“ลูกสาวตัวแสบ” ภายใต้ความดื้อรั้น เธอต้องการความรักและความเข้าใจมากกว่าที่คิด

undefined

เจาะลึกสาเหตุลูกสาวแสดงพฤติกรรมตัวแสบ ทำไมเธอถึงต้องการความรักและความเข้าใจมากกว่าที่พ่อแม่คาดคิด รวมถึงวิธีการดูแลและรับมืออย่างถูกต้อง

ลูกสาวตัวแสบ …คำนี้มักถูกใช้เพื่อเรียกลูกสาวที่แสดงพฤติกรรมดื้อรั้น ไม่เชื่อฟัง โวยวาย หรือแม้แต่ท้าทายพ่อแม่และผู้ใหญ่รอบข้าง ด้วยพฤติกรรมเหล่านี้ หลายครั้งที่พ่อแม่รู้สึกท้อแท้ สับสน หรือแม้กระทั่งหงุดหงิดใจ จนอาจเลือกใช้วิธีการลงโทษหรือดุว่าอย่างรุนแรงเพื่อควบคุมลูก แต่แท้จริงแล้ว “ลูกสาวตัวแสบ” เหล่านี้กำลังสื่อสารความต้องการที่ลึกซึ้งมากกว่าที่เราคิด และที่สำคัญเธออยากได้ความรักและความเข้าใจจากพ่อแม่อย่างแท้จริง

ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกถึงสาเหตุที่ทำให้ลูกสาวแสดงพฤติกรรมตัวแสบ ทำไมเธอถึงต้องการความรักและความเข้าใจมากกว่าที่พ่อแม่คาดคิด รวมถึงวิธีการดูแลและรับมืออย่างถูกต้อง พร้อมงานวิจัยที่ช่วยสนับสนุนความเข้าใจนี้ เพื่อให้พ่อแม่และผู้ปกครองทุกคนได้เห็นภาพที่ชัดเจนและช่วยลูกสาวได้อย่างเหมาะสม

 

  1. พฤติกรรมตัวแสบ คือ “เสียงร้องขอ” ที่ไม่ได้รับการตอบสนอง

การที่ลูกสาวทำตัว “ตัวแสบ” เช่น โวยวาย ดื้อรั้น ขัดคำสั่ง หรือก้าวร้าวนั้น จริง ๆ แล้วเป็นการแสดงออกของความรู้สึกบางอย่างที่เธอยังไม่สามารถบอกด้วยคำพูดได้ (Kerr & Stattin, 2000) โดยเฉพาะเด็กวัยอนุบาลและวัยรุ่นที่ยังอยู่ในช่วงพัฒนาทักษะการควบคุมอารมณ์และสื่อสาร ความรู้สึกเหล่านี้อาจเป็นความไม่ปลอดภัย ความเครียด ความกลัว หรือแม้แต่ความเหงา เมื่อเด็กไม่มีวิธีการสื่อสารที่เหมาะสม พฤติกรรมต่อต้านหรือ “ตัวแสบ” จึงกลายเป็นเครื่องมือหลักในการเรียกร้องความสนใจและบอกความต้องการในแบบที่เธอทำได้ 

 

ลูกสาวตัวแสบ

 

  1. ความรักแบบไม่มีเงื่อนไขคือกุญแจสำคัญ

ทฤษฎีความผูกพัน (Attachment Theory) ของ Bowlby (1969) เป็นหนึ่งในพื้นฐานจิตวิทยาที่สำคัญที่สุดที่อธิบายว่า เด็กทุกคนต้องการความรักและความยอมรับจากพ่อแม่โดยไม่มีเงื่อนไข ไม่ว่าจะในช่วงเวลาที่เด็กทำตัวดีหรือแสดงพฤติกรรมต่อต้านก็ตาม เด็กที่รู้สึกว่าได้รับความรักและยอมรับอย่างไม่มีเงื่อนไข จะมีความมั่นคงทางอารมณ์สูงและมีพัฒนาการด้านความสัมพันธ์กับคนรอบข้างได้ดี

ในทางกลับกัน หากพ่อแม่แสดงท่าทีว่า “จะรักแค่ตอนที่ลูกทำตามใจเรา” หรือ “จะรักแค่ตอนลูกไม่ดื้อ” เด็กจะเริ่มสร้างความเชื่อว่าความรักของพ่อแม่เป็นสิ่งที่ต้องแลกเปลี่ยน และเมื่อไม่ได้รับความรักแบบไม่มีเงื่อนไข จะทำให้เกิดความรู้สึกไม่มั่นคง ส่งผลให้พฤติกรรมต่อต้านยิ่งรุนแรงขึ้น (Cassidy, 1994)

บทความที่เกี่ยวข้อง ลูกชายติดแม่ ลูกสาวติดพ่อ จริงไหม? มุมมองทางจิตวิทยาพัฒนาการสมัยใหม่

 

  1. เข้าใจอารมณ์ลูกด้วย “Emotional Coaching”

การเข้าใจและช่วยลูกสาวจัดการกับอารมณ์อย่างเหมาะสม หรือที่เรียกว่า “Emotional Coaching” เป็นวิธีที่ได้รับการพิสูจน์ว่า ช่วยลดพฤติกรรมต่อต้านได้ (Gottman et al., 1997) พ่อแม่ที่เป็น Emotional Coach จะรับรู้และยอมรับอารมณ์ของลูก โดยไม่ตัดสินหรือปฏิเสธ เช่น เมื่อลูกโกรธหรือเศร้า แทนที่จะพูดว่า “อย่าดื้อ อย่าร้องไห้” ควรพูดว่า “แม่เห็นว่าลูกโกรธนะ มาคุยกันหน่อยว่าทำไมลูกถึงรู้สึกอย่างนั้น” การรับฟังและช่วยลูกตั้งชื่ออารมณ์ของตัวเอง ทำให้ลูกได้เรียนรู้ที่จะรู้จักและควบคุมอารมณ์อย่างเหมาะสมในอนาคต

