อุทาหรณ์! สองพี่น้องจมน้ำดับคู่ หลัง แอบหนียายไปเล่นน้ำ
อุทาหรณ์! สองพี่น้องจมน้ำดับคู่ หลัง แอบหนียายไปเล่นน้ำ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา ทาง สภ.เมืองกาญจนบุรี รับแจ้งเหตุเด็กจมน้ำเสียชีวิต 2 รายที่บ่อน้ำภายในพื้นที่บ้านเขาตอง หมู่ 9 ตำบลปากแพรก อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี
บริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นบ่อลูกรังขนาดความกว้างประมาณ 3 เมตร ลึกประมาณ 2 เมตร ที่ริมขอบบ่อพบร่างของผู้เสียชีวิตเป็นเด็กชายและเด็กหญิง ซึ่งมีอายุ 10 ปีและ 6 ปีตามลำดับ ตามร่างกายไม่พบร่องรอยบาดแผลหรือการถูกทำร้ายแต่อย่างใด โดยเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 7 ชั่วโมง บริเวณใกล้ ๆ มีพ่อแม่นั่งร้องไห้ด้วยความเสียใจ
จากการสอบถามพบว่า เด็กทั้ง 2 เป็นพี่น้องกัน โดยพ่อกับแม่ของเด็กออกไปทำงานที่โรงแรมแห่งหนึ่งในตัวเมือง จึงให้ยายเลี้ยงหลาน 2 คน ตั้งแต่ช่วงเช้า กระทั่งช่วงสายของวันนี้ ยายของเด็กได้โทรมาบอกว่า เด็กทั้ง 2 คนหายออกไปจากบ้าน พ่อและแม่จึงรีบกลับมาบ้านและออกตามหา ใช้เวลาอยู่หลายชั่วโมงก็ยังไม่พบตัว
ท้ายที่สุดได้สอบถามคนเลี้ยงวัวที่อยู่บริเวณใกล้เคียง ก่อนพบรองเท้าของเด็กทั้ง 2 คู่อยู่ริมบ่อน้ำจึงลงไปงมค้นหาศพ เบื้องต้น แพทย์ทำการชันสูตรศพของเด็กที่เสียชีวิตทั้ง 2 รายไม่พบร่องรอยบาดแผลใดๆ คาดว่าเด็กทั้ง 2 คนน่าจะชักชวนกันออกจากบ้านเพื่อ แอบหนียายไปเล่นน้ำ คลายร้อน ก่อนที่จะลื่นตกลงไปบริเวณกลางบ่อน้ำและจมน้ำเสียชีวิต
ขอขอบคุณที่มา : khaosod.co.th, ch3plus.com, thairath.co.th
หากเด็กวัย 6-10 ปี แอบหนียายไปเล่นน้ำ ควรทำยังไง
จากเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เป็นเรื่องที่น่าเศร้าและเป็นอุทาหรณ์เตือนใจผู้ปกครองทุกคน โดยผู้ปกครองควรมีการเตรียมตัวรับมือดังนี้
-
สอนให้เด็กรู้จักอันตราย:
- อธิบายให้เด็กเข้าใจถึงอันตรายของการเล่นน้ำในที่ที่ไม่มีผู้ใหญ่ดูแล
- เล่าเรื่องราวหรือดูคลิปที่เกี่ยวกับอุบัติเหตุจากการจมน้ำ เพื่อให้เด็กเกิดความตระหนัก
- สอนวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน
-
กำชับและดูแลอย่างใกล้ชิด:
- กำชับเด็กอยู่เสมอว่าห้ามไปเล่นน้ำในที่ที่ไม่มีผู้ใหญ่ดูแล
- สังเกตพฤติกรรมของเด็ก หากเด็กมีท่าทีแปลกไปหรือพยายามจะออกไปข้างนอก ควรสอบถามและดูแลอย่างใกล้ชิด
-
สร้างพื้นที่ปลอดภัย:
- จัดหาสถานที่เล่นที่ปลอดภัยให้เด็ก เช่น สวนสาธารณะที่มีเครื่องเล่น หรือสระว่ายน้ำที่มีเจ้าหน้าที่คอยดูแล
- สอนให้เด็กเล่นน้ำในที่ที่ปลอดภัยและมีผู้ใหญ่คอยดูแลอยู่เสมอ
-
สอนให้เด็กขออนุญาต:
- สอนให้เด็กขออนุญาตผู้ใหญ่ก่อนทำกิจกรรมทุกอย่าง
- สอนให้เด็กรู้จักปฏิเสธเพื่อนหากชวนไปทำกิจกรรมที่ไม่ปลอดภัย
-
ร่วมกันทำกิจกรรม:
- ใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกับลูก เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและทำให้ลูกอยากอยู่บ้าน
-
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ:
- หากเด็กมีพฤติกรรมที่น่าเป็นห่วง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เช่น นักจิตวิทยาเด็ก เพื่อขอคำแนะนำ
จะป้องกันอย่างไรไม่ให้เด็กจมน้ำ
การป้องกันไม่ให้เด็กจมน้ำเป็นสิ่งสำคัญมาก ผู้ปกครองและผู้ดูแลเด็กควรให้ความสำคัญและปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้
วิธีป้องกันเด็กจมน้ำ
- ดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด: ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน สระว่ายน้ำ หรือแหล่งน้ำธรรมชาติ ควรมีผู้ใหญ่คอยดูแลเด็กอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา ไม่ปล่อยให้เด็กอยู่เพียงลำพัง
