ทำไมเราถึงจำช่วงที่เป็นทารกไม่ได้? อธิบายตามหลักวิทยาศาสตร์สมอง
คุณแม่สงสัยไหมว่า ทำไมเราถึงจำช่วงที่เป็นทารกไม่ได้? บทความนี้อธิบายสาเหตุจากพัฒนาการของสมอง พร้อมเผยเคล็ดลับการสร้างความทรงจำที่ดีให้ลูกรัก
เคยสงสัยไหมคะว่า ทำไมเราถึงจำช่วงที่เป็นทารกไม่ได้? แต่กลับจำเนื้อเพลงที่เราเคยฟังสมัยวัยรุ่นได้อย่างแม่นยำแม้จะผ่านไปแล้ว 20 ปี (หรือมากกว่านั้น)?
เพราะสมองของเราไม่ได้พัฒนาเสร็จสมบูรณ์ตั้งแต่แรกเกิด แต่จะเติบโตและเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ในช่วงชีวิตสำคัญนี้ และเมื่อสมองพัฒนา ความทรงจำของเราก็พัฒนาตามไปด้วยค่ะ นี่คือเหตุผลว่า ทำไมเราถึงจำช่วงที่เป็นทารกไม่ได้ พร้อมเผยเคล็ดลับการสร้างความทรงจำที่ดีให้ลูกรัก
สารบัญ
ความทรงจำ จากแรกเกิดถึงวัยรุ่น
1. ภาวะความจำเสื่อมในวัยเด็ก
จำวันเกิดครั้งแรกได้ไหม? ผู้ใหญ่อย่างเราแทบไม่สามารถจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนอายุ 3 ขวบได้เลย และจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงอายุ 3-7 ขวบได้แบบเลือนลาง นี่คือปรากฏการณ์ที่เรียกว่า ภาวะความจำเสื่อมในวัยเด็ก (Infantile Amnesia)
ไม่ใช่เพราะว่าเรื่องราวมันนานเกินไปจนเลือนหายไปตามธรรมชาติเสมอไป แต่เป็นเพราะระบบการจัดเก็บข้อมูลในสมองวัยเด็กยังไม่สมบูรณ์ เช่น ผู้ใหญ่วัย 40 ปีจะยังคงจำเรื่องราวในช่วงวัยรุ่นได้ดี แม้จะผ่านมาแล้วกว่า 20 ปี แต่เด็กอายุ 15 ปีกลับจำเหตุการณ์ตอนอายุ 2 ขวบไม่ได้เลย ทั้งที่เพิ่งผ่านมาเพียง 13 ปี
2. ทารกจำอะไรได้บ้าง?
ทารกและเด็กเล็กสามารถสร้างความจำได้ ทั้งความจำเชิงขั้นตอนหรือทักษะ (เช่น การดูด การจับ) และความจำเหตุการณ์ที่เราจำได้อย่างมีสติ
ถึงแม้จะจำได้ แต่ความสามารถในการเก็บความจำระยะยาวยังจำกัด โดยมีความสามารถในการจำเหตุการณ์ตามช่วงอายุ (จากงานวิจัย) ดังนี้
- เด็ก 6 เดือน จำสิ่งที่ต้องทำได้นาน 24 ชั่วโมง
- เด็ก 9 เดือนจำสิ่งที่ต้องทำได้นาน 1 เดือน
- เด็ก 20 เดือนจำสิ่งที่ต้องทำได้นาน 1 ปี
งานวิจัยในหนูทดลองพบว่า แม้ความทรงจำเหตุการณ์ในวัยเยาว์จะดูเหมือนหายไป แต่ร่องรอยแฝงของประสบการณ์นั้นยังคงอยู่ และสามารถถูกกระตุ้นได้ด้วยการเตือนความจำในภายหลัง สิ่งนี้อาจอธิบายได้ว่าทำไมประสบการณ์เชิงลบหรือการบาดเจ็บทางอารมณ์ในวัยเด็กจึงมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมและความเสี่ยงของความผิดปกติทางจิตในวัยผู้ใหญ่
3. การเปลี่ยนแปลงของสมอง
เมื่อแรกเกิด สมองของทารกมีขนาดเพียง 1 ใน 4 ของขนาดสมองผู้ใหญ่ แต่พออายุ 2 ขวบ จะมีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 3 ใน 4 ของขนาดสมองผู้ใหญ่
นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า อัตราการสร้างเซลล์ประสาทใหม่ที่รวดเร็วเกินไปในช่วงวัยเด็กนี้ อาจไป “รบกวน” (Disrupt) หรือ “เขียนทับ” (Overwrite) เครือข่ายความจำเก่าที่เพิ่งก่อตัวขึ้น ทำให้เราลืมความจำในช่วงวัยเยาว์ไปอย่างรวดเร็ว
ทำไมความจำช่วงวัยรุ่นถึงฝังแน่น และแม่นยำที่สุด?
