10 สิ่งที่พ่อแม่ทำลายความภาคภูมิใจในตนเองของลูกโดยไม่รู้ตัว

ความภาคภูมิใจในตนเองคือ ความรู้สึกว่าตัวเองมีค่า ซึ่งจะช่วยให้ลูกสามารถยืนหยัดเผชิญหน้าความท้าทายนานัปการในชีวิต การเลี้ยงดูลูกอย่างเคร่งครัดเกินไปและการกระทำที่เหมือนไม่เป็นพิษเป็นภัยหลายๆ ครั้ง หรือบ่อยครั้งที่พ่อแม่ทำไปแบบไม่รู้ตัว อาจกลายเป็นบ่อนทำลายความภาคภูมิใจในตนเองของลูก ลองมาเช็กดูว่าการกระทำเหล่านี้ คุณพ่อแม่ได้เผลอทำลายความภาคภูมิใจของลูกไปหรือเปล่า

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

1.ดุด่าต่อว่า

การดุด่าต่อว่าในที่นี้รวมถึงการถากถาง ประชดประชันด้วยนะคะ คำพูดทำร้ายจิตใจผู้ฟัง คุณควรตำหนิการกระทำของลูก ไม่ใช่ตัวลูก เมื่อลูกทำผิด เรามักตีตราว่าลูกเป็นเด็ก ‘ดื้อด้าน’ หรือ ‘ไม่ได้เรื่อง’ ลูกจะซึมซับคำดุด่าไว้ และมันอาจกัดกร่อนจิตใจของลูกทีละน้อย จนคำเหล่านี้ฝังรากลึกกลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวลูกไปจริงๆ ค่ะ

2.ชมอย่างขอไปที

พ่อแม่ควรชื่นชมลูกที่มุ่งมั่นฟันฝ่าอุปสรรคเพื่อทำงานให้สำเร็จมากกว่าจะชื่นชมผลลัพธ์ที่ได้ คุณควรให้ลูกได้เรียนรู้ที่จะยอมรับคำติเพื่อก่อ และชมลูกอย่างจริงใจ โดยเจาะจงในรายละเอียดและเอ่ยถึงควมอุตสาหะของลูก เช่น อย่าพูดแค่ว่า “รูปสวยจัง…” แต่ให้ชมว่า “สีที่หนูใช้ระบายท้องฟ้าสวยมากเลยจ้ะ…” คำชมเช่นนี้จะทำให้ลูกพยายามยิ่งๆ ขึ้นไปอีกในอนาคต

3.ช่วยลูกไปหมดทุกเรื่อง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

อย่าช่วยทำในสิ่งที่ลูกทำเองได้ คุณอาจช่วยให้ข้อมูลเป็นแนวทางในการลงมือทำงานแก่ลูก สาธิตให้ลูกดูขั้นตอน และถอยออกมา ปล่อยให้ลูกได้เป็นคนตัดสินใจเอง เช่น เวลาลูกพยายามเล่นเกมให้ผ่านด่าน คุณควรบอกใบ้วิธีให้ลูกไปแก้โจทย์ต่อเอง การทำเช่นนี้จะกระตุ้นให้ลูกรู้จักตัดสินใจด้วยตัวเองจากข้อมูลที่มี

4.ทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบ ผิดพลาดไม่ได้

ความผิดพลาดและความล้มเหลวสอนให้ลูกรู้จักล้มแล้วลุกค่ะ ถ้าลูกไม่มีโอกาสเรียนรู้ที่จะมองหากลวิธีใหม่ในการเอาชนะอุปสรรค ทักษะในการแก้ปัญหาของลูกจะอ่อนด้อยอย่างน่าวิตก

การเป็นตัวของคุณเองสำคัญยิ่งกว่าพยายามทำตัวให้สมบูรณ์แบบตามบรรทัดฐานสังคม คุณควรอยู่ข้างๆ ลูกเมื่อลูกลองเทน้ำใส่แก้วด้วยตัวเอง อย่าช่วยลูกแม้ว่าลูกอาจทำน้ำหกก็ตาม ถ้าน้ำหก ไม่ควรตำหนิลูก แต่ให้ถามลูกว่าควรทำยังไงกับความเลอะเทอะตรงหน้า

