คนท้องล้างห้องน้ำได้ไหม ต้องระวังอะไรบ้าง 7 เรื่องควรเลี่ยงเมื่อคนท้องทำงานบ้าน

พอรู้ตัวว่าท้อง หลายคนก็เริ่มลังเลเลยว่า “เอ๊ะ… แบบนี้ยังทำงานบ้านได้อยู่มั้ยนะ?” โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับงานล้างห้องน้ำ ที่ทั้งเปียก ทั้งลื่น แถมบางทีต้องใช้สารเคมีแรงๆ ด้วย จะทำต่อไปดีมั้ย หรือควรพักก่อน? มาหาคำตอบกันว่า คนท้องล้างห้องน้ำได้ไหม คนท้องกับงานบ้านเป็นของที่ไปด้วยกันได้แค่ไหน แล้วอะไรที่ทำได้ และอะไรควรเลี่ยงไว้ก่อนดีกว่า

7 เรื่องควรเลี่ยงเมื่อคนท้องทำงานบ้าน

ในช่วงตั้งครรภ์คุณแม่ต้องระวังเป็นพิเศษค่ะ ซึ่งครอบครัวไหนที่ปกติคุณแม่ต้องทำงานบ้านอยู่แแล้ว พอตั้งครรภ์จะหยิบจับอะไรก็กังวลไปเสียหมด แม้งานบ้านเล็กๆ น้อยๆ อาจจะทำได้อยู่บ้าง แต่ก็ต้องทำไปพักไป เพื่อไม่ให้เหนื่อยเกินไป หรือเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุต่างๆ ต่อทารกในครรภ์ได้ ดังนั้น คุณแม่ท้องจะทำความสะอาดบ้านก็ได้ค่ะ แต่ต้องไม่หักโหม งานบ้านหนักๆ ไม่ควรทำเอง หรือหากเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงการทำงานบ้านจะดีกว่าค่ะ แต่ถ้าจำเป็นต้องทำแนะนำว่าควรหลีกเลี่ยง 5 ข้อต่อไปนี้

1. ต้องระวัง น้ำยาทำความสะอาด

ในช่วงก่อนตั้งครรภ์คุณแม่อาจไม่เคยมีอาการแพ้อะไรเลย แต่เมื่อตั้งครรภ์ร่างกายคุณแม่จะไม่เหมือนเดิมแล้วค่ะ การแพ้น้ำยาต่างๆ ที่ใช้สำหรับทำความสะอาดบ้าน ใช้ขัดถูพื้น ล้างจาน ซักผ้า อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ ดังนั้น หากต้องทำงานบ้านที่มีการสัมผัสกับน้ำยาที่มีส่วนผสมของสารเคมีต่างๆ คุณแม่ท้องต้องใส่ถุงมือยางทุกครั้งเพื่อป้องกันอาการแพ้ค่ะ และควรสวมมาสก์ปิดจมูกเพื่อป้องกันอาการคลื่นไส้เมื่อได้กลิ่นน้ำยาด้วยนะคะ

2. เลี่ยงการยกของหนัก

การตั้งครรภ์ในไตรมาสแรก โดยเฉพาะช่วงก่อน 4 เดือนแรก คุณแม่ห้ามยกของหนักๆ หรือทำงานที่ต้องใช้แรงเยอะๆ นะคะ เพราะการยกของหนักจะทำให้แรงดันเวลายกของไปอยู่ที่มดลูก จึงมีความเสี่ยงสูงต่อการแท้ง ทั้งยังอาจเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดอื่นๆ ได้ด้วย

3. ห้ามทำงานบ้านที่ต้องปีนขึ้นที่สูง

ความสูงนั้นเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายต่อคนทั่วไปอยู่แล้วค่ะ กับคนท้องยิ่งอันตรายมากๆ ดังนั้น การปีนขึ้นไปจัดหนังสือหรือปัดกวาดเช็ดถูชั้นหนังสือสูงๆ จัดเก็บจานชามหรือข้าวของในตู้สูงๆ คุณแม่ต้องหลีกเลี่ยงค่ะ เปลี่ยนเป็นขอแรงคุณพ่อช่วยหยิบจับทำความสะอาดแทนดีกว่าค่ะ