ช่วงวัยรุ่น (13-21 ปี) ไม่ใช่แค่ช่วงของการเติบโตทางร่างกายเท่านั้น แต่สมองก็ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องและจัดระบบความจำใหม่ ทำให้ความทรงจำในช่วงนี้แข็งแกร่งเป็นพิเศษ
1. ความจำที่ฝังแน่น
ผู้ใหญ่อายุ 30 ปีขึ้นไป มักจะจำเหตุการณ์และเรื่องราวจากช่วง วัยรุ่นถึงวัยผู้ใหญ่ตอนต้น (13-21 ปี) ได้ดีและมากกว่าช่วงอื่น ๆ ในชีวิต
เหตุผลหลัก: วัยรุ่นเป็นช่วงเวลาที่เรากำลัง ค้นหาและสร้างตัวตน ที่มั่นคงและยั่งยืน ความทรงจำที่เกิดขึ้นในช่วงนี้จึงเกี่ยวข้องกับการกำหนดตัวตน และถูกเข้ารหัสอย่างแข็งแกร่ง ให้เป็นความทรงจำที่คงอยู่ยาวนานที่สุด
2. การพัฒนาของสมองส่วนหน้า
สมองส่วนหน้า ซึ่งทำหน้าที่ในการวางแผน การตัดสินใจ และการควบคุมตัวเอง ยังคงพัฒนาอย่างเต็มที่ในช่วงวัยรุ่นผ่านกลไกสำคัญ 2 อย่าง:
- ไมอีลิน (Myelin) และความเร็วในการสื่อสาร: ไมอีลินที่เคลือบสายสื่อสารในสมองส่วนหน้ายังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้การส่งสัญญาณไฟฟ้าในสมอง รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด
- การสร้างและตัดแต่งจุดเชื่อมต่อ (Synaptic Pruning): ในช่วงวัยรุ่น มีการสร้างจุดเชื่อมต่อเซลล์ประสาทใหม่ แล้วจึงมีการ ตัดแต่ง จุดที่ไม่จำเป็นทิ้งไป ทำให้จุดเชื่อมต่อที่เหลืออยู่มี ประสิทธิภาพ ส่งผลให้ความสามารถในการจัดระเบียบ ความจำใช้งาน และ ความจำเชิงคาดการณ์ ดีขึ้นอย่างมาก
ตารางเปรียบเทียบพัฒนาการความจำ จากเบบี๋ถึงวัยผู้ใหญ่
| ช่วงอายุ | จุดเด่นของพัฒนาการความจำ |
| แรกเกิด – 1 ปี | เริ่มจำเหตุการณ์ได้ในระยะสั้น ๆ (ช่วงเวลายาวขึ้นเรื่อย ๆ) |
| 1 – 2 ปี | จำเหตุการณ์ได้นานขึ้นอย่างต่อเนื่อง |
| 2 – 3 ปี | ความจำแบบระบุรายละเอียด (Declarative Memory) ดีขึ้น |
| 4 – 7 ปี |
ความจำเชิงคาดการณ์ (Prospective Memory – จำว่าต้องทำอะไรในอนาคต) เริ่มปรากฏ |
| 8 – 10 ปี | เรียกคืนความจำข้อเท็จจริง (Facts) และความสัมพันธ์เชิงพื้นที่ได้ดีขึ้น |
| 10 – 12 ปี | ความจำระยะยาวดีขึ้น และสามารถระงับความจำบางอย่างโดยตั้งใจได้ |
| 13 – 21 ปี | ความจำเชิงคาดการณ์และความจำใช้งาน (Working Memory) ดีขึ้นมาก |
3 สิ่งที่พ่อแม่ทำได้เพื่อสร้าง ‘บันทึกความทรงจำ’ ให้ลูกรัก
เมื่อเราทราบแล้วว่า ทำไมเราถึงจำช่วงที่เป็นทารกไม่ได้ (เนื่องจากสมองยังพัฒนาไม่เต็มที่) สิ่งสำคัญสำหรับคุณพ่อคุณแม่คือการช่วยเสริมสร้างความทรงจำที่ดี และทำให้ความทรงจำที่เกิดขึ้นในช่วงหลัง (โดยเฉพาะช่วง 3-7 ปีขึ้นไป) มีความแข็งแรงและคงอยู่ยาวนานขึ้นได้ค่ะ ลองมาดูเคล็ดลับที่เป็นรูปธรรมและนำไปใช้ได้จริงตามหลักการทำงานของสมองกันนะคะ
1. ชวนลูก “เล่าเรื่อง” ในอดีต (เมื่อถึงวัย)
การเล่าเรื่องราวช่วยให้สมองจัดระเบียบประสบการณ์ให้เป็น “โครงสร้าง” ที่มีความหมาย ทำให้ความทรงจำเป็นระเบียบและง่ายต่อการดึงข้อมูลกลับมาใช้ในอนาคต (ซึ่งเป็นทักษะที่สมองเด็กเล็กยังขาดอยู่)
- ใช้คำถามแบบปลายเปิด : แทนที่จะถามแค่ “สนุกไหม?” ให้ถามเจาะจงที่ช่วยให้ลูกต้องขยายความ เช่น “ตอนเราไปสวนสัตว์ ลูกจำได้ไหมว่ายีราฟกินอะไร? แล้วมีอะไรเกิดขึ้นก่อนที่เราจะไปดูเสือ?”
- เน้นรายละเอียด: ช่วยลูกเติมเต็มรายละเอียดที่ขาดหายไปเพื่อสร้างเรื่องราวที่สมบูรณ์ เช่น “ใช่แล้ว! หนูตกใจเสียงหมาเห่า แล้วคุณแม่ก็กอดหนูไว้ตรงนั้นไง” การทำเช่นนี้เป็นการตอกย้ำความทรงจำและอารมณ์ที่เชื่อมโยงกัน
2. ใช้ภาพถ่าย/วิดีโอเป็น “ตัวกระตุ้นความจำ”
ภาพถ่ายและวิดีโอทำหน้าที่เป็นเบาะแสในการดึงความทรงจำ การทบทวนความทรงจำซ้ำ ๆ จะช่วยเสริมสร้างเครือข่ายความจำนั้นให้แข็งแรงและมั่นคงขึ้น
-
จัดช่วงเวลา “ย้อนอดีต” เป็นประจำ: เปิดดูอัลบั้มหรือวิดีโอเก่า ๆ ด้วยกัน และพูดคุยถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในภาพซ้ำ ๆ
-
เชื่อมโยงกับปัจจุบัน: ช่วยลูกเชื่อมโยงสิ่งที่เห็นในภาพกับประสบการณ์ปัจจุบัน เช่น “ดูสิ! ตอนนั้นหนูตัวเล็กกว่าโต๊ะนี้อีกนะ แล้วชุดที่หนูใส่ในรูปนี้ก็คือชุดที่น้องกำลังใส่อยู่ตอนนี้ไง”
3. สร้างประสบการณ์ที่ “หนักแน่นทางอารมณ์” (เชิงบวก)
ความทรงจำที่มาพร้อมกับอารมณ์ที่เข้มข้น (ทั้งบวกและลบ) จะถูกเข้ารหัสอย่างชัดเจนและแม่นยำกว่า เพราะมีการทำงานร่วมกันของฮิปโปแคมปัสและ อะมิกดาลา (Amygdala) ซึ่งเกี่ยวข้องกับอารมณ์ ดังนั้นการสร้างประสบการณ์เชิงบวกจึงสำคัญมาก
- เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ: เลือกกิจกรรมที่ลูกได้มีส่วนร่วมอย่างเต็มที่และมีความสุข เช่น ไปเที่ยวที่ใหม่ ๆ หรือกิจกรรมครอบครัวที่สนุกสนาน แทนที่จะเป็นแค่การนั่งดูทีวี
- ใช้ประสาทสัมผัสหลายส่วน: ประสบการณ์ที่ใช้ ตาดู หูฟัง จมูกดมกลิ่น และมือสัมผัส (เช่น การไปแคมป์ปิ้ง) จะสร้างการเชื่อมต่อของเซลล์ประสาทที่หลากหลาย ทำให้ร่องรอยความจำแข็งแรงที่สุด
คุณแม่สามารถใช้เทคนิคทั้งสามข้อนี้ร่วมกัน เพื่อช่วยให้ลูกมีสมุดบันทึกความทรงจำ ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวที่มีความสุขและมีโครงสร้างที่เป็นระเบียบ พร้อมใช้งานในวัยที่โตขึ้นค่ะ
ที่มา : Queensland Brain Institute
บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
พ่อแม่ไม่ใช่เจ้าของชีวิตลูก : 5 ความทรงจำดีๆ ที่พ่อแม่ควรมีร่วมกับลูกในวัยเด็ก
15 วิธีกระตุ้นสมองทารก ช่วยให้ลูกฉลาด ทำได้ตั้งแต่แรกเกิด
2 พื้นฐานสำคัญในการดูแลทารก คู่มือสำหรับพ่อแม่มือใหม่ ที่คุณอาจไม่เคยรู้

