6 เหตุผล ว่าทำไมคุณพ่อ คุณแม่ถึงควรให้ลูกมีสัตว์เลี้ยงในบ้าน
บางครั้งสายตาเว้าวอนของลูกหมา ลูกแมวตัวน้อยก็อาจทำให้ลูกของคุณแม่หวั่นไหว อ้อนวอน ขอร้องอยากให้รับกลับบ้านไว้เป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัว คุณแม่ควรตัดสินใจอย่างไรดี เรามีคำแนะนำมาฝากค่ะ
6 เหตุผล ว่าทำไมคุณพ่อ คุณแม่ถึงควรให้ลูกมีสัตว์เลี้ยงในบ้าน
บางครั้งสายตาเว้าวอนของลูกหมา ลูกแมวตัวน้อยก็อาจทำให้ลูกของคุณแม่หวั่นไหว อ้อนวอน 6 เหตุผล ว่าทำไมคุณพ่อ คุณแม่ถึงควรให้ลูกมีสัตว์เลี้ยงในบ้าน
1. ช่วยพัฒนาให้ลูกรู้จักการอยู่ร่วมกับผู้อื่น
การเลี้ยงสัตว์อย่างเช่น หมา หรือ แมวเด็กจะได้รู้จักกับการแบ่งปัน และ คิดถึงความต้องการของผู้อื่น รู้จักเรียนรู้ที่จะปรับตัวเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตแบบเดิมๆของตัวเองให้เข้ากับการมีสมาชิกใหม่ ที่มีความต้องการที่แตกต่างไปจากตัวเด็กเอง ให้เขาเคารพในความต้องการที่แตกต่าง รู้จักความอดทนและปรับตัวให้อยู่ร่วมกับสมาชิกใหม่ได้อย่างมีความสุขขึ้น เป็นเด็กที่มีมนุษยสัมพันธุ์ดีรู้จักปรับตัวให้อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้เร็วขึ้น
2. ฝึกความรับผิดชอบให้กับลูก
เมื่อมีสัตว์เลี้ยงเพิ่ม หน้าที่ความรับผิดชอบของคุณแม่ก็ย่อมเพิ่มขึ้น และสามารถให้สัตว์เลี้ยงเป็นเครื่องมือในกานฝึกความรับผิดชอบให้กับลูกได้ หากลูกรบเร้าอยากมีสัตว์เลี้ยง และเมื่อคุณแม่ตัดสินใจแล้วว่าจะให้เลี้ยงได้ จำเป็นต้องทำข้อตกลงร่วมกันกับลูก พูดคุยทำความเข้าใจและมอบหมายหน้าที่่ให้ลูกมีส่วนร่วมในการดูแลสัตว์เลี้ยงไม่ว่าจะเป็น ช่วยทำความสะอาดกรง หรือผ้าปูนอน ผ้าห่มของน้องหมาน้องแมว ช่วยล้างชามใส่อาหาร หรือเติมน้ำดื่มให้สัตว์เลี้ยง ช่วยเช็ดทำความสะอาดหลังสัตว์เลี้ยงขับถ่ายเป็นต้น จะเป็นการช่วยฝึกให้ลูกรู้จักหน้าที่และความรับผิดชอบตั้งแต่เด็กและติดตัวไปจนโต
เมื่อเด็กๆ คิดจะขอคุณพ่อ คุณแม่เลี้ยงสัตว์ อาจจะคิดแค่ว่าสัตว์เลี้ยงมาเล่น มาอยู่เป็นเพื่อน เหมือนเป็นตุ๊กตาคู่ใจ แต่เมื่อได้มาเลี้ยงแล้ว เด็กๆ ก็จะรู้ว่าพวกเขาต้องช่วยคุณพ่อคุณแม่หาข้าว หาน้ำ พาไปอาบน้ำ ซึ่งความรับผิดชอบนี้จะช่วยให้เด็กๆ เข้าใจความสำคัญ เห็นคุณค่าของชีวิต เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวที่พวกเขาต้องดูแลร่วมกัน
3. เพิ่มภูมิคุ้มกันทางจิตใจ
การเลี้ยงหมาหรือแมว สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยคือความซนที่มักจะทำลายข้าวของในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ไปจนถึงเสื้อผ้า หรือไอเท็มสุดโปรดที่มักเป็นเป้าจู่โจมของเหล่าสัตว์เลี้ยงเขี้ยมคมๆอย่างรองเท้าคู่เก่ง ทำให้เด็กได้เรียนรู้ที่จะให้อภัยกับความเสียหายที่เกิดขึ้น หรือแม้แต่หากสัตว์เลี้ยงตาย เด็กก็จะมีโอกาสได้เรียนรู้จากความสูญเสีย ทำให้เด็กเข้าใจชีวิตมากขึ้นและทำใจยอมรับได้
ว่าการสูญเสียเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องก้าวผ่านไปให้ได้ ทั้งนี้หากเด็กเผชิญกับความเสียใจกับการจากไปของสัตว์เลี้ยงคุณพ่อคุณแม่ควรอธิบายให้ลูกฟังด้วยเหตุผลที่ไม่ซับซ้อน และให้กำลังใจจนกว่าลูกจะทำให้ได้ และไม่ควรบอกลูกว่า สัตว์เลี้ยงจากไปเพราะลูกทำตัวไม่ดีจะทำให้เด็กโทษตัวเองและมีทัศนคติไม่ดีกับตัวเอง
การเลี้ยงสัตว์ โดยเฉพาะน้องหมาน้องแมว สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยคือความซนที่มักจะทำลายข้าวของในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ไปจนถึงเสื้อผ้า หรือของเล่นสุดโปรดของเด็กๆ ทำให้เด็กได้เรียนรู้ที่จะให้อภัยกับความเสียหายที่เกิดขึ้น หรือแม้แต่หากสัตว์เลี้ยงตาย เด็กจะได้เรียนรู้จากความสูญเสีย ทำให้เด็กเข้าใจชีวิตและมีจิตใจที่เข้มแข็งมากขึ้นค่ะ
4. คลายเครียดและคลายเหงา
สัตว์เลี้ยงช่วยให้เด็กรู้สึกผ่อนคลายจากความเครียด รู้สึกปลอดภัยเมื่อได้ระบายเรื่องราวที่ไม่สบายใจ หรือความลับที่ไม่อยากให้ใครรู้ให้สัตว์เลี้ยงฟัง ความซื่อสัตย์ของหมา ยังช่วยให้เด็กได้รู้จักความหมายของคำว่าเพื่อนแท้ สุขภาพจิตแข็งแรง
รู้ไหมคะว่าสัตว์เลี้ยงก็ช่วยลดความเครียดให้กับเด็กๆ ได้ เช่น เมื่อเด็กๆ เลี้ยงสุนัขพวกเขาจะรู้สึกผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัด ความดันโลหิตก็จะลดต่ำลง และที่น่าสนใจคือความดันโลหิตของสุนัขก็ลดลงด้วยขณะที่มีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันกับเด็กๆ อีกทั้งสัตว์เลี้ยงยังช่วยคลายความเหงาให้กับเด็กๆ เหมือนเป็นเพื่อนรู้ใจอีกคนหนึ่ง
จากวารสารหลายฉบับในต่างประเทศระบุว่า เด็กๆ ที่เติบโตท่ามกลางสัตว์เลี้ยง จะช่วยลดโอกาสเสี่ยงเป็นโรคภูมิแพ้และหืดหอบในเด็ก สร้างภูมิคุ้มกัน และลดระดับความดันในเส้นเลือดได้อีกด้วย เพียงการลูบตัวน้องหมาจะช่วยทำให้หัวใจเต้นช้าลง รู้สึกผ่อนคลายสบายใจ อีกทั้งการที่เด็กๆ ได้มีกิจกรรมร่วมกับน้องหมา ได้ออกไปเดินเล่น พาน้องหมาไปวิ่งสูดอากาศนอกบ้าน แทนการนั่งดูโทรทัศน์ เล่นเกมหน้าคอมพิวเตอร์ก็ช่วยให้พวกเขามีสุขภาพแข็งแรง ร่าเริงแจ่มใสค่ะ
5. ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
การมีสัตวืเลี้ยงเป็นเพื่อนเล่น ทำให้ลูกได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์อย่างการพาน้องหมาไปเดินเล่นออกกำลังกาย หรือพาไปว่ายน้ำ ให้เด็กได้ออกไปพบปะผู้คนนอกบ้าน หรือใช้เวลาว่างดูแลสัตว์เลี้ยงตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจะได้ไม่จดจ่ออยู่กับหน้าจอแท็บเล็ต หรือเกมคอมพิวเตอร์มากเกินไป
เวลาว่างของเด็กๆ สมัยนี้คงหนีไม่พ้นหน้าจอสี่เหลี่ยมทั้งหลายไม่ว่าจะจอโทรทัศน์ จอคอมพิวเตอร์ จอแท็บเล็ต ซึ่งการให้ลูกเลี้ยงสัตว์จะช่วยให้เด็กๆ มีโอกาสทำกิจกรรมต่างๆ มากขึ้น เช่น ถ้าเลี้ยงสุนัขก็ต้องพาน้องหมาไปเดินเล่น วิ่งออกกำลังกาย สร้างความสนุกสนาน และเพิ่มพื้นที่สร้างสรรค์ให้แก่เด็กๆ ได้เรียนรู้ร่วมกันในครอบครัว
6. มีจิตใจเมตตา โอบอ้อมอารี
ช่วยให้เด็กรู้จักใส่ใจความรู้สึกของผู้อื่นเป็นเด็กที่มีความเมตตา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รู้จักเสียสละ และการแบ่งปัน
แม้ว่าประโยชน์จากการให้ลูกมีสัตว์เลี้ยงจะมีมาก แต่ข้อเสียก็มีเหมือนกัน เช่นค่าใช่จ่ายที่เพิ่มขึ้น ทั้งค่าอาหาร ค่ารักษาพยาบาลยามเจ็บป่วย ค่าวัคซีนต่างๆของสัตว์เลี้ยง มีข้อจำกัดในการออกไปเที่ยวนอกบ้าน อย่างไรคุณแม่ควรชั่งน้ำหนักให้ดี เพราะความรับผิดชอบที่มีต่อสัตว์เลี้ยงจำเป็นต้องเลี้ยงไปตลอดชีวิต
อย่างไรก็ตาม แม้การให้ลูกเลี้ยสัตว์มีข้อดีอยู่มากมาย แต่ก่อนที่คุณพ่อคุณแม่จะตัดสินใจนำเขามาเลี้ยง ต้องมั่นใจว่าจะสามารถเลี้ยงดูสัตว์เลี้ยงเหล่านั้นได้ดี สามารถเป็นตัวอย่างการเลี้ยงดูสัตว์เลี้ยงให้ลูกได้ จะทำให้การมีสัตว์เลี้ยงในบ้านมีความสุข สนุกสนานทั้งคุณพ่อคุณแม่และลูกๆ ค่ะ
หากเลี้ยงไปแล้วเกิดไม่อยากเลี้ยงขึ้นมา นำไปทิ้ง หรือยกให้คนอื่น ก็จะกลายเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับลูก ทำให้เห็นความไม่รับผิดชอบต่อตัวเองและสังคม ทำให้ลูกรู้สึกไม่มั่นคงและไว้ใจผู้อื่นยากขึ้น หากคุณพ่อคุณแม่ยังไม่พร้อมที่จะเหนื่อยก็อย่าให้ลูกเลี้ยง ควรพูดคุยทำความเข้าใจกับลูกให้ดีก่อนตัดสินใจค่ะ
The Asianparent Thailand
เว็บไซต์ข้อมูลคุณภาพและสังคมคุณแม่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและเอเชีย เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ แหล่งความรู้แม่และเด็ก รวมถึงแอพพลิเคชั่น The Asianparent ที่ติดตามการตั้งครรภ์ให้คุณแม่ได้ลงทะเบียนใช้งาน เพื่อติดตามพัฒนาการทารกตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงติดตามหลังคลอดที่ครอบคลุมที่สุดและผู้ใช้งานสูงสุดในประเทศไทย นอกจากความรู้ยังมีไลฟ์สไตล์และสื่อมัลติมีเดียหลากหลาย ไม่ว่าสุขภาพแม่และเด็ก โภชนาการแม่และเด็ก กิจกรรมสำหรับครอบครัว
การวางแผนครอบครัวไปจนถึง การดูแลลูก การศึกษา และจิตวิทยาเด็ก The Asianparent เราพร้อมสนับสนุนพ่อแม่ทุกท่าน ให้มีความรู้และมีสุขภาพกายใจเข้มแข็ง เพื่อเสริมสร้างครอบครัวอย่างแข็งแรง
เพราะเราเชื่อว่า “พ่อแม่เข้มแข็ง ครอบครัวแข็งแรง”
ที่มา : 1
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ
https://www.dogilike.com/content/tip/2751/
https://taamkru.com/th/สอนลูกเรื่องสัตว์เลี้ยง
ถ้าสัตว์เลี้ยงตายคุณจะบอกลูกหรือไม่? ทำอย่างไรดีเมื่อสัตว์เลี้ยงตาย