4. ระมัดระวังพื้นที่มีความลื่น

สถานที่ที่มีความเปียกแฉะ ทั้งภายนอกและภายในบ้าน ล้วนเป็นพื้นที่เสี่ยงอันตรายของแม่ท้องค่ะ ดังนั้น การทำความสะอาดห้องน้ำ หรือพื้นที่ซักล้างนอกบ้านจึงต้องใช้ความระมัดระวัง โดยอาจสวมรองเท้ากันลื่นก่อนสัมผัสกับบริเวณดังกล่าว หรือหลีกเลี่ยงไปเลยปลอดภัยกว่าค่ะ

5. อยู่ให้ห่างเศษฝุ่น ตัวไร

หากต้องทำความสะอาดบ้าน หรือแม้แต่การเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน แน่นอนว่าคุณแม่ตั้งครรภ์ต้องเจอกับฝุ่นละอองที่คลุ้งอยู่ในอากาศแบบแทบหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น ควรใส่มาสก์ปิดปากปิดจมูกระหว่างการทำความสะอาดทุกครั้งเพื่อป้องกันฝุ่นละออง เพราะสิ่งสกปรกในอากาศอาจก่อให้เกิดการแพ้หรือความระคายเคืองได้ค่ะ

6. การฉีดยาพ่นฆ่าแมลงในบ้าน

เนื่องจากเป็นสารเคมีรุนแรง แม่ท้องอาจได้รับอันตรายจากกลิ่นที่ฉุนเกินไป ส่งผลเสียต่อสุขภาพของคุณแม่และสุขภาพครรภ์ได้ นอกจากนี้ คุณแม่ที่กังวลว่า คนท้องล้างห้องน้ำได้ไหม บอกเลยว่าหากเป็นกรณีการล้างห้องน้ำโดยใช้น้ำยาที่มีกลิ่นฉุน มีคุณสมบัติในการกัดกร่อน ก็ควรเลี่ยงเช่นกันนะคะ

7. ดูแลความสะอาดสัตว์เลี้ยง

การเก็บมูลสัตว์เลี้ยงนั้นเป็นอันตรายอย่างยิ่งสำหรับแม่ท้องค่ะ โดยเฉพาะ “น้องแมว” เพราะในขี้แมวนั้นจะมีสาร Toxoplasmosis ที่เป็นปรสิต อาจส่งผลให้ลูกน้อยในครรภ์ติดเชื้อ และอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ รวมถึงสัตว์เลี้ยงอื่นๆ เช่น น้องหมา ควรหลีกเลี่ยงไว้ก่อนดีที่สุดค่ะ หากจำเป็นที่ต้องเก็บมูลสัตว์จริงๆ แนะนำให้คุณแม่สวมถุงมือ หน้ากากอนามัย และล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังทำความสะอาดมูลสัตว์นะคะ

คนท้องล้างห้องน้ำได้ไหม ? ต้องระวังอะไรบ้าง

เมื่อเห็นข้อที่ควรหลีกเลี่ยงข้างต้นแล้ว คุณแม่น่าจะพอมีคำตอบของประเด็นที่ว่า คนท้องล้างห้องน้ำได้ไหม ? กันแล้วนะคะ ซึ่งคำตอบคือ สามารถทำได้ค่ะ แต่คุณแม่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษมากๆ เนื่องจากห้องน้ำมักเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดห้องน้ำส่วนใหญ่มักมีสารเคมีที่อาจเป็นอันตรายต่อคนท้องได้ การล้างห้องน้ำจึงไม่ถึงกับเป็นข้อห้ามสำหรับคนท้อง เพียงแต่ควรหลีกเลี่ยงบางปัจจัยที่อาจทำให้เกิดอันตราย เช่น

