อุทาหรณ์! ก้างปลาติดคอ กลืนข้าว-น้ำส้มสายชู วันรุ่งขึ้นเสียชีวิต

ก้างติดคอ ทำไงดี หมอแนะ ก้างปลาติดคอ อย่ากลืนข้าว กลืนกล้วย ดื่มน้ำมะนาว ดื่มน้ำส้มสายชู ความเชื่อเหล่านี้ นอกจากไม่ช่วยแล้วยังอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต
เมื่อก้างปลาติดคอ สิ่งแรกที่เรามักทำคือทำตามคำแนะนำที่บอกต่อกันมา ไม่ว่าจะเป็นการกลืนข้าวเหนียวปั้นเป็นก้อน กลืนกล้วย เพื่อดันให้ก้างหลุดออก รวมถึงพยายามดื่มน้ำอัดลม น้ำส้มสายชู บีบน้ำมะนาว เพื่อให้ก้างอ่อนตัวลง หรือแม้แต่การเอาแมวลูบคอ แต่แท้จริงแล้ว ความเชื่อเหล่านี้ไม่ได้รับการยืนยันทางการแพทย์ และที่สำคัญกว่านั้นคือ อาจทำให้อาการรุนแรงขึ้น ก้างอาจฝังลึกกว่าเดิม หรือเกิดการติดเชื้อ จนถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิตได้
อุทาหรณ์ถึงชีวิต: ชายจีนเสียชีวิตหลังพยายามรักษาตัวเองจากก้างปลาติดคอ
ดังเคสความเชื่อผิดๆ ในการรักษาก้างปลาติดคอด้วยตัวเอง ชายชาวจีนวัย 29 ปีต้องจบชีวิตลงอย่างน่าเศร้า หลังจากพยายามนำก้างปลาความยาวประมาณ 5 เซนติเมตรออกจากลำคอ
เขาได้ทำตามคำแนะนำที่บอกต่อกันมาโดยการกลืนข้าวและดื่มน้ำส้มสายชู หวังว่าก้างปลาจะอ่อนตัวและหลุดออกไปเอง แต่ผลลัพธ์กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ก้างปลาได้ทะลุผ่านหลอดอาหารและเจาะทะลุหลอดเลือดแดงใหญ่ ทำให้มีเลือดออกจำนวนมากในวันรุ่งขึ้น และเสียชีวิตในที่สุด
หมอแนะวิธีดูแลเมื่อ ก้างปลาติดคอ
อาจารย์ธนีย์ ธนียวัน ซึ่งเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เชี่ยวชาญโรคปอด การปลูกถ่ายปอดและวิกฤตบำบัด ได้ทำคลิปให้ความรู้ที่ถูกต้องถึงสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำเมื่อก้างปลาติดคอ โดยอาจารย์ได้อธิบายได้ดังนี้
ทำไมก้างปลาจึงเข้าไปทิ่มหลอดเลือดได้?
