ทำแท้งแล้วผีเด็กจะตามจริงเหรอ ความเชื่อเรื่องผีเด็กหลังทำแท้ง จริงหรือแค่ความรู้สึกผิด?

undefined

ผีเด็กมีจริงมั้ย? ทำแท้งแล้วผีเด็กจะตามจริงเหรอ? ทำไมผีเด็กถึงตามแต่แม่ ไม่ตามพ่อ? เมื่อความเชื่อ VS มุมมองทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์

คำถามสำคัญ ที่ยังคงก้องอยู่ในใจของหลาย ๆ คนคือ ทำแท้งแล้วผีเด็กจะตามจริงเหรอ หรือแท้จริงแล้ว สิ่งที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่นั้น เป็นเพียงผลพวงจากความรู้สึกผิด และความทุกข์ทรมานในจิตใจกันแน่?

ทำแท้งแล้วผีเด็กจะตามจริงเหรอ

ทำแท้งแล้วผีเด็กจะตามจริงเหรอ : เงาแห่งความเชื่อและความรู้สึกผิด

ในสังคมไทย ความเชื่อเรื่องภูตผีวิญญาณ เป็นสิ่งที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องราวเกี่ยวกับ “ผีเด็ก” ที่เชื่อกันว่าจะตามหลอกหลอนผู้ที่เคยยุติการตั้งครรภ์ เรื่องเล่าเหล่านี้สร้างความหวาดกลัว และความกังวลให้กับผู้หญิงจำนวนมาก ที่ต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบากนี้

ความเชื่อทางศาสนาและจิตวิญญาณ

ในขณะที่วิทยาศาสตร์อธิบายถึงพัฒนาการทางกายภาพ ในมุมมองทางศาสนาและจิตวิญญาณ ความเชื่อเกี่ยวกับจุดเริ่มต้นของชีวิต อาจแตกต่างกันไป บางศาสนาเชื่อว่า ชีวิตเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่การปฏิสนธิ ในขณะที่บางความเชื่ออาจมองว่า จิตวิญญาณเข้ามาสู่ร่างกาย ในระยะที่ต่างกันออกไป การยุติการตั้งครรภ์ในมุมมองเหล่านี้ จึงอาจถูกตีความว่า เป็นการ “พราก” ชีวิตหนึ่งไป ซึ่งเป็นที่มาของความเชื่อเรื่องวิญญาณ ที่ยังคงผูกพัน และอาจต้องการการชดเชย หรือการเยียวยา

ทำไมผีเด็กถึงตามแต่แม่ ไม่ตามพ่อ

เป็นอีกหนึ่งข้อสงสัยที่น่าสนใจ และสะท้อนให้เห็นถึงบริบททางสังคม วัฒนธรรม และความผูกพันที่แตกต่างกันระหว่างแม่และพ่อ กับทารกในครรภ์ มีหลายปัจจัยที่อาจเป็นเหตุผลเบื้องหลังความเชื่อนี้ค่ะ

ความผูกพันและการอุ้มท้อง:

  • การตั้งครรภ์และการอุ้มท้องโดยตรง: แม่เป็นผู้ที่อุ้มท้อง และให้การหล่อเลี้ยงทารกตลอดระยะเวลา 9 เดือน ความผูกพันทางร่างกายและฮอร์โมนที่เกิดขึ้นระหว่างแม่และทารกนั้น ลึกซึ้งและเป็นเอกลักษณ์ การยุติการตั้งครรภ์ จึงอาจถูกมองว่าเป็นการกระทำโดยตรงต่อชีวิตที่อยู่ในครรภ์ของแม่มากกว่า
  • ความรู้สึกผิดและความรับผิดชอบ: ในหลายสังคม แม่มักถูกคาดหวังให้เป็นผู้ดูแลหลัก และมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจเกี่ยวกับการตั้งครรภ์และการเลี้ยงดูบุตร หากมีการยุติการตั้งครรภ์ แม่จึงอาจรู้สึกผิด และแบกรับความรู้สึกผิดมากกว่าพ่อ ซึ่งความรู้สึกผิดนี้เอง อาจเป็นบ่อเกิดของประสบการณ์ที่ทำให้รู้สึกเหมือนถูก “ตามหลอกหลอน”

