เล่าทั้งน้ำตา! ลูกชายวัย 4 ขวบ ตาบอดเฉียบพลัน โดยไม่มีสัญญาณเตือน!

ฟังแล้วจุกอกมาก จากกรณีผู้ใช้ที่ TikTok ชื่อ @nnnow.1996 หรือคุณนาว แม่ของน้องภูผา เด็กชายวัย 4 ขวบ ที่ต้องป่วยกะทันหันจากสภาวะ ตาบอดเฉียบพลัน แบบไม่มีสัญญาณเตือนอะไรมาก่อน ทำให้จากเด็กน้อยผู้ร่าเริงสดใสกลับต้องกลายเป็นเด็กนิ่ง เพราะทำให้น้องไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ พร้อมแฮชแท็ก #โรคหนึ่งในแสน และ #ความดันในสมองสูงเฉียบพลัน

 

ตาบอดเฉียบพลัน

 

จากนั้นเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2566 คุณแม่ก็ได้อัปเดตอาการของน้องภูผาว่า ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด และจะทำทุกทางเพื่อให้ลูกได้กลับมามองเห็นอีกครั้ง ทั้งวิทยาศาสตร์และไสยศาสตร์ เพราะโลกของน้องมืดบอดโดยไม่มีสัญญาณเตือน ได้แต่พูดว่า “แม่เมื่อไหร่พระอาทิตย์จะขึ้นสักที หนูมองไม่เห็น”

 

ซึ่งทางคุณแม่เองก็ไม่นิ่งนอนใจ พยายามหาทางรักษาลูกน้อยสุดชีวิต พร้อมกับอัปเดตเรื่อย ๆ ว่า หลังจากที่น้องได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ซึ่งเป็นการเข้าทำ MRI เพื่อตรวจหาก้อนเนื้องอกในสมอง และตรวจดูเส้นประสาท หาสาเหตุทำไมถึงมองไม่เห็นเฉียบพลันแบบนี้ น้องก็ได้โดนวางยาสลบไปทั้งหมด 8 โด๊ส แต่น้องดันต้านยาทำให้ไม่หลับ อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากการทำ MRI เสร็จแล้ว ก็ส่งผลให้น้องมีอาการเบลอยาสลบ พร้อมกับมีอารมณ์รุนแรงขึ้น มีทำร้ายคุณแม่ด้วยโดยผลักแม่จนหัวไปฟาดกับขอบประตู ทั้ง ๆ ที่ปกติน้องจะไม่เคยทำร้ายคุณแม่เลย

 

@nnnow.1996 จ๋ารักพี่ที่สุดเลยนะคับลูก ก้าวเราจะผ่านมาได้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย#พี่ภูผาลูกแม่นาว👦🏻 #โรคหนึ่งในแสน #ความดันในสมองสูงเฉียบพลัน ♬ ไว้ใจฉันได้เสมอ (เพลงประกอบละคร แผนรักแผนร้าย) (Main) – คิว สุวีระ บุญรอด

 

คุณแม่ยังได้เผยอีกว่า โรคที่น้องต้องต่อสู้นั้น เป็นความดันในสมองสูงเฉียบพลัน ทำให้ตาบอด ซึ่งเป็นโรคหายากมาก หนึ่งในแสนคนเท่านั้นที่จะเป็น เมื่อโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ก็ทำเอาชาวเน็ตต่างหลั่งไหลเข้าไปคอมเมนต์พร้อมส่งกำลังใจให้น้องภูผากันเพียบ พร้อมขอให้คุณแม่อัปเดตอาการน้องเรื่อย ๆ อีกด้วย

บทความที่เกี่ยวข้อง : โรคตาในเด็ก และโรคตาของผู้ใหญ่ในแต่ละช่วงอายุมีอะไรบ้าง

 

ตาบอดเฉียบพลัน คืออะไร ?

ตาบอดฉับพลัน (Sudden Blindness) เป็นอีกหนึ่งอาการสูญเสียการมองเห็นแบบกะทันหัน ซึ่งมักจะเกิดขึ้นที่ตาข้างใดข้างหนึ่ง ถือเป็นเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์มาก ๆ เพราะการสูญเสียการมองเห็นที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาสุขภาพร้ายแรงอย่างพวก โรคหลอดเลือดสมองก็ได้

 

การสูญเสียการมองเห็นชั่วคราว 1 ปี คืออะไร?