เมื่อก้างปลาติดคอ ส่วนใหญ่แล้วถ้าเป็นชิ้นเล็กจะติดอยู่บริเวณ ต่อมทอนซิล ซึ่งแพทย์สามารถตรวจดูได้ด้วยไฟฉายและคีบออกได้ไม่ยากนัก แต่หากก้างปลาหลุดลึกเข้าไปกว่านั้นอาจจำเป็นต้องใช้กล้องส่องตรวจเพื่อระบุตำแหน่ง
ความอันตรายของก้างปลาที่หลุดลึกเข้าไป คือตำแหน่งของหลอดอาหาร ที่อยู่ใกล้กับเส้นเลือดแดงใหญ่ (Aorta) เพียงไม่กี่มิลลิเมตรเท่านั้น หากก้างปลาแหลมคมทิ่มทะลุจากหลอดอาหารเข้าไปในเส้นเลือดแดงใหญ่ ในตอนแรก เลือดอาจจะยังไม่ออกมาทันที แต่ก้างปลาจะค่อย ๆ เซาะจนเกิดเป็นรูที่ใหญ่ขึ้น จากนั้นจึงเริ่มมีเลือดออก ซึ่งในทางการแพทย์เรียกว่า “Sentinel Bleeding” ซึ่งเป็นสัญญาณอันตรายให้เรารู้ตัวว่าเกิดปัญหาขึ้นแล้ว แต่ถ้าหากยังไม่มีการแก้ไข เลือดจะเริ่มไหลออกมาปริมาณมากและรวดเร็ว
เนื่องจากความดันโลหิตในร่างกายเราค่อนข้างสูง ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการ อาเจียนเป็นเลือดไม่หยุด และอาจเสียชีวิตได้อย่างกะทันหัน เนื่องจากเสียเลือดมาก รวมถึงบางรายอาจเกิดภาวะ สำลักเลือดเข้าไปในปอด ทำให้ไม่สามารถหายใจได้ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่นำไปสู่การเสียชีวิต
ด้วยระยะห่างเพียงไม่กี่มิลลิเมตรระหว่างหลอดอาหารและเส้นเลือดแดงใหญ่ Aorta ทำให้การที่ก้างปลาทิ่มแทงเข้าไปนั้นเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง และเป็นเหตุผลว่าทำไมการจัดการกับก้างปลาติดคออย่างถูกวิธีจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง
แก้ปัญหาผิดวิธีอันตรายถึงชีวิต
-
ดื่มน้ำส้มสายชู น้ำมะนาว ช่วยให้ก้างอ่อนตัวลงจริงไหม?
เมื่อก้างปลาติดคอ หลายคนมักจะนึกถึงวิธีบ้าน ๆ อย่างการดื่มน้ำส้มสายชู หรือน้ำมะนาว ด้วยความเชื่อที่ว่ากรดจะช่วยให้ก้างอ่อนตัวลงและหลุดไปเอง แต่บอกเลยว่านี่คือความเข้าใจผิดที่อันตรายอย่างยิ่ง!
อาจารย์ให้ลองนึกถึงเมนูปลาที่คุ้นเคยอย่าง “ปลานึ่งมะนาว” ไม่ว่าเราจะใส่มะนาวไปมากแค่ไหน หรือนึ่งนานเท่าไร ก้างปลาก็ยังคงแข็งเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงใช่ไหม? หลักการเดียวกันนี้ใช้ได้กับก้างปลาที่ติดอยู่ในคอของคุณ การดื่มกรดเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นน้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาว ไม่สามารถทำให้ก้างปลานิ่มลงได้เลย
นอกจากจะไม่ได้ช่วยแล้ว การทำเช่นนี้ยังอาจก่อให้เกิดอันตรายเพิ่มเติมอีกด้วย เพราะกรดเหล่านี้อาจจะกัดเซาะและทำให้แผลบริเวณที่ก้างปลาทิ่มอยู่ขยายใหญ่ขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือการบาดเจ็บที่รุนแรงกว่าเดิม
-
กลืนข้าว กลืนกล้วย เมื่อ ก้างปลาติดคอ ทำไมถึงอันตราย?
เมื่อก้างปลาติดคอ ให้กลืนของแข็งหรือเหนียว เช่น ข้าวเหนียวปั้น กล้วย มาร์ชแมลโลว์ หรือแม้แต่ข้าวคำใหญ่ เพื่อดันก้างให้หลุดลงไป นี่เป็นอีกวิธีที่อันตรายอย่างยิ่งเช่นกัน
อาจารย์ให้ลองจินตนาการดูว่า หากก้างปลาไปติดอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้กับเส้นเลือดใหญ่เพียงไม่กี่มิลลิเมตร การที่คุณกลืนอะไรลงไปเพื่อดันก้าง อาจทำให้ก้าง เปลี่ยนทิศทางและทิ่มแทงเข้าสู่เส้นเลือด ได้อย่างไม่ตั้งใจ เหมือนกับเคสที่เคยเกิดขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การตกเลือดรุนแรงและเสียชีวิตได้ทันที เราไม่มีทางรู้เลยว่าแรงดันนั้นจะส่งผลให้ก้างปลาเคลื่อนที่ไปในทิศทางใด ดังนั้น ห้ามทำเด็ดขาด!