บทบาททางสังคมและวัฒนธรรม:

  • การเน้นบทบาทของแม่ในการเลี้ยงดู: ในหลายวัฒนธรรม บทบาทของแม่ในการเลี้ยงดูบุตร จะถูกเน้นย้ำมากกว่าบทบาทของพ่อ การสูญเสียทารกจึงอาจถูกเชื่อมโยงกับความรู้สึก และความรับผิดชอบของแม่มากกว่า
  • เรื่องเล่าและการถ่ายทอดทางวัฒนธรรม: เรื่องราวเกี่ยวกับผีเด็กที่ตามหลอกหลอน มักถูกเล่าขานและส่งต่อกันในหมู่ผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ซึ่งอาจเป็นเพราะผู้หญิงมักเป็นผู้ที่เผชิญกับประสบการณ์การตั้งครรภ์และการสูญเสียโดยตรงมากกว่า ทำให้เรื่องเล่าเหล่านี้ มีอิทธิพลต่อความรู้สึกและความเชื่อของผู้หญิงมากกว่า

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ควรตระหนักคือ ความเชื่อเรื่องผีเด็กและการ “ตาม” นั้นเป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคล และบริบททางวัฒนธรรม ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันว่าวิญญาณจะเลือกตามเฉพาะแม่เท่านั้น พ่อที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์ ก็อาจรู้สึกผิด เสียใจ หรือได้รับผลกระทบทางจิตใจเช่นกัน แม้ว่าการแสดงออกหรือประสบการณ์อาจแตกต่างกันไป ดังนั้น การที่ความเชื่อเรื่องผีเด็กมักจะเน้นไปที่การตามแม่ อาจเป็นผลมาจากปัจจัยทางชีวภาพ สังคม วัฒนธรรม และจิตวิทยาที่ซับซ้อน ซึ่งทำให้ความรู้สึกผิด และความเชื่อมโยงกับทารกในครรภ์ของผู้หญิงนั้น มีความโดดเด่นในเรื่องเล่าเหล่านี้ค่ะ

ความรู้สึกผิดและผลกระทบทางจิตใจหลังการทำแท้ง

สิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้คือ ผู้หญิงที่ตัดสินใจทำแท้ง มักต้องเผชิญกับความรู้สึกที่ซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกผิด ความเศร้า ความเสียใจ ความกังวล หรือแม้แต่ความโกรธ ความรู้สึกเหล่านี้ สามารถส่งผลกระทบอย่างมาก ต่อสุขภาพจิตของผู้หญิง บางรายอาจมีอาการซึมเศร้า วิตกกังวล นอนไม่หลับ หรือมีประสบการณ์ที่ทำให้รู้สึกเหมือนถูก “ตามหลอกหลอน” ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว สิ่งเหล่านี้อาจเป็นผลมาจากบาดแผลทางจิตใจที่ยังไม่ได้รับการเยียวยา

ทำแท้งแล้วผีเด็กจะตามจริงเหรอ

“ผีเด็ก” ในฐานะกลไกทางจิตวิทยา: ภาพสะท้อนของความรู้สึกผิด

นักจิตวิทยาบางคนมองว่า ความเชื่อเรื่อง “ผีเด็ก” อาจเป็นกลไกทางจิตวิทยาอย่างหนึ่ง ที่จิตใต้สำนึกสร้างขึ้นมา เพื่อแสดงออกถึงความรู้สึกผิด และความทุกข์ทรมาน ที่ผู้หญิงเหล่านั้นกำลังเผชิญอยู่ ภาพหลอน ฝันร้าย หรือความรู้สึกเหมือนมีใครมาอยู่ใกล้ ๆ อาจเป็นเพียงสัญญาณที่ร่างกายและจิตใจ กำลังพยายามประมวลผล และจัดการกับประสบการณ์ที่เจ็บปวดนั้น การโทษ “วิญญาณ” อาจเป็นวิธีหนึ่ง ในการอธิบายความรู้สึกที่ไม่สบายใจเหล่านี้ แทนที่จะเผชิญหน้ากับความรู้สึกผิดที่แท้จริง