การสูญเสียการมองเห็นชั่วคราว เป็นการอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้ในตาข้างเดียว แต่ในบางรายก็อาจจะเกิดขึ้นได้ทั้ง 2 ข้าง ซึ่งปกติแล้วอาการพวกนี้ มักมาจากการที่เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงดวงตาไม่เพียงพอ ทำให้เกิดการสูญเสียการมองเห็นตั้งแต่ระดับวินาที ไปจนถึงระดับนาที อาการคร่าว ๆ จะมี ดังนี้

  • ทำให้เกิดการ ตามืดชั่วขณะ
  • มีการสูญเสียการมองเห็นชั่วคราว
  • ตาบอดเป็นระยะ
  • สูญเสียการมองเห็นของตาข้างเดียวแบบชั่วคราว
  • ตาบอดข้างเดียวชั่วคราว

 

ตาบอดเฉียบพลัน

 

สาเหตุของอาการ ตาบอดฉับพลัน

สาเหตุที่พบบ่อยได้บ่อยในอาการตาบอดคือ มีการไหลเวียนเลือดลดลง จึงทำให้เส้นเลือดแดงคาโรติดอยู่ที่บริเวณช่วงคอ จึงไม่สามารถลำเลียงเลือดที่หัวใจไปเลี้ยงที่ดวงตาและสมองได้ แต่ในบางครั้งก็อาจจะมาจากไขมันสะสม จนทำให้เกาะอยู่เต็มผนังหลอดเลือดทำให้ขวางการไหลเวียนของเลือดจึงทำให้เลือดผ่านได้ยาก นอกจากนี้ ลิ่มเลือด อาจทำให้เกิดการอุดตันการไหลเวียนของเลือดได้ด้วยเช่นเดียวกัน เพราะลิ่มเลือดมันก็คือ ก้อนเลือดคล้ายเจลที่จับตัวเป็นก้อน

นอกจากปัญหาการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงดวงตา การทำให้เกิดภาวะตาบอดเฉียบพลัน ยังมีสาเหตุอื่น ๆ ประกอบด้วย คือ

  • ปวดหัวไมเกรน
  • โรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียว (sickle cell anemia)
  • โรคต้อหินมุมปิดเฉียบพลัน
  • โรคโพลีอาเทอร์ไรติส โนโดซา หรือโรคแพน คือ โรคหลอดเลือดอักเสบ
  • เส้นประสาทตาอักเสบ
  • ภาวะขั้วประสาทตาบวม ที่มีสาเหตุมาจากความดันในสมองสูงกว่าปกติ
  • ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณศีรษะ
  • เนื้องอกในสมอง

 

ใครอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ที่อาจเกิดปัญหาสูญเสียการมองเห็น

สำหรับคนที่มีโอกาสเกิดการสูญเสียการมองเห็นชั่วคราวนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดจากปัญหาการไหลเวียนเลือดที่ลดลง ผู้ที่มีความเสี่ยงจึงประกอบไปด้วย

 

ตาบอดเฉียบพลัน

 

  • คนที่มีความดันโลหิตสูง
  • คนที่เป็นโรคเบาหวาน
  • คนที่เป็นโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง
  • มีคอเลสเตอรอลสูง
  • สูบบุหรี่
  • ใช้โคเคน
  • อายุมาก

 

สำหรับการรักษาอาการตาบอดฉับพลันนั้น อย่างแรกต้องรู้สาเหตุก่อนว่ามันเกิดขึ้นจากอะไร หากเกิดจากเลือดอุดตัน คุณหมอก็อาจจะแนะนำให้ใช้ยาเพื่อลดความดันโลหิตก่อนการผ่าตัดเพื่อล้างไขมันสะสม และคราบจุลินทรีย์ที่สะสมอยู่เป็นจำนวนมาก รวมไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ชีวิตต่าง ๆ เช่น ลดปริมาณอาหารที่มีไขมันสูง ให้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เป็นต้น

 

ที่มา :

dailynews.co.th

hellokhunmor.com

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!