการ
บทความที่เกี่ยวข้อง : โรคหอบหืด โรคที่เกี่ยวกับระบบหายใจ อย่าปล่อยไว้ อันตรายถึงชีวิต!
โรคหืดในคุณแม่ตั้งครรภ์
อาการจะเป็นไปได้ 3 แบบ ถ้าโชคดีหน่อย คุณแม่ตั้งครรภ์จะมีอาการดีขึ้น หรือไม่ก็อาการจะคงเดิม แต่ที่น่าห่วงคือ แม่ท้องอาจจะมีอาการแย่ลงได้ ถ้าก่อนตั้งครรภ์มีอาการเดิมของโรครุนแรงอยู่แล้ว ก็คาดว่าปัจจัยที่ทำให้อาการของโรคหืดแย่ลง เนื่องจากติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนที่บ่อยกว่าก่อนตั้งครรภ์ สืบเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญที่ทำให้อาการของโรคแย่ลง การที่ผู้ป่วยใช้ยาไม่สม่ำเสมอ หรือการได้รับการรักษาที่ไม่เหมาะสม ซึ่งยารักษาโรคหืดบางชนิดสามารถใช้ได้ในคุณแม่ตั้งครรภ์โดยไม่มีอันตรายต่อลูกในครรภ์ แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของคุณหมออย่างใกล้ชิด
โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้
นอกจากโรคหืดแล้ว โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ ก็ถือเป็นโรคที่พบได้บ่อย สำหรับแม่ท้องที่มีอาการอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ หรือมีอาการกำเริบชัดเจนในช่วงตั้งครรภ์ อาจจะพบไซนัสอักเสบร่วมด้วย แต่อาการจมูกอักเสบ ก็ไม่ได้เกิดจากภูมิแพ้เสมอไป คนท้องบางคนก็เกิดอาการจมูกอักเสบ จากฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนที่เปลี่ยนแปลงระหว่างตั้งครรภ์ แต่แม่ไม่ต้องกังวลไปนะคะ อาการนี้จะหายไปหลังคลอดลูกแล้วค่ะ
แม่ท้องกินยาแก้แพ้ได้ไหม
คนท้องกินยาแก้แพ้เม็ดสีเหลืองได้ไหม ? พอพูดถึงยาแก้แพ้ แม่ ๆ จะนึกถึงคลอเฟนิรามีน (Chlorpheniramine) กันใช่ไหมเอ่ย ยาแก้แพ้เม็ดสีเหลือง ที่มีสรรพคุณช่วยแก้แพ้อากาศ แก้คัน ซ้ำยังช่วยลดน้ำมูก แก้อาการฟึดฟัด ในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย
ยาคลอเฟนิรามีนนั้น แม่สามารถกินได้ แต่ไม่ควรกินบ่อย ๆ หากใช้เพียงชั่วครั้งชั่วคราว ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าใช้ยา ติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ จะส่งผลร้าย เช่น
- เกล็ดเลือดต่ำ
- ลูกที่เกิดมาอาจมีอาการเลือดไหลผิดปกติ
ยาลดน้ำมูก โตรโรลิดีน หรือแอคติเฟด เป็นยาแก้แพ้ที่ปลอดภัยกับแม่ท้อง ยาตัวนี้จะช่วยลดน้ำมูก ลดอาการคัดจมูก บรรเทาอาการโรคภูมิแพ้ แต่ยานี้มีผลข้างเคียง เช่น กินแล้วทำให้ง่วงนอน ดังนั้นคุณแม่ที่กินขณะทำกิจกรรม หรือขับรถ ไม่ควรกิน เพราะอาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้
ยาฟาเทค เป็นอีกหนึ่งกลุ่มยาแก้แพ้ แก้คัน ลดน้ำมูก ที่เหมาะสำหรับแม่ท้อง ไม่อันตรายต่อทารกในครรภ์ และข้อดีคือ ยาตัวนี้ไม่ทำให้ง่วงนอน แต่ยาตัวนี้ออกฤทธิ์ช้ากว่าตัวยาชนิดอื่น ๆ
นอกจากนี้ ยาแก้แพ้บางชนิด ก็ส่งผลต่อทารกในครรภ์ ทำให้ลูกพิการแต่กำเนิด แม่ต้องระวังนะคะ
ยาห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์
นอกเหนือจากยาแก้แพ้แล้ว คนท้องต้องรู้ ยาห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์ ว่ามีดังนี้
