แม่ผ่าคลอด คุณพร้อมไหม? เตรียมให้พร้อม ทั้งเรื่อง “สมองไว” และ “ภูมิคุ้มกันแข็งแรง”

lead image

แม่ผ่าคลอด ควรเตรียมตัวให้พร้อมตั้งแต่วันแรก เพราะเด็กผ่าคลอดทุกคนต้องการการดูแลที่พิเศษ ด้วยสฟิงโกไมอีลินและบีแล็กทิสในน้ำนมแม่

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ในกรณีที่คุณแม่มีความจำเป็นต้องผ่าคลอด ด้วยเหตุผลทางการแพทย์ ยิ่งใกล้วันครบกำหนดคลอดเท่าไร แม่ผ่าคลอด น่าจะทั้งรู้สึกตื่นเต้นและกังวลใจไปพร้อม ๆ กัน สิ่งหนึ่งที่ช่วยคลายความเครียดและความกังวลได้ดีที่สุด นั่นคือการเตรียมตัวให้พร้อมตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการจัดกระเป๋าเตรียมคลอด รวมถึงการเตรียมเอกสารส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนถึงวันที่คุณหมอนัดผ่าคลอด

อีกหนึ่งสิ่งที่คุณแม่เตรียมผ่าคลอดต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กัน นั่นคือ การเตรียมสมองและภูมิคุ้มกันของเจ้าตัวเล็กให้พร้อมตั้งแต่วันแรก เพาะเด็กผ่าคลอดทุกคนต้องการการดูแลที่แตกต่าง

 

แม่พร้อมไหม? ทำไมต้องดูแล “สมอง” และ “ภูมิคุ้มกัน” ของเด็กผ่าคลอดเป็นพิเศษ

เพราะเด็กผ่าคลอดจะพลาดโอกาสการได้รับภูมิคุ้มกันตั้งต้นจากช่องคลอดตั้งแต่แรกเกิด แตกต่างจากเด็กคลอดธรรมชาติ ซึ่งได้รับจุลินทรีย์สุขภาพโพรไบโอติกส์ที่อาศัยอยู่บริเวณช่องคลอดของคุณแม่ทันทีที่คลอด จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เด็กผ่าคลอดมีความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยง่ายกว่าเด็กคลอดธรรมชาติ

 

นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ แม่ผ่าคลอด จำนวนมาก ใส่ใจภูมิคุ้มกันของลูก จนมองข้ามการดูแลพัฒนาการสมองของเด็กผ่าคลอด ทั้ง ๆ ที่เด็กผ่าคลอดเองก็ยังมีการพัฒนาสมองที่แตกต่างจากเด็กคลอดธรรมชาติ เนื่องจากการเชื่อมโยงการทำงานของเซลล์ประสาทในสมองในช่วงเริ่มต้นน้อยกว่าเด็กที่คลอดธรรมชาติ¹

 

จากการศึกษายังพบอีกว่า 1 ใน 7 ของเด็กผ่าคลอดอาจมีความเสี่ยงต่อพัฒนาการด้านการเรียนรู้ เมื่อเริ่มเข้าโรงเรียน² ซึ่งพบว่าเด็กผ่าคลอดที่อายุ 4 – 9 ปี มีคะแนนสอบที่แตกต่างจากเด็กที่คลอดธรรมชาติ³  นอกจากนี้ พัฒนาการสมองของเด็กผ่าคลอด ส่วนคอร์ปัส คาโลซัม (Corpus Callosum) ซึ่งเป็นส่วนที่เชื่อมโยงการทำงานระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา พบว่าเด็กผ่าคลอดมีการสร้างไมอีลินในสมองน้อยกว่าเด็กที่คลอดธรรมชาติอย่างมีนัยสำคัญ ตั้งแต่อายุ 3 เดือนจนถึง 3 ปี¹

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

แต่คุณแม่ผ่าคลอดไม่ต้องกังวลไป เพราะเราสามารถมอบของขวัญสุดพิเศษสำหรับลูกรักได้ด้วย “นมแม่” ตัวช่วยสำคัญที่ จะทำให้เด็กผ่าคลอดมีพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่ดีได้

 

นมแม่ ของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับเด็กผ่าคลอด

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

โภชนาการจาก “นมแม่” ถือเป็นของขวัญชิ้นสำคัญที่แม่ผ่าคลอดสามารถมอบให้ลูกรักได้ตั้งแต่แรกเกิด เนื่องจากนมแม่อุดมด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด รวมทั้งสารอาหารที่ช่วยพัฒนาการสมอง เช่น สฟิงโกไมอีลิน และจุลินทรีย์สุขภาพหลายชนิดที่ช่วยพัฒนาภูมิคุ้มกันที่ดีตั้งแต่ช่วงแรกของชีวิต เช่น B.lactis เป็นต้น

 

ทำความรู้จัก 2 สารอาหารสำคัญ “สร้างสมองไว เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน” เด็กผ่าคลอด

 

“นมแม่” ประกอบด้วยสารอาหารมากมาย หนึ่งในนั้นคือสารอาหารประเภทไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิดที่มีชื่อว่า “สฟิงโกไมอีลิน” มีส่วนช่วยในการสร้าง “ปลอกไมอีลิน” ทำให้สมองคิดเร็ว เรียนรู้ไว⁴ เนื่องจากกระบวนการสร้างไมอีลินจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในขวบปีแรก และมีบทบาทสำคัญช่วยให้สมองส่งสัญญาณประสาทได้รวดเร็วแบบก้าวกระโดด เมื่อสมองประมวลผลได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เด็ก ๆ จะเรียนรู้ จดจำ คิดวิเคราะห์ และมีพัฒนาการสมองได้เต็มศักยภาพ โดยนักวิจัยยังพบว่า แขนงประสาทนำออกที่มีปลอกไมอีลินห่อหุ้ม จะส่งสัญญาณประสาทได้เร็วกว่าที่ไม่มีปลอกไมอีลินกว่า 100 เท่า⁵

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

นอกจากนี้ ในนมแม่ยังอุดมด้วย จุลินทรีย์สุขภาพมากมาย เช่น โพรไบโอติก บีแล็กทิส  (B. lactis) ซึ่งเป็นหนึ่งในจุลินทรีย์สุขภาพในกลุ่มบิฟิโดแบคทีเรียม (Bifidobacterium) ที่พบในนมแม่ และลำไส้ของเด็กคลอดธรรมชาติ มีคุณสมบัติช่วยปรับสมดุลลำไส้ และลดความเสี่ยงการติดเชื้อภายในลำไส้ ลดการอักเสบ บรรเทาอาการท้องผูก และป้องกันอาการลำไส้แปรปรวน ได้อีกด้วย มีงานวิจัยน่าเชื่อถือสูงรองรับว่าจุลินทรีย์สุภาพ บีแล็กทิส (B. lactis) ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้6 จึงมีผลดีกับเด็กผ่าคลอด

 

 

เพราะการเตรียมพร้อมที่ดีตั้งแต่วันแรกของลูกรัก จะช่วยให้เจ้าตัวเล็กที่เป็นเด็กผ่าคลอด มีสมองดีและภูมิคุ้มกันดี เมื่อเด็ก ๆ มีพื้นฐานสุขภาพที่แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย สมองไว เรียนรู้ได้อย่างเต็มศักยภาพตั้งแต่ช่วงแรกของชีวิต ก็จะช่วยให้มีพัฒนาการดี มีทักษะสำคัญสำหรับอนาคต พร้อมรับมือทุกความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้ในวันที่พวกเขาเติบโต

 

หากคุณแม่มีคำถามเกี่ยวกับการผ่าคลอด และพัฒนาการลูกรัก ปรึกษาทีมพยาบาล S-Mom Club ได้ตลอด 24 ชม. ไม่มีค่าใช้จ่าย

 

Reference:

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  1. Deoni S.C., et al. AJNR Am J Neuroradiol. 2019 Jan;40(1): 169–177.
  2. Bentley J, et al. Pediatrics. 2016; 138:1-9.
  3. Polidano C, et al. Sci Rep. 2017; 7: 11483.
  4. Chevalier et al. PLos ONE 2015.
  5. Susuki K. Nature Education. 2010;3(9):59.
  6. Floch MH,et al.J Clin Gastroenterol 2015;49:S69-S73

บทความโดย

theAsianparent Editorial Team