ดังนั้น การให้ความสำคัญกับ การเยียวยาจิตใจ ของผู้ที่เคยยุติการตั้งครรภ์ จึงเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต นักบำบัด หรือกลุ่มสนับสนุนต่าง ๆ สามารถช่วยให้ผู้หญิงเหล่านี้ได้ระบายความรู้สึก ทำความเข้าใจกับประสบการณ์ที่ผ่านมา และเรียนรู้วิธีจัดการกับความรู้สึกผิดและความเศร้าได้

ทำแท้งแล้วผีเด็กจะตามจริงเหรอ

พัฒนาการของทารกในครรภ์: มุมมองทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์

ในทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์ พัฒนาการของทารกในครรภ์ เป็นกระบวนการที่ละเอียดอ่อน และเป็นไปตามลำดับขั้น เริ่มจากการปฏิสนธิของเซลล์ไข่และอสุจิ จนกลายเป็นไซโกต (Zygote) จากนั้นจึงพัฒนาไปเป็นตัวอ่อน (Embryo) ซึ่งในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ เอ็มบริโอจะมีขนาดเล็กมาก และยังไม่มีรูปร่างที่ชัดเจน อวัยวะต่าง ๆ จะค่อย ๆ ก่อตัว และพัฒนาขึ้นตามสัปดาห์ที่เพิ่มขึ้น เมื่อเข้าสู่ช่วง Fetal Period รูปร่างและอวัยวะต่าง ๆ จะสมบูรณ์มากขึ้น จนกระทั่งสามารถคลอดออกมาเป็นทารกได้ การทำความเข้าใจถึงพัฒนาการในแต่ละช่วง ช่วยให้เรามองเห็นถึงความเป็น “ชีวิต” ในครรภ์ในมุมมองทางชีววิทยา

1. การปฏิสนธิ (Fertilization): จุดเริ่มต้นของชีวิต

อสุจิและไข่รวมกันเป็น ไซโกต (Zygote) ที่มีสารพันธุกรรมครบถ้วน และเริ่มแบ่งตัวแบบไมโทซิส (Mitosis) ขณะที่เคลื่อนตัวลงไปยังโพรงมดลูก

2. การแบ่งตัวและการสร้างตัวอ่อนระยะแรก (Cleavage and Blastocyst Formation): การเดินทางสู่โพรงมดลูก

ไซโกต (Zygote) แบ่งตัวเป็น มอรูลา (Morula) แล้วพัฒนาเป็น บลาสโตซิสต์ (Blastocyst) ที่มีกลุ่มเซลล์ซึ่งจะเจริญเป็นตัวอ่อน และเริ่มฝังตัวในผนังมดลูก (Endometrium) ถือเป็นกระบวนการสำคัญ เพื่อให้ตัวอ่อนได้รับสารอาหารและออกซิเจนจากแม่

3. ระยะเอ็มบริโอ (Embryonic Period): การสร้างอวัยวะสำคัญ (สัปดาห์ที่ 3-8)

ระยะนี้เป็นช่วงที่มีการพัฒนาอวัยวะ และโครงสร้างสำคัญของร่างกายอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะพัฒนาไปเป็นอวัยวะ และระบบต่างๆ ที่สำคัญ เช่น ผิวหนัง ระบบประสาท กล้ามเนื้อ กระดูก หัวใจ อวัยวะภายใน เริ่มมีการสร้างท่อประสาท แขนขา และหัวใจเริ่มเต้น เมื่อสิ้นสุดระยะนี้ (ประมาณสัปดาห์ที่ 8) ตัวอ่อนมีลักษณะคล้ายมนุษย์ขนาดเล็ก มีอวัยวะหลักครบถ้วน แต่ยังไม่สมบูรณ์

4. ระยะทารกในครรภ์ (Fetal Period): การเจริญเติบโตและพัฒนาการของอวัยวะ (สัปดาห์ที่ 9 จนถึงคลอด)