• สารเคมีแรงๆ โดยเฉพาะน้ำยาล้างห้องน้ำแบบกัดสนิม มีกลิ่นฉุนจัด อาจกระทบต่อระบบหายใจ หรือเป็นอันตรายต่อลูกในท้องได้ แนะนำให้เลือกน้ำยาทำความสะอาดสูตรอ่อนโยน หรือแบบธรรมชาติ และสวมถุงมือ หน้ากากอนามัยทุกครั้ง
• พื้นลื่น เสี่ยงล้ม ดังนั้น ควรใส่รองเท้าที่กันลื่น และอย่าล้างห้องน้ำตอนที่พื้นห้องน้ำเปียกมากๆ หรือมีน้ำนอง
• ท่าทางการล้าง โดยปกติการล้างห้องน้ำเป็นงานบ้านที่ต้องใช้แรงค่อนข้างมาก และต้องก้มๆ เงยๆ บ่อยครั้ง ในพื้นที่แคบซึ่งอากาศอาจถ่ายเทไม่ค่อยสะดวก ดังนั้น หากว่าร่างกายในช่วงตั้งครรภ์ไม่สามารถทำงานบ้านประเภทนี้ได้ ทำไม่ไหว เหนื่อยง่าย หรือเวียนหัวเมื่อใช้สารเคมี ให้หยุดทันที แล้วให้คนในบ้านช่วยดีกว่า เพราะการที่ต้องก้มๆ เงยๆ เป็นเวลานาน หรือออกแรงขัดแรงๆ อาจทำให้ปวดหลัง หรือมดลูกบีบตัวได้ค่ะ

งานบ้านที่คนท้อง “ทำได้” 

1. กวาดและถูพื้น แต่ควรใช้ไม้กวาดและไม้ถูพื้นที่มีด้ามยาว หรือใช้เครื่องดูดฝุ่น เพื่อหลีกเลี่ยงการก้มเงยมากเกินไป และระมัดระวังพื้นที่เปียกหลังการถู
2. เช็ดฝุ่น การเช็ดฝุ่นตามเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ เป็นงานที่ไม่หนักมาก สามารถทำได้ แต่ควรใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำหมาดๆ แทนการใช้สเปรย์หรือสารเคมีที่มีกลิ่นฉุน
3. ล้างจาน ช่วงที่ตั้งครรภ์ผิวของคุณแม่จะบอบบางมากกว่าปกติ จึงอาจทำให้แพ้น้ำยาล้างจาน หรือผิวระคายเคืองได้ คุณแม่จึงควรสวมถุงมือยางเพื่อป้องกันการสัมผัสน้ำยาล้างจานโดยตรง และระมัดระวังพื้นเปียกบริเวณอ่างล้างจาน โดยควรล้างจานทุกครั้งหลังกินเสร็จ ไม่ควรสะสมไว้เยอะๆ เพื่อเลี่ยงการยืนนานๆ ขณะล้างจานค่ะ
4. ซักผ้าและตากผ้า การซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้าและการตากผ้าที่ไม่ต้องยกของหนักมาก สามารถทำได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงการยกตะกร้าผ้าที่หนักเกินไปค่ะ
5. ทำอาหารง่ายๆ ตุณแม่สามารถเตรียมอาหารที่ไม่ต้องใช้แรงมากหรือยืนเป็นเวลานานได้ แต่อาจต้องระมัดระวังเรื่องกลิ่นฉุนของเครื่องปรุงและส่วนประกอบบางชนิดค่ะ

ได้คำตอบกันแล้วนะคะว่า คนท้องล้างห้องน้ำได้ไหม ซึ่งจะเห็นได้ว่าคนท้องสามารถทำงานบ้านได้หลายอย่างเลยค่ะ แต่สิ่งสำคัญคือต้องรู้จักประมาณตนเอง ทำงานบ้านด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของตนเองและลูกน้อยในครรภ์ หากจะล้างห้องน้ำควรเลือกใช้อุปกรณ์และผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม มีการระบายอากาศที่ดี และควรขอความช่วยเหลือคุณพ่อบ้างหากจำเป็น จะช่วยให้คุณแม่สามารถดูแลบ้านได้อย่างปลอดภัยและมีความสุขตลอดการตั้งครรภ์ค่ะ

ที่มา : www.regagar.com , www.thaismartclean.com

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

คนท้องห้ามไปงานแต่ง จริงหรือ? ชวนดู 8 ข้อห้ามคนท้อง ที่คุณแม่ต้องใส่ใจ

คนท้องกินไฟเบอร์มะขามได้ไหม ? ไฟเบอร์กับปัญหาท้องผูกในแม่ตั้งครรภ์

อย่าละเลย! 9 อาการระหว่างตั้งครรภ์ ลูกอาจเสี่ยงอันตรายถ้าไม่เช็ก

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on: