ทำไมผิวของทารกจึงแตกต่างจากผิวของผู้ใหญ่

ผิวของทารกบอบบางกว่าผู้ใหญ่ถึง 3 เท่า จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมลูกน้อยจึงต้องการทะนุถนอมและดูแลแตกต่างจากผู้ใหญ่อย่างเรา

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ทารกนั้นอ่อนโยนและบอบบางมาก ดังนั้นในฐานะพ่อแม่ จึงจำเป็นต้องปกป้องและดูแลพวกเขาในวิธีที่เหมาะสม และต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า ผิวของทารก คงความเนียนนุ่ม และคง “กลิ่นของทารกแรกเกิด” ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้

ดังนั้นเราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าผิวลูกน้อยของเรามีสุขภาพดี สะอาดและชุ่มชื้น คุณโลรีน่า เทลอฟสกี้, CMPP, Associate Director, Global Scientific Engagement, Research & Development, Johnson & Johnson Consumer, Inc. ได้ไขข้อข้องใจในคำถามและข้อกังวลทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเด็ก เขาอธิบายว่าทำไมการดูแล ผิวของทารก จึงต่างจากผิวของผู้ใหญ่

ทำไม ผิวของทารก จึงต้องการการดูแลเป็นพิเศษ และ ผิวของทารกแตกต่างจากผิวของผู้ใหญ่อย่างไร

คุณรู้หรือไม่ว่าผิวของทารกสูญเสียความชุ่มชื่นเร็วกว่าผิวผู้ใหญ่ถึง สองเท่า?

คุณเทลอฟกี้ กล่าวว่า “ผิวของทารกมีความแตกต่างเฉพาะตัว และยังอยู่ในช่วงที่กำลังพัฒนาซึ่งจะเปราะบางต่อสิ่งที่ทำให้ระคายเคืองการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ผิวหนังชั้นบนนั้นบางกว่าผิวหนังของผู้ใหญ่ถึง 30% และสูญเสียน้ำได้ง่ายกว่าถึง 2 เท่า การศึกษาของเราแสดงให้เห็นว่าผิวมักจะแห้งถึงแม้ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น”

“ความแตกต่างเหล่านี้เป็นสาเหตุบางประการว่าทำไมคุณควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นสูตรเฉพาะสำหรับผิวทารกแรกเกิดและทารก ผิวของทารกมีสภาพเป็นกรดอ่อน ๆ ซึ่งมีค่า pH ประมาณ 5.5 ซึ่งช่วยปกป้องผิว” ดังนั้นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่รุนแรงที่กระทบค่า pH ปกติ จึงไม่เหมาะสมที่จะนำมาใช้

“นอกจากนี้มอยเจอร์ไรเซอร์ซึ่งเป็นสูตรพิเศษที่สนองความต้องการของผิวทารกที่มีลักษณะเฉพาะจะสามารถช่วยปกป้องผิวจากความแห้งได้ดี”

การดูแลผิวมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของทารกหรือไม่?

“เนื่องจากผิวหนังเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดของร่างกาย นักวิทยาศาสตร์จึงให้ความสนใจที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นบนผิวหนังและทำความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทของไมโครไบโอมของผิวหนัง ซึ่งเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับทั้งผิวและสุขภาพโดยรวม”

“ในขณะที่เรารู้ว่าจุลินทรีย์ไมโครไบโอมในลำไส้มีความสำคัญต่อภูมิคุ้มกันและสุขภาพ การวิจัยในเบื้องต้นชี้ให้เห็นว่าจุลินทรีย์ไมโครไบโอมในผิวหนังอาจมีผลต่อโรคที่เรื้อรังและภูมิคุ้มกันของสุขภาพโดยรวม”

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

“ในความเป็นจริง มีจุดที่น่าสนใจมากมายในตอนนี้เกี่ยวกับการทำความเข้าใจของ สกิน ไมโครไบโอมในผิวของทารก จากการวิจัยจากนักวิทยาศาสตร์ของเราเอง เราทราบว่า ไมโครไบโอมในผิวของทารกยังคงพัฒนาต่อไปหลังคลอด” คุณเทลอฟสกี้กล่าว

“สกิน ไมโครไบโอม (skin microbiome)ประกอบด้วยกลุ่มของจุลินทรีย์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแบคทีเรีย ไมโครไบโอมนี้ช่วยเป็นเกราะป้องกันให้กับผิวหนังจากเชื้อโรคหรือสิ่งมีชีวิตที่เป็นสาเหตของโรคและการติดเชื้อ”