 

  1. ความเครียดและปัจจัยแวดล้อมมีผลต่อพฤติกรรม

พฤติกรรมตัวแสบของลูกสาวมักไม่ใช่เพียงแค่เรื่อง “ดื้อ” หรือ “ซน” เท่านั้น แต่เป็นผลสะท้อนจากความเครียด ความกดดัน หรือปัญหาในชีวิตประจำวัน เช่น ปัญหาในโรงเรียน ปัญหาความสัมพันธ์กับเพื่อน หรือความเปลี่ยนแปลงในครอบครัว เช่น พ่อแม่แยกทาง ย้ายบ้าน หรือมีความขัดแย้งกัน (Luthar, 2003) เด็กที่ไม่ได้รับการสนับสนุนทางอารมณ์จากผู้ปกครองในช่วงเวลาที่เครียด จะมีแนวโน้มแสดงพฤติกรรมต่อต้านหรือก้าวร้าวเพิ่มขึ้น เนื่องจากเธอไม่รู้วิธีจัดการกับความรู้สึกที่ซับซ้อนเหล่านั้นอย่างเหมาะสม

 

ลูกสาวตัวแสบ

 

  1. การสร้างความสัมพันธ์เชิงบวกกับ ลูกสาวตัวแสบ

เพื่อช่วยให้ลูกสาวตัวแสบเปลี่ยนพฤติกรรมและเติบโตอย่างมั่นคง พ่อแม่ควรมีวิธีรับมือและเสริมสร้างความสัมพันธ์เชิงบวก ดังนี้

การสร้างความสัมพันธ์เชิงบวกกับ ลูกสาวตัวแสบ

  • ฟังอย่างตั้งใจและไม่ตัดสิน
ให้โอกาสลูกได้พูดความรู้สึกหรือเหตุผลเบื้องหลังพฤติกรรมโดยไม่ตัดสิน หรือดุว่า การฟังอย่างตั้งใจทำให้ลูกรู้สึกว่าเธอได้รับความสำคัญและความเข้าใจ
  • ให้เวลาคุณภาพและแสดงความรักอย่างสม่ำเสมอ
การใช้เวลาร่วมกันอย่างตั้งใจ เช่น อ่านหนังสือ เล่นเกม หรือพูดคุย จะทำให้ลูกรู้สึกปลอดภัยและมีความมั่นคงทางอารมณ์มากขึ้น
  • ตั้งกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนและเป็นธรรม
เด็กต้องการความชัดเจนในการรู้ขอบเขตที่เหมาะสม การมีข้อตกลงที่ชัดเจนแต่ยืดหยุ่นช่วยลดความสับสนและความเครียดในการอยู่ร่วมกัน
  • สนับสนุนให้ลูกแสดงอารมณ์อย่างสร้างสรรค์
เช่น การระบายความโกรธผ่านการเขียน การวาดรูป หรือการพูดคุยอย่างมีสติ
  • ให้คำชมและกำลังใจบ่อย ๆ
ไม่ลืมชื่นชมพฤติกรรมที่ดีหรือความพยายามของลูก เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจและพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดี

 

  1. ตัวอย่างและเคสศึกษา

จากงานวิจัยของ Gottman et al. (1997) พบว่าเด็กที่ได้รับ Emotional Coaching จากพ่อแม่มีพฤติกรรมต่อต้านน้อยกว่า และมีความสามารถในการควบคุมอารมณ์ดีขึ้นกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับ ในทางปฏิบัติ พ่อแม่ที่ฝึกฟังลูกโดยไม่ตัดสิน และแสดงความเข้าใจจะช่วยให้ลูกที่เคยมีพฤติกรรมตัวแสบ เริ่มเปิดใจและแสดงความรู้สึกที่แท้จริงมากขึ้น ทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวดีขึ้นตามไปด้วย

ความสำคัญของความรักและความเข้าใจ

ลูกสาวตัวแสบ ไม่ใช่เพียง “เด็กดื้อ” ที่ต้องถูกควบคุมหรือถูกลงโทษ แต่เธอกำลังสื่อสารว่าต้องการความรัก ความเข้าใจ และการสนับสนุนจากพ่อแม่อย่างลึกซึ้ง พ่อแม่ที่สามารถฟัง เข้าใจ และรับมือกับพฤติกรรมลูกด้วยความรักและความอดทน จะช่วยให้ลูกเติบโตเป็นคนที่มั่นคง มีสุขภาพจิตดี และมีความสุขในชีวิตได้

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

20 สิ่งที่ควรสอนลูกสาว ก่อนที่จะโตเป็นผู้ใหญ่ บทเรียนชีวิตสำหรับลูกสาวยุคใหม่

เคล็ดลับ แม่เลี้ยงเดี่ยว เลี้ยงลูกสาว แบบไม่มีพ่อ ไม่ให้รู้สึกขาด

10 วิธี สอนลูกสาวให้รักตัวเอง สร้างเกราะอันแข็งแกร่ง มีภูมิคุ้มกันทางใจ

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!