-
ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงที่อาจตามมา
นอกจากอันตรายต่อเส้นเลือดแล้ว หากไม่รีบไปพบแพทย์และก้างปลายังคงติดค้างอยู่เป็นเวลานาน อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงถึงชีวิต นั่นคือ การเกิดหนองหรือการติดเชื้อในช่องอก เพราะภายในทางเดินอาหารของเรานั้นมีเชื้อโรคอยู่ตามธรรมชาติ หากก้างปลาทิ่มทะลุหลอดอาหาร ทำให้เกิดรูเชื่อมต่อไปยังช่องอก เชื้อโรคจากทางเดินอาหารก็จะเล็ดลอดเข้าไปในช่องอกได้ทันที ก่อให้เกิด การติดเชื้ออย่างรุนแรง
ภาวะนี้ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน ซึ่งมักจะหมายถึง การผ่าตัดเพื่อระบายหนอง ทำความสะอาดภายใน และใส่ท่อระบาย ซึ่งผู้ป่วยอาจต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลนานหลายสัปดาห์ถึงเป็นเดือน แม้จะได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว ร่างกายก็อาจจะไม่กลับมาเป็นปกติ 100%
ก้างปลาติดคอ ควรทำยังไง?
อาจารย์ธนีย์ ได้ให้คำแนะนำที่ถูกต้องและปลอดภัย เมื่อก้างปลาติดคอ ไว้ว่า อาการแรกที่คุณจะรับรู้ได้อย่างชัดเจนคือ ความเจ็บปวด และจะสามารถระบุตำแหน่งที่เจ็บได้ค่อนข้างแม่นยำ ทุกครั้งที่กลืนอะไรลงไปก็จะรู้สึกเจ็บ ให้ทำดังนี้
- ลองกลั้วคอ: หากเป็นก้างปลาชิ้นเล็ก ๆ การกลั้วคออาจช่วยให้ก้างหลุดออกมาได้เอง เมื่อบ้วนทิ้งแล้วความเจ็บปวดควรจะดีขึ้น อาจมีอาการระบมเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วจะต้องรู้สึกสบายขึ้น
- หนีบก้างออกด้วยแหนบ: ในกรณีที่คุณมองเห็นก้างปลาชิ้นใหญ่ได้อย่างชัดเจนและมีแหนบที่สะอาด สามารถลองใช้แหนบคีบออกได้ หากทำสำเร็จก็ไม่จำเป็นต้องไปพบแพทย์
สิ่งที่ “ห้ามทำเด็ดขาด” เมื่อ ก้างปลาติดคอ
นอกเหนือจากวิธีข้างต้น หากก้างปลายังไม่หลุดหรือไม่สามารถเอาออกได้ด้วยตัวเอง สิ่งที่คุณต้องจำให้ขึ้นใจคือ “ห้ามทำ” สิ่งต่อไปนี้เด็ดขาด
- ห้ามดื่มน้ำมะนาว น้ำส้มสายชู หรือของเหลวที่เป็นกรด: ความเชื่อที่ว่ากรดจะช่วยให้ก้างอ่อนตัวลงนั้น ไม่เป็นความจริง และอาจทำให้แผลบริเวณที่ก้างตำอยู่ขยายใหญ่ขึ้น เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
- ห้ามเอานิ้วไปควานหา หรือพยายามหาก้าง: การใช้นิ้วหรืออุปกรณ์อื่นที่ไม่เหมาะสมไปควานหาในลำคออาจทำให้ก้างเคลื่อนที่ลึกเข้าไปกว่าเดิม หรือทำให้เกิดบาดแผลที่รุนแรงขึ้น
- ห้ามกลืนข้าว กล้วย ข้าวเหนียวปั้น มาร์ชแมลโลว์ หรืออาหารใด ๆ เพื่อดันก้าง: นี่คือวิธีที่ อันตรายที่สุด เพราะอาจทำให้ก้างเปลี่ยนทิศทางและทิ่มแทงเข้าสู่เส้นเลือดใหญ่ หรืออวัยวะสำคัญใกล้เคียง ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ทันที
เมื่อไหร่ที่ต้องไปหาหมอ?