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

5.ใช้เวลากับลูกน้อยเกินไป

ทำให้ลูกรู้ว่าลูกมีค่าต่อเวลาของคุณเสมอ การอยู่ใกล้ๆ ลูกโดยไม่ทำอะไรเลยก็ช่วยเสริมสร้างความภูมิใจในตนเองของลูกได้แล้วค่ะ ใช้เวลากับลูกซ่อมแซมเครื่องใช้ในบ้านด้วยกัน หรือแทนที่จะขับรถ ก็ลองเดินแทนบ้างจะได้ใช้เวลากับลูกมากขึ้นค่ะ

6.ไม่เป็นตัวอย่างให้ลูก

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ถ้าคุณเป็นตัวอย่างให้ลูกไม่ได้ คำสั่งสอนของคุณก็สูญเปล่า ลูกเห็นสิ่งที่คุณทำมากกว่าได้ยินสิ่งที่คุณพูดค่ะ

7.พูดว่า “พ่อ/แม่จะรักหนูถ้า…”

ความเสียหายใหญ่หลวงจากคำพูดนี้คือลูกจะเข้าใจว่าความรักของคุณมีเงื่อนไข ส่งให้เด็กทำสิ่งต่างๆ เพราะหวังจะได้ความรักและการยอมรับตอบแทน สิ่งนี้จะฝังใจเด็กไปจนล่วงเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ และเด็กเหล่านี้มีแนวโน้มจะถูกล่วงเกินทางเพศมากกว่าเด็กทั่วไปด้วย

8.ประคบประหงมลูก

ให้ลูกทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ บ้าง เช่น ทำแซนด์วิชหรือพับเสื้อผ้า วิธีนี้ทำให้ลูกเห็นว่าคุณชื่นใจที่ลูกมีส่วนช่วยแบ่งเบาภาระและจะกระตุ้นให้ลูกอยากช่วยอีก การกำหนดหน้าที่ให้ลูกล้างจานของตัวเองนับเป็นขั้นแรกของการฝึกให้ลูกได้รู้ว่าชีวิตจริงๆ ที่ต้องพึ่งตนเองเป็นอย่างไร การรองมือรองเท้าลูกตลอดเวลาบ่อนทำลายความสามารถในการพึ่งพาตนเองของลูก

9.พูดว่า “เดี๋ยวก็ดีเอง…”

คำพูดที่ได้ผลกว่าคือ “เราจะแก้ปัญหานี้ด้วยกันนะ พ่อ/แม่อยู่เคียงข้างหนูเสมอ…” คุณควรสนับสนุนให้ลูกเอ่ยปากบอกถึงความรู้สึกของตน และสอนคำเกี่ยวกับอารมณ์ เช่น หงุดหงิด โมโห เสียใจหรือผิดหวัง การตระหนักรู้ถึงความรู้สึกของตนเองเป็นก้าวแรกไปสู่ทางแก้ไข

10.คิดลบ

นักวิทยาศาตร์เชื่อมั่นว่าสมองของเราสามารถเปลี่ยนทัศนะมองโลกได้หากฝึกฝนบ่อยๆ  คุณควรหมั่นเติมเต็มความคิดหลากหลายและความเป็นไปได้ไม่รู้จบให้แก่ลูก ช่วยลูกหล่อเลี้ยงทัศนคติที่ว่าอย่ายอมแพ้ต่อชีวิต ยิ้มรับปัญหา เล่าเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจให้ลูกฟัง และสอนให้ลูกเป็นเหมือนโปรตอน คือเป็นขั้วบวก คิดบวกค่ะ

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
5 เรื่องที่พ่อแม่ไม่ควรบังคับลูก
ไม่อยากเป็นพ่อแม่เฮลิคอปเตอร์ ฟัง 4 วิธีทางนี้

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความโดย

พรพยงค์ นำธวัช