“ในช่วงแรกไมโครไบโอมในผิวของทารกนั้นมีจำนวนสายพันธุ์ที่จำกัดอยู่ เมื่อเวลาผ่านไปผิวของทารกได้รับกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีความหลากหลายมากขึ้นจากพ่อแม่ ผู้ที่ดูแลและสิ่งแวดล้อม การสร้าง สกิน ไมโครไบโอมที่แข็งแรง จะช่วยปกป้องทารกจากสิ่งที่เป็นอันตรายต่อผิวและการติดเชื้อจากจุลินทรีย์ได้”

“ดังนั้น อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ที่เราเลือกนั้นได้รับการคิดค้นขึ้นเป็นพิเศษสำหรับผิวที่เฉพาะของทารกที่แตกต่างกัน ผลิตภัณฑ์ต้องมีความอ่อนโยนเพียงพอที่จะไม่กระทบการพัฒนาของสกิน ไมโครไบโอม (skin microbiome)”

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

แล้วเราจะสามารถรักษา จุลินทรีย์ที่ดีในผิวในทารกได้อย่างไร?

“ไมโครไบโอมในผิวทารกยังคงพัฒนาและกิจวัตรในการดูแลผิวโดยใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ไม่ได้ออกแบบให้มีความอ่อนโยนเพื่อสร้างเกราะป้องกันผิวของทารก อาจส่งผลต่อไมโครไบโอมในผิวของทารกเอง”

จากคำกล่าวของคุณเทลอฟสกี้ว่า ในการช่วยรักษา ไมโครไบโอม ในผิวของทารกให้แข็งแรง เราควรทำดังนี้

  • การใช้ผลิตภัณฑ์ เช่นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและมอยส์เจอร์ไรเซอร์ซึ่งได้รับการคิดค้นมาเป็นพิเศษสำหรับผิวเฉพาะของทารกที่แตกต่างกัน และยังช่วยพัฒนาไมโครไบโอมในผิวของทารก
  • แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ที่เราใช้กับผิวของทารกนั้นมีค่าpH ที่เหมาะสม ผลิตภัณฑ์ที่มีค่า pH ที่สูงหรือต่ำ จนเกินไป สามารถเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมที่จำเป็นต่อ สกิน ไมโครไบโอมที่แข็งแรง นอกจากนี้ ปัญหาผิวบางอย่างเช่น โรคผื่นผิวหนังอักเสบนั้นเกี่ยวข้องกับค่า pH ผิวที่สูงที่ 6.5, 7.0 หรือบางครั้งก็สูงกว่านั้น

“การใช้ผลิตภัณฑ์ที่อาจทำให้ค่า pH ของผิวอยู่ในระดับที่ไม่แข็งแรงนั้นเป็นสิ่งที่เราต้องคำนึงถึง ดังนั้นการใช้ผลิตภัณฑ์ที่สนับสนุนและรักษาค่า pH ของผิวทารกที่เป็นกรดอ่อนๆ (ค่า pH ประมาณ 5.5)  สามารถช่วยส่งเสริมให้ผิวมีสุขภาพที่ดี”

น้ำหอมปลอดภัยต่อผิวทารกแรกเกิดหรือไม่

“การศึกษาพบว่าทารกแรกเกิดมีประสาทสัมผัสในการรับกลิ่นที่ไว กลิ่นช่วยสร้างความสัมพันธ์ระว่างแม่และทารก กิจวัตรการในการดูแลทารกเช่นการอาบน้ำและการนวดสามารถช่วยสร้างความสัมพันธ์ และ ประสาทสัมผัสในด้านต่างๆให้ดีขึ้น การรับรู้ที่หลากหลายซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทารกและพ่อแม่”

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

“กลิ่นมีความสัมพันธ์อย่างมากกับอารมณ์และความทรงจำ ในฐานะผู้ใหญ่ คุณอาจเคยผ่านประสบการณ์นี้ เมื่อคุณได้กลิ่นบางอย่างในวันนี้ซึ่งทำให้คุณนึกถึงความทรงจำที่ชัดเจนในอดีต นั่นเป็นเพราะกลิ่นสามารถเชื่อมโยงสมองส่วนบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ และสิ่งเดียวกันก็สามารถเกิดขึ้นได้กับกลิ่นหอมเช่นกัน” คุณเทลอฟสกี้ กล่าว