หากคุณลองกลั้วคอแล้วอาการไม่ดีขึ้น หรือไม่สามารถคีบก้างออกได้เอง สิ่งเดียวที่ต้องทำคือ “ไปหาหมอทันที” อย่ารอช้า ไม่มีความจำเป็นต้องปฐมพยาบาลด้วยวิธีอื่น ๆ เพราะมีแต่จะเพิ่มความเสี่ยงและอันตรายให้กับตัวเอง
เมื่อก้างปลาติดคอ และคุณรู้สึกเจ็บ กลืนลำบาก หรือมองไม่เห็นก้าง อย่าพยายามแก้ไขด้วยตัวเอง การไปพบแพทย์คือทางออกที่ปลอดภัยและถูกต้องที่สุด เพื่อให้ได้รับการตรวจวินิจฉัยและนำก้างออกอย่างถูกวิธี ป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
ก้างปลาติดคอ อย่าปล่อยทิ้งไว้! เสี่ยงติดเชื้อในกระแสเลือด
หากก้างปลาติดคอเพียง 1-2 วันแรก โดยทั่วไปแล้วคุณอาจยังไม่จำเป็นต้องได้รับยาปฏิชีวนะ แต่ถ้าหากปล่อยไว้นานกว่านั้น ความเสี่ยงของการติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากในทางเดินอาหารของเรามีเชื้อโรคอยู่ตามธรรมชาติ และเมื่อก้างปลาสร้างบาดแผล เชื้อโรคเหล่านั้นก็พร้อมที่จะเข้าสู่กระแสเลือดได้
หากคุณเริ่มมี ไข้ ร่วมด้วย นั่นเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าร่างกายเริ่มมีการติดเชื้อแล้ว ในกรณีนี้ คุณจะไม่สามารถกลับบ้านได้ทันทีหลังนำก้างออก แต่จะต้อง เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล เพื่อให้แพทย์ดูแลภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น
การติดเชื้อที่รุนแรงนี้มักเกิดขึ้นเมื่อคุณไม่ยอมไปโรงพยาบาลตั้งแต่แรก และหวังว่าก้างจะหลุดออกไปเอง ซึ่งเป็นการกระทำที่ ห้ามเด็ดขาด! มีหลายเคสที่เคยเกิดขึ้นจริง โดยผู้ป่วยปล่อยทิ้งไว้ 2-3 วัน หรือนานเป็นสัปดาห์ จนกระทั่งเกิดการติดเชื้อรุนแรงในกระแสเลือด และเป็นอันตรายถึงชีวิต
ดังนั้น ถ้าก้างปลาติดคอ ไม่ว่าจะรู้สึกเจ็บมากหรือน้อยก็ตาม ให้ไปพบแพทย์ในวันนั้นทันที อย่ารอช้าแม้แต่วันเดียว เพราะทุกนาทีมีความหมายต่อความปลอดภัยของคุณ
ที่มา : Youtube Doctor Tany
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
อุทาหรณ์! ปู่ย่าพาหลานไปหา “หมอเป่า” สุดท้ายติดเชื้อลุกลาม น่าสงสาร
เตือนแม่! อย่ากินอาหารที่ใช้ปากกาเมจิกเขียนบนถุง เสี่ยงมะเร็ง
100 ไอเดีย เมนูมื้อเช้าให้ลูกไปโรงเรียน อร่อยไม่ซ้ำ ทำง่าย ได้ประโยชน์