100 สิ่งแม่ท้องต้องรู้ ตอนที่ 43 ท้องลมคืออะไร อาการท้องลม คืออะไร
ขอนำบทความเกี่ยวกับท้องลมและ อาการท้องลม มาแบ่งปันให้ทุกคนได้ทราบกัน มาดูกันว่ามีวิธีรักษาและวิธีการสังเกตอาการว่าอาการแบบไหนเป็นอาการท้องลม มาดูกันค่ะ
ท้องลมคืออะไร อาการท้องลม เป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนอยากทราบว่าคืออะไร วันนี้ theAsianparent Thailand ขอนำบทความเกี่ยวกับท้องลมและ อาการท้องลม มาแบ่งปันให้ทุกคนได้ทราบกัน มาดูกันว่ามีวิธีรักษาและวิธีการสังเกตอาการว่าอาการแบบไหนเป็นอาการท้องลม มาดูกันค่ะ
ท้องลมคืออะไร
ท้องลมคือ ศัพท์ทางการแพทย์ ที่หมายถึงการแท้งลูกในรูปแบบหนึ่งในช่วงระยะเริ่มต้นของการตั้งครรภ์ แต่ไม่ได้หมายถึงการวางแผนทำแท้งแต่อย่างใด โดยหลังจากการปฏิสนธิ ไข่จะเคลื่อนไปฝังตัวอยู่ในมดลูก แต่ตัวอ่อนไม่สามารถพัฒนาและเจริญเติบโตได้ ท้องลม สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกคน อย่างไรก็ตามผู้หญิงที่เคยเป็นท้องลมเกือบทั้งหมดสามารถตั้งครรภ์ปกติในครั้งต่อไป
สาเหตุของอาการท้องลม
สาเหตุที่พบบ่อยคือ ไข่หรืออสุจิที่มาผสมกันไม่แข็งแรงพอ หรือมีคุณภาพไม่ดีพอ ทำให้ไม่สามารถพัฒนาการต่อไปได้ สาเหตุของความไม่แข็งแรงหรือคุณภาพที่ไม่ดีของไข่หรืออสุจิมีนั้นมากมาย โดยอาจเกี่ยวข้องกับการทำงานหนัก เครียด รับประทานอาหารไม่เพียงพอ พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือมีโรคบางชนิดที่ยังไม่ได้รับการตรวจรักษาอย่างจริงจัง นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากลักษณะทางกรรมพันธุ์ที่ผิดปกติของไข่หรืออสุจิได้เช่นกัน
ท้องลมมีอาการอย่างไร
คุณอาจจะรู้สึกว่าคุณเองก็ดูเหมือนว่าจะท้องปกติ เพราะการท้องของคุณไม่เห็นมีสัญญาณหรืออาการอะไรที่ผิดปกติอย่างปวดท้องและเลือดออกจากช่องคลอดเลย ร่างกายของคุณอาจจะกำลังปรับตัวเตรียมรับกับการตั้งครรภ์ สัญญาณต่าง ๆ อย่างการเจ็บหน้าอก หรือระดับฮอร์โมนลดลงอาจจะยังไม่ชัดเจน และบ่อยครั้งที่คุณยังไม่รู้ถึงความผิดปกติอะไร จนกระทั่งคุณหมออัลตร้าซาวด์ครั้งแรก และพบว่ามีถุงรกใหญ่ขึ้นแต่ไม่มีตัวอ่อน ปกติผู้หญิงทั่วไปจะรู้สึกตกใจ ปนเศร้าเมื่อทราบข่าวร้ายนี้ บางคนทำใจไม่ได้ บางคนไม่เข้าใจว่าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นได้อย่างไร
สัญญาณบ่งบอก
ในหลายเคส ท้องลมมักจะเกิดในช่วงที่ตั้งครรภ์แรก ๆ ก่อนที่คุณแม่จะรู้ตัว
- ตรวจครรภ์ขึ้นสองขีด
- หน้าอกอ่อนนุ่ม
- คลื่นไส้อาเจียน
- ประจำเดือนไม่มา
- เมื่ออัลตร้าซาวนด์จะเจอถุงครรภ์ แต่ไม่เจอตัวอ่อน
เมื่อการท้องลมจบแล้ว คุณอาจมีอาการคล้ายการแท้ง :
- เลือดไหนจากช่องคลอด
- ปวดช่วงท้อง
- ไม่ปวดหน้าอกอีกต่อไป
- ประจำเดือนหนักกว่าปกติ
- เลือดคั่งหรือชิ้นเนื้อหลุดออกจากช่องคลอด
ท้องลมตรวจเจอไหม
ท้องลมหรือภาวะไข่ฝ่อ ตัวอ่อนจะสลายไปตั้งแต่ระยะเริ่มแรก ซึ่งสามารถตรวจเจอได้ วันที่มาตรวจอัลตราซาวด์เพื่อดูตัวเด็กและหัวใจในช่วง 6-7 สัปดาห์ เราจะพบแต่ถุงการตั้งครรภ์ขนาดเกินกว่า 17-20 มิลลิเมตร ว่าง ๆ แต่ไม่มีตัวเด็กอยู่ภายใน ซึ่งถ้ายังไม่มั่นใจ ควรนัดตรวจติดตามภายใน 1-2 สัปดาห์ เราควรจะเห็นการเจริญเติบโตของทารก และเห็นการเต้นของหัวใจ ถ้าตรวจซ้ำแล้วยังเห็นแต่ถุงที่มีขนาดที่โตขึ้น แต่ไม่เห็นตัวเด็ก แสดงว่าเป็นภาวะท้องลมอย่างแน่นอน
โดยการวินิจฉัยที่คุณหมอจะบอกว่าท้องลม หรือ ภาวะไข่ฝ่อ คุณหมอจะมีเกณฑ์ดังนี้
- ขนาดค่าเฉลี่ยเส้นผ่าศูนย์กลางถุงการตั้งครรภ์ (MSD) มากกว่า 10 มิลลิเมตร จากการตรวจทางช่องคลอด หรือมากกว่า 20 มิลลิเมตรจากการตรวจทางหน้าท้อง แต่ยังไม่พบถุงไข่แดง หรือ ถุงเก็บอาหารสะสมในเอ็มบริโอ (Yolk sac)
- ขนาดค่าเฉลี่ยเส้นผ่าศูนย์กลางถุงการตั้งครรภ์ (MSD) มากกว่า 18 มิลลิเมตรจากการตรวจทางช่องคลอด หรือมากกว่า 25 มิลลิเมตรจากการตรวจทางหน้าท้องแต่ยังไม่พบตัวอ่อน (Embryo)
- ถุงน้ำของการตั้งครรภ์ (Gestational sac) มีรูปร่างผิดปกติอย่างชัดเจน (deformed)
- ในกรณีที่ผลการตรวจก้ำกึ่ง หรือเห็นภาพไม่ชัด ถ้าตรวจซ้ำแล้วเข้าตามเกณฑ์ หรือ รอ 1-2 สัปดาห์แล้ว ไม่พบการเจริญเติบโตของถุงการตั้งครรภ์ก็สามารถสรุปได้ว่าเป็นภาวะท้องลม (Blighted ovum)
การรักษา
หลังการวินิจฉัยแน่นอนแล้วว่าคุณแม่มีภาวะไข่ฝ่อ หรือท้องลม คุณหมอมีแนวทางการรักษา 2 แนวทาง คือ
1. รอให้หลุดเอง หรือ แท้งโดยธรรมชาติ คุณแม่บางราย ถ้าตัวอ่อนฝ่อเร็วมาก ถุงการตั้งครรภ์จะเล็กมาก สามารถแท้งธรรมชาติหลุดออกมาทั้งถุงหมดเลยได้ โดยถ้ารอแล้วถุงการตั้งครรภ์หลุดออกมาเอง ไม่มีอาการตกเลือด เลือดออกเยอะ ก็ไม่ต้องไปพบคุณหมอ แต่ถ้ามีเลือดออกไม่หยุด ต้องไปพบคุณหมอให้ขูดออก
2. ยุติการตั้งครรภ์ หรือ ทำแท้งโดยแพทย์ คือ การใช้ยาเหน็บ ขูดมดลูก หรือ ดูดออก ซึ่งใช้เวลาไม่นาน เพราะไข่ฝ่อเป็นการตั้งครรภ์ชนิดที่ไม่มีชีวิต จึงพร้อมจะหลุดออกมาได้ง่ายอยู่แล้ว
เมื่อไหร่ที่ร่างกายจะกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม
- ถึงแม้ตัวอ่อนจะฝ่อหายไป แต่ถุงการตั้งครรภ์ก็ยังอยู่ ซึ่งไม่ฝ่อไปเอง ต้องจัดการให้ถุงการตั้งครรภ์หลุดออกมาด้วย ไม่สามารถบอกได้ว่าท้องลมจะหลุดเมื่อไหร่ บางคนอาจจะหลุดเร็ว หลุดได้เอง แต่บางคนที่ไม่หลุด หรือ ต้องการให้หมอขูดออกให้ก็สามารถทำได้
- ช่วง 6 สัปดาห์แรก หรือหลัง 12 สัปดาห์ไปแล้ว ถ้าแท้งโดยธรรมชาติ ถุงการตั้งครรภ์ มักหลุดออกมาได้เอง หรือแท้งครบ แต่ในช่วงระยะกลาง คือหลัง 7 สัปดาห์ จนถึงก่อน 12 สัปดาห์ การแท้งมักจะไม่ครบ จึงอาจมีภาวะแทรกซ้อนตกเลือดได้ ควรไปพบแพทย์ให้แพทย์ขูดมดลูก หรือ ยุติการตั้งครรภ์ให้
เมื่อร่างกายกำจัดสิ่งที่ตกค้างอยู่ในมดลูกเรียบร้อยแล้ว คุณก็จะมีประจำเดือนเหมือนเดิมอีกครั้ง คุณอาจจะอยากรอสัก 2-3 เดือนเพื่อให้ร่างกายและจิตใจของคุณพร้อมต่อการตั้งครรภ์ครั้งต่อไป เป็นธรรมดาที่คุณจะกังวลว่าคุณอาจจะแท้งอีกก็ได้ แต่ผู้หญิงส่วนมากที่เคยเจอการท้องลมก็สามารถกลับมามีลูกได้ตามปกติอีกครั้ง การตรวจอัลตร้าซาวด์แต่เนิ่น ๆ จะช่วยทำให้คุณอุ่นใจขึ้น เมื่อตรวจพบการเต้นของหัวใจทารกก็จะทำให้คุณยิ้มจนแก้มปริเลยทีเดียว หากคุณไม่อยากพบกับความไม่แน่ใจว่าคุณท้องลมรึเปล่า คุณควรไปตรวจอัลตร้าซาวด์ประมาณเมื่ออายุครรภ์ได้ 6-8 สัปดาห์จะดีที่สุดค่ะ
Source : theAsianparent SG
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
รวม 10 เมนูอาหาร บรรเทาอาการแพ้ท้อง สำหรับคุณแม่แพ้ท้องหนัก
ปัญหาแน่นอก นมโต หน้าอกคัดของคุณแม่มือใหม่ จะบรรเทาอาการอย่างไร
ปัญหาคาใจ สำหรับคนท้อง แม่กำลังตั้งครรภ์ นวดได้หรือไม่ เป็นอันตรายหรือไม่?