เน้นการเจริญเติบโตของร่างกาย และพัฒนาการของอวัยวะให้สมบูรณ์ ทารกมีขนาด และน้ำหนักเพิ่มขึ้น อวัยวะต่าง ๆ พัฒนาต่อเนื่อง สมองสร้างเซลล์ประสาท ทารกจะเริ่มมีการเคลื่อนไหว ที่แม่สามารถรู้สึกได้ อวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกจะเริ่มพัฒนา จนสามารถระบุเพศได้ชัดเจน และเมื่อใกล้ครบกำหนดคลอด ทารกจะมีการสะสมไขมันใต้ผิวหนัง เพื่อช่วยในการรักษาอุณหภูมิร่างกายหลังคลอด และอวัยวะต่าง ๆ จะพร้อมสำหรับการทำงานภายนอกครรภ์

ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงที่มักจะมีการตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์นั้น ตัวอ่อนยังมีขนาดเล็กมาก และยังไม่มีรูปร่างที่ชัดเจนเหมือนเด็กที่เราคุ้นเคย ในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ (การปฏิสนธิถึงการฝังตัว) จะเป็นเพียงเซลล์เดียวที่แบ่งตัว และพัฒนาไปเป็นกลุ่มเซลล์เล็ก ๆ ที่ยังไม่มีอวัยวะหรือรูปร่างที่จำแนกได้ ส่วนในระยะเอ็มบริโอ (สัปดาห์ที่ 3-8) จะเริ่มมีการสร้างอวัยวะสำคัญ แต่ก็ยังอยู่ในช่วงของการก่อตัวและพัฒนา ยังไม่มีลักษณะที่สมบูรณ์เหมือนทารกแรกเกิด

ทางชีววิทยาและทางการแพทย์ ในระยะแรกของการตั้งครรภ์ ตัวอ่อนจึงยังไม่มีลักษณะทางกายภาพที่เรียกว่า “เด็ก” ได้อย่างเต็มที่ อวัยวะต่าง ๆ ยังอยู่ในขั้นตอนของการสร้างและพัฒนา เมื่อพิจารณาถึงความเชื่อเรื่อง “ผีเด็ก” ที่มักจะถูกจินตนาการถึงรูปร่างลักษณะคล้ายเด็กทารก การที่ตัวอ่อนในระยะแรกยังไม่มีรูปร่างที่สมบูรณ์เช่นนั้น จึงเป็นข้อสงสัยในเชิงกายภาพว่า “ผีเด็ก” ที่มีรูปร่างเหมือนเด็ก จะมาจากตัวอ่อนที่ยังไม่มีรูปร่างนั้นได้อย่างไร

ความเชื่อเรื่องผีเด็ก และคำถามที่ว่า “ทำแท้งแล้วผีเด็กจะตามจริงเหรอ” อาจมีรากฐานมาจากความรู้สึกผิด ความเศร้า หรือความเสียใจของผู้ที่ยุติการตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นอารมณ์ที่ซับซ้อน และสามารถส่งผลกระทบต่อจิตใจได้ มากกว่าที่จะเป็นเรื่องของวิญญาณที่มีรูปร่างตามความเชื่อ ดังนั้น หากมองในมุมของพัฒนาการทางวิทยาศาสตร์ ตัวอ่อนในระยะแรกของการตั้งครรภ์ ยังไม่มีรูปร่างลักษณะของ “เด็ก” ที่เราเข้าใจกัน ซึ่งเป็นประเด็นที่น่าสนใจ เมื่อเชื่อมโยงกับความเชื่อเรื่อง “ผีเด็ก” ที่มีรูปร่างคล้ายเด็กทารกค่ะ

ที่มา: TU , CMU , clevelandclinic , prachatai

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

คนท้องเห็นผี จริงหรอ? ทำไมคนท้องถึงชอบเห็นผี ทำไงดีเจอผี

จู่ๆ ลูกร้องไห้แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เป็นเพราะ ลูกเห็นผี หรือเปล่า!!!

60 ความเชื่อโบราณ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ จริงหรือไม่ ทำไมเขาถือ

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!