“อย่างไรก็ตามน้ำหอมไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเท่ากัน ปัญหาที่พบเจอโดยทั่วไปกับผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของน้ำหอมคือ อาการแพ้และระคายเคือง ของผิวหนังซึ่งบางครั้งอาจเกิดขึ้นเมื่อผิวหนังได้สัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้น้ำหอม”

“และแม้ว่าผู้ปกครองบางคนอาจเชื่อว่ากลิ่นหอมจากธรรมชาติมักจะปลอดภัยกว่า แต่ในทางวิทยาศาสตร์นั้นไม่เป็นความจริง ยกตัวอย่างเช่นน้ำหอมธรรมชาติจากน้ำมันหอมระเหยก็มักจะมีสารก่อภูมิแพ้ที่แพทย์ผิวหนังนั้นให้ความคำนึงถึง”

“สิ่งที่สำคัญคือ การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับทารกที่มีส่วนประกอบของน้ำหอมซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานสากล ซึ่ง Johnson's® สูตรใหม่ของทารกที่ปราศจากน้ำหอมและสารก่อภูมิแพ้ สามารถมอบความสบายใจที่มากว่าให้กับพ่อแม่ที่ต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นหอมหรือน้ำหอมสำหรับลูกน้อยของพวกเขา”

การสัมผัสและการนวดทารกมีประโยชน์อย่างไร

“3 ขวบปีแรกของชีวิตเป็นช่วงเวลาที่สำคัญอย่างยิ่งของการพัฒนาสมอง เมื่ออายุ 3 ขวบ ประมาณ 85% ของสมองมีการพัฒนาแล้ว การเชื่อมต่อระบบประสาท ซึ่งช่วยให้เด็กพัฒนาและเรียนรู้ที่จะทำสิ่งต่างๆ เช่น เดิน พูด คิด และจดจำ ในช่วงวัยนี้เป็นวัยที่สมองกำลังพัฒนาอย่างไม่น่าเชื่อ และการเชื่อมโยงนี้เกิดขึ้นจากประสบการณ์ และการปฏิสัมพันธ์” คุณเทลอฟสกี้ กล่าว

ทารกสัมผัสประสบการณ์ของโลกใบนี้ผ่านประสาทสัมผัสของพวกเขา  การวิจัยแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการสัมผัส มีส่วนร่วมในประสาทสัมผัสต่างๆของทารก และความผูกพันของคุณพ่อคุณแม่ก็มีส่วนร่วมในการพัฒนาของทารก

ดังนั้นเวลาที่คุณพ่อคุณแม่มีส่วนร่วมในการดูแลชีวิตประจำวันของลูกน้อย เช่น การอาบน้ำ และการให้ความชุ่มชื้นนั้น ก็เป็นการช่วยสนับสนุนการเจริญเติบโตและพัฒนาการของลูกน้อยด้วยเหมือนกัน

การนวดนั้นให้ประโยชน์ทางด้านอารมณ์และทางร่างกายของลูกน้อย การนวดจะช่วยให้ลูกน้อยสงบและผ่อนคลาย และยังช่วยเพิ่มความผูกพันและความใกล้ชิดระหว่างคุณพ่อคุณแม่และลูกน้อย

เสียงของคุณในฐานะคุณพ่อคุณแม่ กิจวัตรประจำวันที่คุ้นเคยและกลิ่นที่คุ้นเคย พร้อมกับปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับความรักและความผูกพันของลูกน้อย สัมผัสที่อ่อนโยนของคุณและกลิ่นของโลชั่นที่คุณทาลงบนผิวของลูกน้อย สามารถเป็นส่วนหนึ่งในกิจวัตรของลูกน้อยของคุณ จะช่วยสร้างความผูกพัน ทำให้ลูกน้อยของคุณมีความสุขและมีการพัฒนาที่แข็งแรงสำหรับลูกน้อย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

“การมีส่วนร่วมกับประสาทสัมผัสต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมากกว่าหนึ่งสัมผัสในเวลาเดียวกัน มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ทารกเรียนรู้ พัฒนา และสนับสนุนการพัฒนาทางด้านความคิด อารมณ์ สังคมและทางร่างกายของทารก ดังนั้นประสบการณ์จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง!” คุณเทลอฟกี้ กล่าว

วิธีที่ดีที่สุดในการทำความสะอาดผิวของทารกแรกเกิดคืออะไร?