- ยาปฏิชีวนะและยาแก้อักเสบ ยาเตตราชัยคลิน มีผลต่อการสร้างกระดูกและฟันของลูกในครรภ์ / ยาซัลฟา อาจทำให้ทารกคลอดออกมาแล้วตัวเหลือง / ยาเพนนิซิลินและแอมพิซิลิน เป็นยาที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับหญิงมีครรภ์ ยกเว้นผู้ที่แพ้ยาเท่านั้น / ยาแก้อักเสบ มักจะเป็นยาที่หาซื้อมาทานเองบ่อยมาก และมักจะใช้ไม่ถูกวิธี จึงทำให้ดื้อยา ฉะนั้นไม่ควรใช้ยาเอง หากใช้ในหญิงทั้งที่ตั้งครรภ์หรือไม่ อาจทำให้ช่องคลอดอักเสบจากเชื้อรา มีอาการตกขาวและคันในช่องคลอดมากได้
- ยาแก้ปวดลดไข้ ยาแอสไพริน หากทานเมื่อใกล้คลอด อาจไปยับยั้งการทำงานของเกล็ดเลือดสำหรับทารกตั้งครรภ์ ทำให้เลือดไหลไม่หยุดได้ / ยาพาราเซตามอล เป็นยาที่ใช้ได้ปลอดภัยในผู้หญิงตั้งครรภ์ แต่ต้องอยู่ในความควบคุมจากแพทย์ / คุณแม่ตั้งครรภ์ที่เป็นไมเกรน ให้หลีกเลี่ยงยาแก้ปวดศีรษะกลุ่มเออโกตามีน เพราะทำให้มดลูกบีบตัว จนอาจแท้งหรือคลอดก่อนกำหนดได้
- ยาแก้คัน แก้แพ้ ยาคลอเฟนิรามีน หากมีการใช้ติดต่อกันนานๆ จะทำให้เกล็ดเลือดต่ำ ลูกที่เกิดมาอาจจะมีเลือดไหลผิดปกติ
- ยานอนหลับและยากล่อมประสาท ควรใช้ตามที่แพทย์สั่ง หากใช้ในปริมาณมาก ลูกที่เกิดมาอาจหายใจไม่ดี เคลื่อนไหวช้า และชักกระตุกได้
- ยารักษาเบาหวาน หากเป็นชนิดฉีดอินซูลินสามารถใช้ได้ ไม่มีอันตราย แต่ถ้าเป็นชนิดรับประทานอาจจะทำให้น้ำตาในเลือดของทารกต่ำได้
- ยากันชัก อาจทำให้เกิดความพิการในทารกได้ โดยมีใบหน้าผิดปกติ
- ยาแก้ไอ ไม่แนะนำให้ใช้ยาชนิดที่ไม่มีไอโอดีน เพราะอาจทำให้ทารกเกิดอาการคอพอก และมีอาการผิดปกติทางสมองได้
- ยาลดกรดในกระเพาะอาหาร ยาชนิดนี้มีส่วนผสมของแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์มาก อาจทำให้คุณแม่ท้องเสีย และอาจเป็นอันตรายต่อลูกในครรภ์ได้
- ยาแก้อาเจียนหรือยาแก้แพ้ท้อง ควรให้หมอเป็นผู้สั่งยา อย่าซื้อทานเองเด็ดขาด
แม่ท้องกินยาแก้แพ้บางชนิดได้ แต่ก็ควรระวัง !
สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ ควรระวังในการกินยาต่าง ๆ มากกว่าคนทั่วไป และควรเลือกยาที่เหมาะสำหรับคนท้อง รวมถึงปลอดภัยทั้งตัวคุณแม่เองและทารกในครรภ์
- หากมีประวัติแพ้ยาก่อนตั้งครรภ์ ในช่วงที่คุณแม่ตั้งครรภ์ไม่ควรกิน
- ในช่วง 3 เดือนแรก หากคุณแม่จะกินยาอะไร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ
- ไม่ควรกินยาแก้แพ้ควบคู่กับการกินวิตามิน อาหารเสริม รวมถึงสมุนไพรต่าง ๆ
- ไม่ควรกินติดต่อกัน 2 – 3 วัน
- หากไปซื้อยาทานด้วยตัวเอง ควรแจ้งแพทย์ หรือเภสัชกรทุกครั้งว่าตั้งครรภ์
- หากกินแล้วไม่ดีขึ้น ควรเข้ามาพบแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุอีกครั้ง
ทางที่ดีที่สุด แม่ท้องต้องปรึกษาคุณหมอ เมื่อมีอาการเจ็บป่วย ไม่สบาย ไม่ควรซื้อยาทานเอง เพื่อให้คุณหมอวินิจฉัยอย่างละเอียด แม่ท้องจะได้ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน หรือเสี่ยงอันตรายจากโรคประจำตัว
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
คนท้องกินยาพาราได้มั้ย ส่งผลอะไรกับลูกในท้องหรือเปล่า
คนท้องกินยาอะไรได้บ้าง ป่วยแล้วต้องทำยังไง กินยาอะไรไม่ให้กระทบลูกในท้อง
คนท้องกินยาแก้เมารถได้ไหม แม่ท้องควรทำอย่างไรไม่ให้เมารถ เมาเรือ
ที่มา :med.mahidol