- สอนให้เด็กรู้จักอันตรายของน้ำ: อธิบายให้เด็กเข้าใจว่าน้ำลึกสามารถเป็นอันตรายได้ และไม่ควรเล่นน้ำในที่ที่ไม่มีผู้ใหญ่ดูแล
- สอนให้เด็กว่ายน้ำ: การเรียนรู้การว่ายน้ำเป็นทักษะสำคัญที่ช่วยให้เด็กสามารถเอาตัวรอดในน้ำได้หากเกิดเหตุฉุกเฉิน
- สวมเสื้อชูชีพ: เมื่ออยู่ใกล้แหล่งน้ำหรือทำกิจกรรมทางน้ำ ควรให้เด็กสวมเสื้อชูชีพเสมอ
- เลือกสถานที่เล่นน้ำที่ปลอดภัย: เลือกสระว่ายน้ำที่มีมาตรฐาน หรือแหล่งน้ำธรรมชาติที่ปลอดภัย มีเจ้าหน้าที่คอยดูแล และมีอุปกรณ์ช่วยชีวิตเพียงพอ
- สอนกฎความปลอดภัยในการเล่นน้ำ: เช่น ห้ามเล่นน้ำคนเดียว ห้ามกระโดดน้ำในที่ที่ไม่รู้ความลึก ห้ามว่ายน้ำออกไปไกลจากฝั่ง
- สอนให้เด็กขออนุญาตก่อนเล่นน้ำ: ก่อนที่เด็กจะลงเล่นน้ำ ควรให้เด็กขออนุญาตผู้ใหญ่ก่อนเสมอ
- จัดกิจกรรมที่บ้านให้เด็กทำ: เพื่อให้เด็กสนใจกิจกรรมอื่นๆ นอกจากการเล่นน้ำ
- ปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย: ตรวจสอบสระน้ำหรือแหล่งน้ำใกล้บ้านให้มั่นใจว่ามีรั้วกั้นที่แข็งแรง และไม่มีสิ่งของที่เด็กอาจใช้เป็นสะพานข้าม
- สอนให้เด็กขอความช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน: สอนให้เด็กรู้จักเบอร์โทรฉุกเฉิน และวิธีการขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ โดยสามารถโทรขอความช่วยเหลือได้ที่ 191 หรือโทรแจ้งหน่วยกู้ภัย 1669
- ฝึกทักษะการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน: การเรียนรู้การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานสามารถช่วยชีวิตคนได้
หากพบเด็กกำลังจมน้ำควรทำอย่างไร ?
หากพบเด็กกำลังจมน้ำ ควรทำตามขั้นตอนเหล่านี้โดยเร็วที่สุด
- เรียกขอความช่วยเหลือ: สิ่งแรกที่ควรทำคือการเรียกขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้างหรือโทรแจ้งหน่วยกู้ภัย 1669 ทันที
- ช่วยเด็กขึ้นจากน้ำ: หากสามารถเข้าถึงตัวเด็กได้โดยไม่เสี่ยงต่อตัวเอง ให้รีบดึงเด็กขึ้นมาจากน้ำโดยเร็วที่สุด
- ตรวจสอบการหายใจ: เมื่อเด็กขึ้นมาจากน้ำแล้ว ให้ตรวจสอบว่าเด็กยังหายใจอยู่หรือไม่ โดยการสังเกตหน้าอกขยายตัวหรือไม่
- ให้การช่วยเหลือเบื้องต้น: หากเด็กไม่หายใจ ให้ทำการช่วยหายใจและกดหน้าอกทันที โดยทำตามขั้นตอนการปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่เรียนรู้มา หรือรอให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยมาถึง
- นำส่งโรงพยาบาล: แม้ว่าเด็กจะหายใจได้แล้วก็ตาม ควรนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุดเพื่อตรวจสอบอาการเพิ่มเติม
สิ่งที่ไม่ควรทำ:
- กระโดดลงไปช่วยเด็กเอง: หากว่ายน้ำไม่แข็ง การกระโดดลงไปช่วยเด็กอาจทำให้ตนเองเป็นอันตรายได้
- จับเด็กอุ้มพาดบ่า: การจับเด็กอุ้มพาดบ่าเพื่อรีดน้ำออก อาจทำให้ทางเดินหายใจของเด็กอุดตัน
- เสียเวลา: ทุกวินาทีมีความสำคัญ ควรดำเนินการช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด
การปฐมพยาบาลผู้จมน้ำเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน หากไม่มั่นใจ ควรขอความช่วยเหลือจากผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ หรือรอเจ้าหน้าที่กู้ภัย
การป้องกันที่ดีที่สุดคือการดูแลลูกอย่างใกล้ชิดและสอนให้เด็กรู้จักอันตราย การสูญเสียบุตรหลานเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ดังนั้นเราจึงควรให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของเด็กอย่างสูงสุด
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ชุดว่ายน้ำ สีฟ้าเพิ่มความเสี่ยงเด็กจมน้ำ รู้ก่อน ปลอดภัยกว่า!