ผ่าคลอดแบบบล็อกหลังหรือดมยาสลบ แบบไหนดีกว่ากัน?

undefined

ผ่าคลอดแบบบล็อกหลังหรือดมยาสลบ หากคุณแม่เลือกผ่าคลอด จะมีศัพท์คำใหม่ 2 คำที่คุณแม่ควรทำความรู้จัก คือ ผ่าคลอดแบบบล็อกหลัง และผ่าคลอดแบบดมยาสลบ บล็อกหลังหรือดมยา บล็อกหลัง ดมยาสลบ วางยาสลบ ผ่าคลอดแบบบล็อกหลังหรือดมยาสลบแบบไหนดีกว่ากัน?

 

การผ่าคลอดแบบบล็อกหลัง (Spinal Block/Epidural)

การบล็อกหลังผ่าคลอด หรือที่เรียกอีกอย่างว่า “Spinal block” หรือ “Epidural block” เป็นเทคนิคที่ใช้ในการลดความเจ็บปวดระหว่างและหลังการผ่าคลอด เทคนิคนี้จะมีการฉีดยาชาเข้าไปในช่องว่างในกระดูกสันหลัง (Spinal canal) เพื่อทำให้เส้นประสาทที่ส่งความรู้สึกเจ็บปวดถูกระงับไว้ ทำให้แม่สามารถรู้สึกตัวได้ตลอดการผ่าคลอดแต่ไม่รู้สึกเจ็บปวด

ข้อดีของการบล็อกหลัง

  1. ความปลอดภัย: การบล็อกหลังมีความเสี่ยงน้อยกว่าการดมยาสลบในการเกิดภาวะแทรกซ้อนทางระบบหายใจและระบบหัวใจ เนื่องจากยาใช้เฉพาะบริเวณและไม่มีผลต่อระบบประสาทส่วนกลางมากนัก
  2. การฟื้นตัวเร็ว: แม่สามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่า สามารถลุกขึ้นเดินได้เร็ว และสามารถให้นมบุตรได้ทันทีหลังผ่าตัด
  3. การมีส่วนร่วมในการคลอด: แม่สามารถเห็นและสัมผัสลูกน้อยทันทีหลังคลอด ซึ่งเป็นการสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแม่และลูก

ข้อเสียของการบล็อกหลัง

  1. ความกังวล: แม่อาจรู้สึกกังวลหรือตื่นเต้นเนื่องจากยังมีสติสัมปชัญญะระหว่างการผ่าตัด
  2. อาการแทรกซ้อน: อาจมีอาการปวดหัวหลังจากการบล็อกหลัง (post-dural puncture headache) หรือเกิดการบาดเจ็บที่เส้นประสาทได้ แม้ว่าจะพบได้น้อย
  3. ความไม่สบาย: บางคนอาจรู้สึกไม่สบายหรือคลื่นไส้หลังการบล็อกหลัง

การดูแลหลังการบล็อกหลังผ่าคลอด

  1. การพักผ่อน: ควรพักผ่อนอย่างเพียงพอและเลี่ยงการทำกิจกรรมที่หนักในระยะแรก
  2. การดูแลแผล: ดูแลบริเวณที่ฉีดยาชาให้สะอาดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  3. การดื่มน้ำ: ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยลดอาการปวดศีรษะ

การบล็อกหลังผ่าคลอดเป็นเทคนิคที่ช่วยให้แม่มีความสะดวกสบายและปลอดภัยในระหว่างการผ่าคลอด อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับข้อดี ข้อเสีย และความเสี่ยงต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจเลือกใช้วิธีนี้

 

การผ่าคลอดแบบบล็อกหลัง (Spinal Block/Epidural)

การผ่าคลอดแบบดมยาสลบ (General Anesthesia)

การดมยาสลบ คือการฉีดยานำสลบเข้าไปในหลอดเลือดดำ และให้ยาหย่อนกล้ามเนื้อทั่วร่างกายให้เป็นอัมพาต โดยวิสัญญีแพทย์อาจให้ยาแก้ปวด ยาดมสลบในรูปของไอระเหยร่วมด้วย จากนั้นจะสอดท่อช่วยหายใจทางปาก เข้าไปในหลอดลม เพื่อช่วยการหายใจระหว่างผ่าตัด เมื่อสิ้นสุดการผ่าตัดคุณแม่จะค่อยๆ ฟื้นคืนสติ และเริ่มหายใจได้เอง วิสัญญีแพทย์จึงค่อยถอดท่อช่วยหายใจออก

ข้อดีของการผ่าคลอดแบบดมยาสลบ

  1. คุณแม่ไม่ต้องรับรู้ต่อเหตุการณ์ต่างๆ ในห้องผ่าตัด เหมาะสำหรับคุณแม่ที่กลัวการผ่าตัด เพราะจะไม่รู้สึกตัวเลยขณะที่แพทย์ทำการผ่าคลอดค่ะ
  2. วิสัญญีแพทย์สามารถควบคุมการหายใจ และระบบไหลเวียนของคุณแม่ได้อย่างเหมาะสม

ข้อเสียของการผ่าคลอดแบบวางยาสลบ

ข้อเสียของการผ่าคลอดโดยการวางยาสลบจะมีมากกว่าการผ่าคลอดโดยการบล็อคหลัง เนื่องจากการใช้ยาหลายตัว และมีกรรมวิธีเยอะ จึงมักมีผลข้างเคียง แต่ไม่อันตราย และไม่นานก็สามารถหายได้เองค่ะ โดยการอาการที่พบบ่อย ได้แก่

  1. คุณแม่อาจเจ็บคอ ระคายคอ เสียงแหบ ไอ ซึ่งเป็นผลจากการสอดใส่ท่อช่วยหายใจผ่านเข้าไปในหลอดลม อาการนี้อาจพบได้ในบางราย และจะสามารถหายได้เองภายใน 24-48 ชม.
  2. คลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียน มึนงง เบลอในช่วงพักฟื้นหลังการผ่าตัด อันเป็นผลจากยาแก้ปวด และยาดมสลบ
  3. ปวดแผลมากกว่าการผ่าคลอดโดยการบล็อกหลัง เนื่องจากยาสลบจะไปกดสมองไม่ให้รับรู้ความเจ็บปวด แต่ระบบประสาท ไขสันหลังยังทำงานอยู่ ทำให้เมื่อหมดฤทธิ์ยาสลบจะรู้สึกปวดแผลมาก
  4. ในบางรายยาสลบอาจส่งผลถึงลูกน้อยได้รับยาสลบไปด้วย ทำให้การประเมินหลังคลอดทำได้ช้ากว่าปกติค่ะ

การดูแลหลังการผ่าคลอดแบบวางยาสลบ

หลังจากการผ่าคลอด ผู้ป่วยจะต้องพักฟื้นและได้รับการดูแลเป็นพิเศษ แพทย์จะติดตามอาการและให้คำแนะนำในการดูแลแผลผ่าตัด การให้นมบุตร และการฟื้นฟูสภาพร่างกาย ทั้งนี้การผ่าคลอดแบบดมยาสลบเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยให้การคลอดทารกเป็นไปอย่างปลอดภัยในกรณีที่มีความจำเป็น การให้ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจะช่วยให้ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถเตรียมตัวและตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ

 

การผ่าคลอดแบบดมยาสลบ (General Anesthesia)

 

ความแตกต่างระหว่างผ่าคลอดแบบบล็อกหลังกับดมยาสลบ

บล็อกหลัง ดมยาสลบ
การใช้ยา ฉีดยาชาเข้าที่ไขสันหลัง
ยาชาชนิดสูดดมผ่านท่อหายใจ
ความรู้สึกตัว รู้สึกตัว แต่ชาตั้งแต่เอวลงไป ไม่รู้สึกตัว
การขยับเขยื้อน ขยับเขยื้อนขาได้บ้างเล็กน้อย ขยับเขยื้อนไม่ได้
การมองเห็น มองเห็นปกติ มองไม่เห็น
การมีส่วนร่วม ร่วมเบ่งคลอดได้
ไม่สามารถร่วมเบ่งคลอดได้
ระยะเวลาออกฤทธิ์ ประมาณ 1-2 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับยาที่ใช้
ผลข้างเคียง ปวดหลัง, คลื่นไส้, อาเจียน, ชาที่ขาเป็นเวลานาน
คลื่นไส้, อาเจียน, ปวดศีรษะ, ความดันต่ำ, หายใจลำบาก
ข้อดี – รู้สึกตัวหลังคลอดเร็ว

– ให้นมลูกได้เร็ว

– ฟื้นตัวเร็ว

– พบกับลูกได้เร็ว

– ลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

– ไม่รู้สึกตัวระหว่างผ่าตัด
– ผ่อนคลาย
– ควบคุมอาการคลื่นไส้ได้ดี
ข้อเสีย – ชาไม่ทั่วถึง

– อาจรู้สึกตึงหรือเจ็บหลัง

– ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาทางระบบประสาท

– ฟื้นตัวช้า
– อาจรู้สึกมึนงงหลังตื่นนอน
– เสี่ยงต่อการสำลัก
– ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาทางเดินหายใจ

 

ผ่าคลอดแบบบล็อกหลังหรือดมยาสลบ

 

ผ่าคลอดแบบบล็อกหลังหรือดมยาสลบ แบบไหนดีกว่ากัน?

การตัดสินใจเลือกวิธีการผ่าคลอดควรทำร่วมกับแพทย์ผู้ดูแล ซึ่งจะพิจารณาจากสภาวะสุขภาพของแม่และลูก รวมถึงความพร้อมของทีมแพทย์และอุปกรณ์ในโรงพยาบาล ในบางกรณีแพทย์อาจแนะนำวิธีที่เหมาะสมที่สุดเพื่อความปลอดภัยของทั้งแม่และลูก ในกรณีทั่วไป การบล็อกหลังมักเป็นวิธีที่นิยมใช้มากกว่า เนื่องจากมีความปลอดภัยและการฟื้นตัวที่รวดเร็วกว่า แต่ในบางกรณีที่มีข้อจำกัดหรือภาวะแทรกซ้อนทางการแพทย์ การดมยาสลบอาจเป็นตัวเลือกที่จำเป็นและเหมาะสม ดังนั้นการเลือกวิธีการผ่าคลอดควรพิจารณาจากสุขภาพและความต้องการของแม่ รวมถึงคำแนะนำจากแพทย์ผู้ดูแล การบล็อกหลังมีข้อดีในเรื่องของความปลอดภัยและการฟื้นตัวที่รวดเร็ว แต่การดมยาสลบอาจจำเป็นในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อนหรือข้อจำกัดในการใช้การบล็อกหลัง

 

ทั้งนี้ แม่ผ่าคลอดอาจเป็นห่วงลูกที่อาจมีระบบภูมิต้านทานพัฒนาล่าช้า เพราะไม่ได้รับโพรไบโอติกที่เป็นจุลินทรีย์สุขภาพจากช่องคลอดของแม่ แต่คุณแม่ไม่ต้องกังวลเพราะสามารถเร่งคืนภูมิต้านทานให้ลูกได้ด้วยการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพราะนมแม่มีองค์ประกอบของโพรไบโอติกและพรีไบโอติก การให้นมแม่จึงมีความสำคัญยิ่ง ในกรณีคุณแม่ไม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ ควรปรึกษาแพทย์ในการเลือกโภชนาการที่เหมาะสมเพื่อเร่งคืนภูมิต้านทานให้กับลูกน้อย

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ: 

ผ่าคลอดครั้งที่ 3 อันตรายไหม ผ่าคลอดได้ไม่เกินกี่ครั้ง

ผ่าคลอดกี่เดือนถึงจะมีเพศสัมพันธ์ได้ เมื่อไหร่ควรมีเพศสัมพันธ์ได้

15 คำถามที่พบบ่อยเรื่องผ่าคลอด เรื่องน่ารู้ก่อนเป็นคุณแม่

ที่มา: sikarin.com, s-momclub.com

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!