“ทั้งนี้สามารถขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เวลาการอาบน้ำครั้งแรกของทารกที่แนะนำคือ 6 ถึง 24 ชั่วโมงหลังคลอดและแนวทางทางสุขภาพที่ควรระวัง ควรแน่ใจว่าการหมุนเวียนของเลือด และ อุณหภูมิของทารกคงที่ มันเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องทราบว่าประเพณีการอาบน้ำทารกอาจหลากหลายแตกต่างกันไปตามแต่ละวัฒนธรรม ซึ่งบางที่อาจเว้นช่วงนานขึ้นในการอาบน้ำให้ทารกครั้งแรก

“สำหรับการอาบน้ำครั้งแรกของทารก ขอแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน ออกแบบมาสำหรับทารกแรกเกิดโดยเฉพาะ เพื่อทำความสะอาดของเหลวที่ไม่พึงประสงค์ เช่น เลือดหรือขี้เทา และการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนจะทำให้ไขที่ตัวทารกไม่บุบสลาย” คุณเทลอฟสกี้กล่าว

ถึงแม้ว่าการใช้อาบน้ำโดยการใช้ฟองน้ำจะเป็นที่แนะนำสำหรับการอาบน้ำทารกครั้งแรกแต่งานวิจัยเมื่อไม่นานมานี้สนับสนุนการอาบน้ำให้ทารกแรกแบบแช่ตัวในน้ำหรือแบบห่อตัวและแช่ในน้ำ วิธีการห่อตัวและแช่ในน้ำ ช่วยให้ทารกสงบและผ่อนคลาย และยังช่วยทำให้อุณหภูมิของทารกนั้นคงที่ แค่ในส่วนที่เราห่อตัวของทารก (เช่น ผ้าอ้อม หรือ ผ้าขนหนู) ที่จะถูกถอดออก ”เปิดออก” เมื่อต้องทำความสะอาด ซึ่งจะจำกัดทารกจากการสัมผัสสิ่งแวดล้อมภายนอก

มีเพียงแค่คุณแม่บางกลุ่มเท่านั้นที่อาบน้ำทารกด้วยน้ำเพียงอย่างเดียว โดยไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด คุณมีความคิดอย่างไรบ้างกับสิ่งนี้

การวิจัยแสดงให้เห็นว่า ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่โอนโยนสำหรับเด็กอ่อนมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้น้ำทำความสะอาดสิ่งต่างๆ เพียงอย่างเดียว เช่น การทำความสะอาดปัสสาวะ ความมันบนใบหน้าและผิวหนัง และ อยากให้เข้าใจว่าน้ำทั้งหมดไม่ได้หมายความว่าจะเหมือนกัน น้ำส่วนใหญ่ที่ประกอบอยู่บนโลกใบนี้เมีความกระด้าง ซึ่งสามารถทำให้ผิวแห้งและเชื่อมโยงไปถึงโรคแพ้ผิวหนัง” คุณเทลอฟสกี้กล่าว

การดูแลผิวที่เหมาะสมสำหรับทารกเป็นอย่างไร?

“คุณเทลอฟกี้แนะนำใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน ที่เป็นสูตรพิเศษเฉพาะสำหรับทารกเพื่อพัฒนาผิวของทารกและ สกิน ไมโครไบโอม สามารถตามด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีสูตรคล้ายคลึงกันสำหรับผิวของทารก และแน่นอนผลิตภัณฑ์ทารกควรแจ้งวันหมดอายุเพื่อการใช้ผลิตภัณฑ์อย่างปลอดภัย”

“การทำความสะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน ที่เป็นสูตรเฉพาะสำหรับทารก สามารถเริ่มใช้ได้ตั้งแต่การอาบน้ำครั้งแรกของทารกหลังคลอด และผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้อาบน้ำทารกแรกเกิดทุกสองถึงสามวันขึ้นอยู่ตามความต้องการของแต่ละบุคคล ความเชื่อในครอบครัวและวัฒนธรรม แน่นอนว่าพื้นที่บริเวณผ้าอ้อม พื้นที่บริเวณใบหน้าและตามข้อพับ ควรทำให้สะอาดและแห้งอยู่เสมอ”

“โปรดจำไว้ว่าผิวของทารกยังคงพัฒนาและสามารถสูญเสียความชุ่มชื้นได้เร็ว การใช้ครีมที่ทำให้ผิวชุ่มชื้นเช่นโลชั่นบำรุงผิว ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการช่วยป้องกันไม่ให้ผิวแห้งกร้าน และรักษาความสมบูรณ์ของเกราะป้องกันผิวหนัง บางการศึกษาแสดงให้เห็นว่าสูตรที่เหมาะสมสำหรับการให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวสามารถลดการเกิดโรคภูมิแพ้ผิวหนังได้ เกราะป้องกันผิวหนังที่ได้รับความเสียหายนั้นมีผลทำให้สารก่อภูมิแพ้ที่อยู่รอบตัว แม้แต่แบคทีเรีย เข้าถึงได้ง่ายขึ้น และมีผลทำให้ผิวระคายเคือง ในบางกรณีอาจทำให้ติดเชื้อได้

ดังนั้น เราสามารถพูดได้อย่างมั่นใจว่า ความนุ่มนวล และ ชุ่มชื้น ของผิว เป็นสิ่งที่ดี ที่ได้รับตั้งแต่แรกเกิด ผิวหนังที่แห้งนั้นจะทำให้แบคทีเรีย และ สิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายได้โดยง่าย”

สิ่งที่พ่อแม่ควรระวังเมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลผิวทารก

จากคำกล่าวของคุณเทลอฟกี้ “เริ่มต้นจากการเรียนรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่คุณต้องการใช้สำหรับลูกน้อยของคุณ ถามถึงข้อมูลที่สนับสนุนคำอธิบายที่ทางบริษัทอ้างถึงเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สำหรับทารกของทางบริษัท การแค่ฟังถึงข้อมูลที่ท่าบริษัทอ้างอิงนั้นไม่เพียงพอ แต่ต้องขุดลึกไปกว่านั้นเพื่อทำความเข้าใจในหลักฐานและวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังการอ้างอิงนั้น

“การถามถึงค่า pH ของของผลิตภัณฑ์นั้นเป็นความคิดที่ดีและควรใช้เวลาทำความเข้าใจหลักฐานที่อยู่เบื้องหลังกลิ่นและความหอม ระลึกไว้ว่าธรรมชาติไม่ได้หมายถึง "ปลอดภัย" หรือ "ปลอดภัยกว่า" เสมอไปในความเป็นจริงมันอาจเป็นสิ่งที่ตรงกันข้าม ยกตัวอย่างเช่น น้ำมันหอมระเหยอาจทำให้ระคายเคือง และ/หรือ มีสารก่อภูมิแพ้ และเพียงเพราะคุณสามารถใช้ปรุงอาหารได้ ไม่ได้หมายความว่าจะดีที่สุดสำหรับผิวของทารก น้ำมันมะกอกเป็นตัวอย่างที่ดี การวิจัยแสดงให้เห็นว่ามันสามารถทำลายความสมบูรณ์ของเกราะป้องกันผิวหนังถ้าต้องการใข้เพื่อทำให้ผิวอ่อนนุ่ม”

“มันยากขึ้นที่จะแยกความเชื่อที่มีมานานจากหลักความเป็นจริงในทุกวันนี้ แต่การทำการบ้านของคุณเพื่อศึกษาหลักฐานและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เบื้องหลังส่วนผสมที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์สำหรับลูกของคุณ ว่ามีวิธีการสร้างผลิตภัณฑ์สูตรพิเศษสำหรับผิวของทารกที่กำลังพัฒนาอย่างไรและถามถึงสิ่งที่สนับสนุนความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ของลูกของคุณนั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี”

อยากฝากข้อคิดทิ้งท้ายแก่คุณพ่อคุณแม่อย่างหนึ่งว่า เมื่อคุณได้ดูแลผิวพรรณของลูกน้อย คุณไม่ได้เพียงแค่ช่วยให้พวกเขามีสุขภาพผิวที่สะอาดและแข็งแรง แต่กิจวัตรประจำวันอย่างเช่น การอาบน้ำ และการนวดตัว จะช่วยสร้างโอกาสให้คุณได้ใกล้ชิดกับลูกมากขึ้น ด้วยการสัมผัส ด้วยความอบอุ่น ด้วยเวลาและความรัก… จะมีอะไรสำคัญไปกว่านี้อีก?

 

บทความโดย

theAsianparent Editorial Team